บทที่ 68 เลือก (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

เขาไม่กลัวกงซุนจางหลานจริงๆ แม้จะเป็นยอดฝีมือผนึกจิตที่ฝึกกำลังภายในและกำลังภายนอกเหมือนกัน แต่ระดับเดียวกันก็มีการแบ่งระดับสูงต่ำ

เป็นขอบเขตเดียวกัน แต่ว่าเขามีวิชากำลังภายในสามอย่าง เทียบได้กับความสามารถมากกว่าร้อยปีของคนทั่วไป ถ้าพูดเรื่องนี้ออกมา คงทำให้คนตื่นตระหนก ไม่มีใครเชื่อ

อย่างอื่นไม่พูดถึง แค่ลู่เซิ่งใช้กำลังภายในต่อสู้กับคน สามารถฆ่าคนทั้งเป็นได้แล้ว

หลังจากแลกเปลี่ยนกับหลี่ซุ่นซี ลู่เซิ่งก็มีความรู้จักอย่างล้ำลึกต่อขีดความสามารถกำลังภายใน และพลังฝึกปรือของตัวเองกว่าเดิม

วิชาทมิฬพิฆาตแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้ หลังจากเขาใช้เครื่องมือปรับเปลี่ยน ประเดี๋ยวเดียวก็มีกำลังภายในยิ่งใหญ่ที่คนอื่นต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะมี บวกกับการใช้กำลังภายในได้ตามใจ พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นไม่แข็งแกร่งจึงเป็นไปไม่ได้

หนำซ้ำเขาหวนนึกถึงตอนแรก ฝึกฝนวิชากระเรียนหยกก่อน ปราณภายในวิชากระเรียนหยกหลังจากบรรลุถึงความสำเร็จจากการสั่งสมหลายสิบปีของคนทั่วไป จึงค่อยเริ่มฝึกวิชาทมิฬพิฆาต เมื่อเป็นแบบนี้เท่ากับตอนที่เขาใช้วิชาทมิฬพิฆาตอย่างแท้จริง จะมีวิชากระเรียนหยกเป็นตัวสนับสนุน

มีวิชากำลังภายในสองวิชา วิชากระเรียนหยกมอบความสามารถการฟื้นปราณและปริมาณกำลังภายในที่ยิ่งใหญ่เหลือประมาณ อานุภาพที่สร้างได้เหนือกว่าสภาพปกติตั้งแต่เริ่ม

ดังนั้นจึงมีอานุภาพเต็มเปี่ยม

พึงทราบว่าหยดน้ำเมื่อมีมากก็ทะลุหินได้ อย่าว่าแต่กำลังภายในเช่นวิชาทมิฬพิฆาต

“ฝ่ามือเอกาลี้ลับของกงซุนจางหลานมีอานุภาพแข็งแกร่ง น้องลู่อย่าดูถูกเขา” ประมุขพรรคเฒ่าหมดคำพูดอยู่บ้าง รู้สึกว่าลู่เซิ่งวู่วามเกินไป

“ไม่เป็นไร ไม่ทราบวิชาที่ท่านประมุขฝึกฝนคืออะไร ได้ยินว่าท่านประมุขมีอำนาจสะท้านแดนเหนือ พลังฝึกปรือสูงล้ำ ถูกยกย่องเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ ไม่ทราบสามารถชี้แนะได้หรือไม่”

ลู่เซิ่งเสนออย่างจริงจัง

เขาอยากเห็นจริงๆ ว่าระหว่างตนกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนแอ จนถึงตอนนี้เขาสู้กับภูตผีมาโดยตลอด ยอดฝีมือในยุทธจักรที่เจอส่วนใหญ่ไม่ใช่คู่มือเขา ทำให้เขาไม่มีการประเมินที่ชัดเจนต่อขีดความสามารถของตัวเอง

ดังนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าตัวเขาลู่เซิ่งนับเป็นยอดฝีมืออันดับใดในยุทธจักรกันแน่

ประมุขพรรคเฒ่าหัวเราะ

“คำชี้แนะไม่กล้ารับ ข้าก็เพียงอยู่นานกว่าน้องลู่หลายปี พลังยุทธเลยล้ำลึกเล็กน้อย”

