แคลร์เงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

“เจ้ายอมรับแล้วสินะ” ซัมเมอร์พูดอย่างมั่นใจ นางพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว “การมีพ่อแบบพ่อของเจ้าน่ารำคาญยิ่งกว่าไม่มีเสียพ่ออีก พ่อของข้ายอมตายเพื่อช่วยข้าตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าจำคำพูดของพ่อได้ขึ้นใจเลย พ่อบอกข้าว่าต้องมีชีวิตอยู่ หากมีชีวิตอยู่ก็มีความหวัง นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ข้าได้สัมผัสความรักจากพ่อ” ซัมเมอร์ถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

 

“เป็นเช่นนี้นี่เอง…” แคลร์ตอบ เพราะแบบนี้เมื่อตอนกลางวันซัมเมอร์จึงได้มีปากเสียงกับพ่อของแคลร์อย่างรุนแรง

 

 

“ใช่ ดังนั้นพอข้าเห็นว่าพ่อของเจ้าพูดจาเช่นนั้น ข้าก็เลยโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้” ซัมเมอร์พูด

 

 

“ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากนะที่ปกป้องข้าขนาดนี้” แคลร์ยิ้ม รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความจริงใจ

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะขอบคุณข้าอย่างไรดีล่ะ? ข้าต้องการของล้ำค่าที่แพงที่สุดในโลก เจ้าจะเอามาให้ข้าได้หรือไม่? ” ซัมเมอร์ถามอย่างซุกซนพร้อมกับกอดอก

 

 

“หากวันนั้นมาถึงจริงๆ ข้าจะเอาของที่ล้ำค่าที่สุดในโลกมาให้เจ้าแน่นอน” แคลร์สัญญาด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ตกลง เจ้าพูดแล้วนะ อย่ามาเสียดายทีหลังล่ะ” ซัมเมอร์ยื่นมือออกไปหาลร์อย่างมีความสุข

 

 

แคลร์ยิ้มอย่างรู้ใจและยื่นมือออกไปเช่นกัน มือทั้งสองจับกันแน่น

 

 

แต่หลังจากนั้นซัมเมอร์ก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเรื่องที่นางพูดเล่นๆ ในวันนี้ แคลร์จะเอาของล้ำค่าที่สุดในโลกมาให้นางจริงๆ ในอนาคต แน่นอนว่าเรื่องนี้เอาไว้พูดกันในอนาคต

 

 

“เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกของข้าเลยนะ” ซัมเมอร์พูดอย่างจริงจังและจับมือของแคลร์ไว้แน่น

 

 

“เจ้าก็เป็นเพื่อนคนแรกของข้าด้วยเช่นกัน” แคลร์บีบมือของซัมเมอร์

 

 

สองสาวมองหน้ากันแล้วยิ้ม เวลานี้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน

 

 

ทันใดนั้น การเคลื่อนไหวเล็กน้อยในอากาศก็ทำให้แคลร์ตื่นตัว นางดึงซัมเมอร์ไปไว้ข้างหลังตัวเองในทันที

 

 

เวลาต่อมา ร่างที่ดูท่าทางคล่องแคล่วก็ปรากฏบนรั้วต่อหน้าพวกนาง จากนั้นก็มีกริชจี้อยู่ที่คอของแคลร์อย่างเงียบๆ กริชนั้นสามารถเจาะคอของแคลร์ได้เลยถ้าคนๆ นั้นออกแรงอีกเพียงแค่เล็กน้อย

 

 

ในเวลานี้ วัลโดก็อุทานออกมา “คนนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงมีกลิ่นอายแห่งความมืดอยู่บนตัวด้วย เขาอยู่ใกล้ ขนาดนี้ เจ้าไม่สังเกตเลยหรือ? ไม่จริงใช่ไหม? แคลร์ เจ้าเก่งมากๆ ไม่ใช่หรือ? เจ้าเก่งในเรื่องนี้ที่สุดเลยนี่? ทำไมวันนี้เจ้าถึงสูญเสียสัมผัสนี้ไปล่ะ? มีคนเข้าใกล้เจ้า แต่เจ้ากลับไม่สังเกตเห็นเลยหรือ? “