เขาค่อยๆ หมุนตัวมาประจัญหน้ากับลู่เซิ่ง

“ในเมื่อน้องลู่ลุ่มหลงในวิถีบู๊ เช่นนั้นพวกเราค่อยๆ แลกเปลี่ยนกัน ป้องกันไม่ให้ต่อสู้ใหญ่โตรานน้ำใจกัน”

“ขอบคุณประมุขพรรคที่สนอง!” ลู่เซิ่งแน่วแน่ ในที่สุดก็จะประเมินขีดความสามารถของตัวเองได้อย่างชัดเจน

เขาอยู่ห่างกับประมุขพรรคเฒ่าหลายหมี่ เผชิญหน้ายืนนิ่ง

“ที่เรียกว่าฝึกฝนกำลังภายในและกำลังภายนอกพร้อมกัน เป็นการรวมพลังภายนอกและปราณภายในเป็นหนึ่ง หลังผนึกจิตคือฟากฟ้า ไร้ขอบเขต กว้างใหญ่ไพศาล”

ประมุขพรรคเฒ่าหงหมิงจือยิ้มน้อยๆ งอนิ้วต่างกระบี่ ทิ่มใส่ทรวงอกลู่เซิ่งเดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็ว

เขามองเห็นนิ้วของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่เกิดความรู้สึกหลอนว่าจับไว้ไม่ทัน จิตใจอึดอัดยากทนทาง สะอิดสะเอียนคิดอาเจียน

“พยัคฆ์คำราม!” ลู่เซิ่งตั้งฝ่ามือประดุจดาบ ฟันท่าไม้ตายออกไป

แรงภายนอกระเบิด ปราณฝ่ายในก็ผลักดันพลังฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือของลู่เซิ่งแดงฉานราวเลือด เพิ่งฟันออกไปก็เกิดลมร้อนเลือนราง

กำลังภายในที่แข็งแกร่งยิ่ง!

หงหมิงจือสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่ตื่นตระหนกแล้ว เขารีบยกระดับปราณภายใน กำลังภายในวิชาลมปราณแดงฉานก่อนหน้าเคลื่อนปราณหนึ่งส่วน แต่ว่าใช้กระบวนท่าไปถึงครึ่งทางกลับพบว่าใช้เบาไป

หงหมิงจือรีบเคลื่อนกำลังภายในห้าส่วน

กำลังภายในจากการฝึกฝนอย่างลำเค็ญมาเป็นเวลาเกือบแปดสิบกว่าปีของเขา ต่อให้มีห้าส่วนก็ไหลเชี่ยวรุนแรง มือขวาแฝงพลังกระแทกสี่ชั้นที่มีเฉพาะวิชาลมปราณแดงฉาน ทิ่มดัชนีบนดาบฝ่ามือของลู่เซิ่งอย่างแม่นยำ

ตูม!

ทั้งสองคนใช้ฝ่ามือดาบกับดัชนีกระบี่ปะทะกัน ถึงกับเกิดเสียงของหนักกระแทกกันอย่างรุนแรง

หงหมิงจือใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่จิตใจกับตื่นตกใจ

‘กำลังภายในที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เสมอกับพลังยุทธห้าส่วนของเราหรือนี่?! น่าเหลือเชื่อจริงๆ!’

พึงทราบว่าดัชนีกระบี่ที่เขาใช้ เดิมมีพื้นที่สัมผัสน้อยกว่าฝ่ามือดาบ แม้ว่าไม่ถึงกับใช้จุดทำลายพื้นที่ แต่ว่าพลังยุทธที่เหมือนกันเขาได้เปรียบกว่าเล็กน้อย

ทว่าวิชาลมปราณแดงฉานมีอานุภาพไม่สิ้นสุด มีความได้เปรียบกว่าวิชาเดินลมปราณทั่วไปไม่น้อย

แต่แม้เป็นเช่นนี้ ถึงกับ…

ผัวะๆๆ!

ทั้งสองคนปะทะกันหลายครั้ง ลู่เซิ่งถอยหลังไปสองก้าว ใบหน้าเป็นสีแดงแวบหนึ่ง เขารู้สึกว่าวิถีแรงที่ปล่อยออกมาบนดัชนีกระบี่ของอีกฝ่ายไม่ต่างจากตัวเองนัก มิหนำซ้ำหลังปล่อยพลังออกมาแล้วสายหนึ่ง ถึงกับมีแรงสายที่สองและสายที่สามซัดตามมา

เขาป้องกันตัวไม่ทัน ถูกกระแทกติดต่อกัน ได้รับบาดเจ็บถึงเส้นลมปราณเล็กน้อย

“ท่านประมุขพลังภายในยิ่งใหญ่! ความสารถแข็งแกร่ง ผู้เยาว์นับถือ!” ครั้งนี้ลู่เซิ่งหวั่นไหวจริงๆ แล้ว

ท่ามกลางคนธรรมดา ประมุขพรรคเฒ่าเป็นคนแรกที่ทำให้เขาถอยซึ่งหน้าได้ พลังของอีกฝ่ายสมกับเป็นผู้มีวิชากระบี่อันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ แข็งปะทะแข็งทำให้เขายอมรับว่าสู้ไม่ได้

พึงทราบว่าเขามีการฝึกปรือกำลังภายในสามชนิด ปริมาณพลังยุทธเหนือกว่าประมุขพรรคเฒ่าขาดลอย ถึงไม่ใช้ท่าไม้ตาย แต่สามารถใช้ร่างที่ชราภาพโจมตีตนเองที่มีพลังฝึกปรือล้ำลึกขนาดนี้จนถอยได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

“ชราแล้วๆ…” ความสะท้อนใจในดวงตาแฝงความเคร่งขรึม หงหมิงจือมองลู่เซิ่งตรงหน้า ครั้งนี้ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้อาวุโสหวังจึงให้ความสำคัญลู่เซิ่งขนาดนี้ ถึงขั้นยังคิดให้พี่ใหญ่ของเขามารับศิษย์ด้วยตัวเอง

ฝ่ามือกระบี่เก้าทิศหวังหยวนซาน… เหอะๆๆ หงหมิงจือไม่เจอเขามาหลายปีแล้วเหมือนกัน ฟังว่าเขาสร้างชื่อไม่น้อยที่จงหยวน ตอนนั้นพวกเขาสูสีคู่คี่ ไม่ทราบตอนนี้…

“น้องลู่” คิดถึงตรงนี้ หงหมิงจือก็พลันเกิดความคิดหนึ่งในใจ “ปราณภายในของเจ้ายิ่งใหญ่ พลังยุทธไม่ธรรมดา สมควรพบปาฏิหาริย์ตอนเด็ก ได้รับวัตถุมหัศจรรย์เพิ่มกำลังภายในกระมัง”

ลู่เซิ่งนิ่งอึ้งไปก่อนรีบพยักหน้า “ประมุขพรรคทราบกระจ่าง ตอนเด็กข้าเคยกินผลไม้สีแดงผลหนึ่ง ภายหลังปราณภายในที่ฝึกเพิ่มขึ้นทุกวันๆ” เขาลังเลมาตลอด ไม่ทราบจะแก้ตัวที่พลังยุทธของตัวเองเพิ่มมากเกินไปจนผิดปกติอย่างไร คิดไม่ถึงประมุขพรรคเฒ่าบังเอิญถาม จึงได้ข้ออ้างพอดี

“เป็นเช่นนี้จริงๆ” หงหมิงจือกระจ่าง “นี่เป็นวาสนาเทียมฟ้า เพียงแต่พลังยุทธของเจ้าแม้ยิ่งใหญ่ ถึงขั้นไม่ห่างจากข้ามาก แต่วิชาเดินลมปราณกำลังภายในอ่อนแอไปแล้ว…”

“วิชาเดินลมปราณอ่อนแอหรือ” ลู่เซิ่งมองนิ้วของประมุขพรรคเฒ่าหลังจากสู้กับตัวเอง ด้านบนไม่มีร่องรอยถูกพิษอัคคีของวิชาโลหิตพิฆาตลวกทำร้ายแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องดูแล้ว วิชาเดินลมปราณของเจ้าสมควรลอกคราบมาจากวิชากำลังภายในธาตุหยางแกร่งและมีพิษอัคคีประเภทวิชาพิษ แต่ว่าวิชากำลังภายในประเภทนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นพิษมากเกินไป ขาดผลอื่นๆ