 

 

แคลร์มองคนในชุดดำตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง ร่างเล็กๆ นั้นแสดงให้เห็นว่าคนน่ากลัวที่ตรงหน้านี้คือผู้หญิง ไม่ใช่ว่าแคลร์ไม่เห็น แต่แคลร์เห็นเมื่อสายไปเสียแล้ว ตอนที่แคลร์เห็นคนๆ นี้ นางก็มาถึงข้างกายแคลร์แล้ว

 

 

ฝ่ามือของซัมเมอร์ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แคลร์มองผู้หญิงชุดดำตรงหน้าโดยไม่ขยับตัว

 

 

กริชของผู้หญิงชุดดำคนนี้สามารถคร่าชีวิตของแคลร์ได้เลยทันที

 

 

หญิงที่น่ากลัวผู้นี้คือใครกันแน่?

 

 

“หญิงผู้นี้น่ากลัวจริงๆ ข้าไม่ได้สังเกตเลย ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดีล่ะ แคลร์ เจ้าใช้เวทมนตร์จัดการนางสิ” วัลโดตะโกนอย่างร้อนรน

 

 

ถ้าเป็นไปได้แคลร์ก็อยากจะบีบขยี้วัลโดจนเป็นลมไปเลย ถ้าจัดการหญิงผู้นี้ได้ แคลร์จะต้องมาฟังเขาพูดพล่ามอยู่แบบนี้ไหมล่ะ?

 

 

แม้ว่าตอนนี้แคลร์จะไม่กล้าโจมตีกลับ แต่แคลร์ก็รู้ว่าชีวิตของนางจะไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายหรอก เพราะเทพเจ้าแห่งความมืดผู้ชั่วร้ายจะปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อนางประสบกับอันตราย

 

 

แต่ว่าหญิงผู้นี้ไม่ได้สิ่งอื่นใดเลย

 

 

“หึ” ร่างเล็กส่งเสียงดูถูกอย่างเย็นชา จากนั้นก็หายตัวไปในพริบตา

 

 

สายลมเย็นๆ พัดมาทำให้แคลร์และซัมเมอร์ได้สติ

 

 

“แคลร์ เกิดอะไรขึ้น หญิงผู้นั้นคือใครกัน? นางช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก” ซัมเมอร์ยังคงกำเสื้อของแคลร์ไว้แน่นและถามด้วยความกลัว

 

 

“ข้าไม่รู้ หญิงผู้นั้นเก่งมาก เมื่อกี้ข้าสัมผัสถึงนางได้แล้ว แต่ข้าก็ไม่สามารถหลบได้ทัน” แคลร์ครุ่นคิดอย่างสงสัย “แต่ว่าสิ่งที่นางทำเมื่อกี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน? นางไม่ได้จะฆ่าข้า แต่ดูคล้ายกับว่านางอยากจะโอ้อวดเสียมากกว่า”

 

 

“โอ้อวดหรือ?” ซัมเมอร์ยิ่งงง หมายความว่าอย่างไรกัน?

 

 

“อวดความสามารถของนางว่านางสามารถที่จะฆ่าข้าได้ แต่นางไม่ได้ฆ่าข้า” แคลร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม

 

 

“มีคนไร้สาระเช่นนี้ด้วยหรือ? ” ซัมเมอร์อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ

 

 

“บนโลกใบใหญ่นี้มีคนอยู่ทุกประเภทนั่นล่ะ” แคลร์เงยหน้าขึ้นมองความมืดมิดในยามราตรีอันกว้างใหญ่นั้น แต่ในใจนางกำลังคาดเดาไปว่าคนที่มีฝีมือเมื่อกี้เป็นใครกันแน่? หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วก็นึกไม่ออกว่าใครกันที่จะทำตัวไร้สาระแบบนี้