“ที่ข้าไม่ได้รับผลกระทบจากพิษอัคคี เป็นเพราะวิชาลมปราณแดงฉานที่ฝึก เดิมเป็นวิชากำลังภายในธาตุหยางแกร่งอยู่แล้ว ทั้งหมดมีเจ็ดระดับ ปัจจุบันข้าฝึกถึงระดับหก พลังยุทธไม่กลัวพิษอัคคีเหมือนกับเปลวไฟในเตา”

“แต่ที่น่าประหลาดก็คือ วิชากำลังภายในของเจ้าเหมือนแทรกลมปราณปรับสมดุลหยินหยางชนิดหนึ่ง ไม่คล้ายเป็นวิชาเดินลมปราณพิษอัคคีหยางแกร่งอย่างเดียว” ประมุขพรรคเฒ่าพูดจบ ก็มองลู่เซิ่งอย่างค่อนข้างประหลาดใจ

ลู่เซิ่งตกใจ สมกับเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ ประสบการณ์เต็มเปี่ยม มองแค่แวบเดียวก็สัมผัสถึงวิชากำลังภายในอย่างอื่นในร่างตนได้

“ไม่ขอปิดบัง ท่านประมุข วิชากำลังภายในที่ข้าฝึกฝนหลักๆ คือวิชาทมิฬพิฆาตที่ซื้อมาจากงานประมุลครั้งหนึ่ง”

“วิชาทมิฬพิฆาตหรือ” ประมุขพรรคเฒ่านิ่งอึ้ง “วิชากำลังภายในฝึกร่างกายที่ว่ากันว่ามีสามสิบสองระดับนั่นหรือ”

“ท่านประมุขเคยได้ยินความสามารถนี้มาก่อนหรือ” ลู่เซิ่งกลับอยากได้ข้อมูลของวิชาทมิฬพิฆาตส่วนหนึ่งจากประมุขพรรคเฒ่า ความสามารถนี้ไม่สมบูรณ์ ถ้าหากหาฉบับสมบูรณ์เจอ แล้วฝึกถึงระดับสามสิบสองในคราเดียว ไม่ทราบจะเหี้ยมหาญขนาดไหน

ตอนนี้เขาเพิ่งอยู่ที่ระดับสี่ ก็มีกำลังภายในยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเป็นระดับสามสิบสอง อานุภาพนั้นแทบยากจินตนาการ

หงหมิงจือขมวดคิ้วมุ่น

“ความสามารถเช่นวิชาทมิฬพิฆาตถึงแม้กล่าวว่ามีสามสิบสองระดับ แต่ว่าวิชาเดินลมปราณของมันเดิมเป็นเพียงทฤษฎี ว่ากันว่าแม้แต่ผู้บัญญัติก็ฝึกถึงแค่ระดับหก ระดับความสามารถในภายหลังเป็นเขาคาดการณ์ตามทฤษฎี”

“เหตุใดคนบัญญัติจึงฝึกถึงแค่ระดับหก” ลู่เซิ่งถามอย่างฉงน

“เป็นเพราะตอนอยู่ในระดับหกเขาถูกพิษอัคคีจู่โจมหัวใจ โดนวิชากำลังภายในเผาจนตายทั้งเป็น” หงหมิงจือกล่าวราบเรียบ

ลู่เซิ่งพลันงงงัน

วิชาทมิฬพิฆาตเป็นสิ่งที่นักทฤษฎีคนหนึ่งคาดการณ์ออกมา เหมือนกับวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลในนิยายกำลังภายในของกิมย้งหรือ ระดับภายหลังล้วนอยู่บนทฤษฎี

“ดังนั้นข้าแนะนำว่าเจ้าเปลี่ยนวิชาสำหรับฝึกฝนเป็นหลักดีกว่า วิชาเดินลมปราณนี้ข้าสงสัยว่าคนที่ปล่อยออกมามีเจตนาไม่ดี คิดใช้คนอื่นทดสอบ” ประมุขพรรคเฒ่ากล่าวเสียงทุ้ม