 

 

“แคลร์ พอข้าอยู่กับเจ้า จู่ๆ อันตรายก็เข้ามาหาถึงที่เลย” ซัมเมอร์พูดออกไปด้วยความกลัว

 

 

แคลร์ “…”

 

 

“แต่พอได้เห็นว่าสิ่งแรกที่เจ้าทำคือปกป้องและดึงข้าไปอยู่ที่ด้านหลังเจ้า ข้าก็คิดเลยว่าจะเป็นเพื่อนเจ้าต่อไป” ซัมเมอร์พูดอย่างตรงไปตรงมา

 

 

“ไปอาบน้ำแล้วก็ไปนอนเถอะ” แคลร์พูดพร้อมกับเหงื่อที่ไหลอยู่ที่ท้ายทอย

 

 

“อื้ม ราตรีสวัสดิ์ ข้าไปนอนแล้วนะ” ซัมเมอร์กล่าวราตรีสวัสดิ์และหมุนตัวเดินไป

 

 

แคลร์นั่งบนรั้วหินแล้วพิงเสาเบาๆ ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้บางอย่างออกจึงเรียกวัลโด “วัลโด วัลโด! “

 

 

“ทำไม? ” วัลโดตอบอย่างไม่พอใจ “ตอนนี้มันได้เวลานอนแล้วไม่ใช่หรือ? “

 

 

“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าเจ้ารู้สึกถึงความมืดบนตัวของนักฆ่าผู้นั้นหรือ?” แคลร์ขมวดคิ้วและถาม

 

 

“อืม กลิ่นอายแห่งความมืดที่ปกปิดไว้จนจับได้ยากเช่นนั้น คนในวิหารแห่งแสงไม่มีทางจับได้หรอก หึหึ แต่ตัวข้าวัลโดสามารถหามันเจอได้แน่นอนอยู่แล้ว” วัลโดพูด

 

 

แคลร์ครุ่นคิด มีกลิ่นอายแห่งความมืดงั้นหรือ นางเป็นใครกัน? แถมนางยังสามารถซ่อนไว้ได้เป็นอย่างดีด้วย นางก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับคนที่มีกลิ่นอายอะไรแบบนี้เลยนี่นา?

 

 

ในเวลานี้ เงาดำนั้นก็ได้ออกจากบ้านของคามิลล์และหายไปในตรอกแห่งหนึ่ง

 

 

ในโรงแรมที่สะอาดและเป็นระเบียบ มีชายหนุ่มผมบลอนด์ยืนพิงหน้าต่าง จ้องมองไปยังความมืดมิดในยามค่ำคืน ช่วงเวลาต่อมา มีร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบๆ กริชที่ส่องแสงแวววาวก็จี้ติดอยู่ที่คอของเขา

 

 

ชายหนุ่มผมบลอนด์มีใบหน้าสงบและพูดเบาๆ “ได้พบนางหรือไม่? “

 

 

“ชิ! ” คนที่อยู่ข้างหลังเขาส่งเสียงไม่พอใจแล้วดึงกริชออก จากนั้นก็เปิดผ้าสีดำที่ปิดหน้าออก ร่างนั้นเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงอย่างไม่สบายใจ นางรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วดื่มหมดในครั้งเดียว “พี่รู้ได้อย่างไรว่าข้าไปหานางมาแล้ว?”