“ทราบไหมว่าเหตุใดวิชาทมิฬพิฆาตด้านหลังจึงไม่สมบูรณ์ ความจริงไม่ใช่ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่มีคนฝึกได้ ถูกฉีกทิ้ง ดังนั้นตอนนี้ที่กระจายบนตลาดต่างเป็นแค่ระดับห้า” เขาอธิบาย

“เช่นนั้นวิชานี้ข้าไหนเลยไม่ใช่ฝึกสูญเปล่าแล้ว” ลู่เซิ่งตกใจ

“ไม่ขนาดนั้น วิชาทมิฬพิฆาตเปลี่ยนไปฝึกวิชากำลังภายในธาตุหยางเหมือนกันง่ายดายยิ่ง ขอแค่ไม่มีเส้นลมปราณขัดแย้งกันก็พอ” ประมุขพรรคเฒ่าลูบเครากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ความหมายของประมุขพรรคเฒ่าคือ…” ลู่เซิ่งเอะใจ

“ในศาลาประกาศยุทธมีวิชาเดินลมปราณกำลังภายในที่เจ้าต้องการ นอกจากวิชาลมปราณแดงฉานแล้ว ความสามารถธาตุหยางที่เจ้าเลือกมีสามอย่าง ถึงเวลาไปลองดู แน่นอนว่าที่ไม่มีค่าใช้จ่ายมีแค่หนึ่งระดับ คิดจะเอาระดับสูงกว่า จำเป็นต้องสร้างคุณูปการที่มากพอให้พรรค” หงหมิงจือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่น้องลู่มีคุณสมบัติเหนือคน พรสวรรค์ไม่ธรรมดา เช่นนี้กลับเสียเวลาเกินไป ข้ามีวิธีหนึ่งสามารถเลี่ยงกฎของพรรค ถ่ายทอดวิชากำลังภายในธาตุหยางที่แกร่งถึงขีดสุดวิชาหนึ่งให้เจ้าได้โดยตรง”

“อ้อ” ลู่เซิ่งไม่ใช่คนโง่ การบอกใบ้ที่ชัดเจนแบบนี้ของประมุขพรรคเฒ่าย่อมฟังออก “ขอถามความหมายในวาจาของท่านประมุขคือ…”

หงหมิงจือหัวเราะฮ่าๆ

“ม่อเฟยอาจารย์ของข้าเป็นวีรุบุรุษรุ่นหนึ่งในยุทธจักร วิชาลมปราณแดงฉานที่ถ่ายทอดมีอานุภาพยิ่งใหญ่ เหมาะให้น้องลู่เปลี่ยนการฝึกพอดี ร้ายกาจกว่าวิชาทมิฬพิฆาตไม่ทราบเท่าไหร่! ถ้าน้องลู่ยินยอม ข้าจะรับศิษย์แทนอาจารย์ รับเจ้าเป็นศิษย์น้องของข้า!”

“ศิษย์น้องหรือ?!” ลู่เซิ่งนึกว่าประมุขพรรคคิดรับเขาเป็นศิษย์ นึกไม่ถึงว่าจะรับศิษย์แทนอาจารย์

ความจริงหงหมิงจือเคยคิดจะรับลู่เซิ่งเป็นศิษย์เหมือนกัน แต่หลังจากประมือกันแล้ว รู้สึกว่าความสามารถของคนทั้งสองแตกต่างกันไม่มาก เขาจึงสะท้อนใจ ทราบว่าด้วยขีดความสามารถของตัวเอง จะเป็นอาจารย์ของลู่เซิ่งยังฝืนอยู่บ้าง

แต่ขณะมองหยกงามอัจฉริยะผู้นี้ เขาก็กลัวว่าภายหลังอีกฝ่ายจะออกจากพรรควาฬแดงเพราะวรยุทธ์อย่างอื่น

ลู่เซิ่งเข้าพรรควาฬแดงเพื่อเรียนวรยุทธ์ เกิดภายหลังเจอวิทยายุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่า ไม่แน่ว่าจะออกไปเพราะสาเหตุนี้

ดังนั้นคิดไปคิดมา เขาจึงคิดกระบวนท่านี้ได้

………………………………………….