 

 

“คิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้างั้นหรือ? ” ชายผมบลอนด์รูปงามเดินไปพร้อมกับรอยยิ้มและนั่งลงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูค่อนข้างคล้ายกับเขา หญิงผู้นี้ดูอายุยี่สิบต้นๆ เท่านั้น นางมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า เป็นคนสวยตามมาตรฐานเลยทีเดียว

 

 

“ใช่ พี่รู้สิ พี่เป็นพี่ชายที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับข้ามายาวนานขนาดนี้จะไม่รู้จักข้าได้อย่างไรล่ะ? ” หญิงสาววางถ้วยลงบนโต๊ะและพูดอย่างไม่พอใจ

 

 

“แต่ว่าข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนางถึงทิ้งพวกเราและครอบครัวของเราไปเพื่อผู้ชายสารเลวเช่นนี้” ดวงตาของชายผมบลอนด์เย็นชาและพูดลอดฟันของเขาออกมา

 

 

“พี่ใหญ่ พี่ยังจะคิดเรื่องนี้อีกหรือ มันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนะ เรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว” หญิงสาวผมบลอนด์ถอนหายใจเบาๆ แน่นอนว่านางรู้ว่าคนผู้นั้นคือความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์ในใจของพี่ชายนาง สำหรับนางก็เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่นางไปหาลูกของคนผู้นั้นในคืนนี้

 

 

“เด็กคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? ” จู่ๆ ชายผมบลอนด์รูปงามก็ถามขึ้น

 

 

“ไม่เลวทีเดียว นางสัมผัสถึงข้าได้ แม้ว่าจะหลบไม่ได้ แต่ก็ไม่กลัวอันตราย และยังปกป้องเพื่อนของนางไว้ข้างหลังก่อนเลย” หญิงผมบลอนด์รินน้ำอีกแก้วและพูดอย่างจริงจัง

 

 

ชายผมบลอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้จักน้องสาวดีว่านางเป็นคนหยิ่งยโส คนที่สามารถทำให้นางแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ได้ ต้องเป็นคนที่เก่งใช้ได้จริงๆ

 

 

“เช่นนั้นก็แสดงว่าแตกต่างจากข่าวลือใช่หรือไม่?” ชายผมบลอนด์ถาม

 

 

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ ในข่าวลือบอกว่านางเป็นคนโง่เง่าบ้าผู้ชาย เรื่องโง่เง่าดูเหมือนว่าจะไม่จริงนะ แต่สำหรับเรื่องบ้าผู้ชายนั้น อันนี้ข้าก็ไม่สามารถตรวจสอบได้” หญิงสาวผมบลอนด์หาวและยืนขึ้น “แต่ว่าพี่ใหญ่ พี่อย่าลืมจุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ของเรานะ”

 

 

“ข้ารู้ เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” ชายผมบลอนด์พูดเบาๆ

 

 

“แล้วก็พี่ใหญ่ คนผู้นั้นอยู่ในวัง พี่ไม่ควรคิดที่จะไปหานางเลยจะดีที่สุด มันเสี่ยงเกินไป ถ้าจุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ไม่บรรลุผล แล้วพี่ยังประสบอุบัติเหตุอีกล่ะก็ พี่ก็น่ารู้นิสัยของชายชราดีนี่” ก่อนจะออกไป หญิงผมบลอนด์ก็หันไปเตือนพี่ชาย

 

 

ชายผมบลอนด์เงียบไม่พูดอะไร

 

 

“พี่ใหญ่ พี่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่? ข้าสูญเสียญาติสนิทไปคนหนึ่งแล้ว ข้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับพี่อีก! ” หญิงผมบลอนด์โกรธเล็กน้อยแล้วขึ้นเสียง

 

 

“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” ชายผมบลอนด์พูด

 

 

หญิงผมบลอนด์หันกลับไปเปิดประตูและออกไป

 

 

ชายผมบลอนด์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนข้างหน้าต่างมองค่ำคืนอันกว้างใหญ่อย่างเงียบๆ ภายในจิตใจของเขาซับซ้อนมาก อยู่ใกล้กับคนผู้นั้นถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่สามารถไปเจอนางได้เลยหรือ?

 

 

ชายผมบลอนด์ยกมือขึ้นช้าๆ ที่นิ้วของเขามีแหวนธรรมดาสวมอยู่ พอข้อมือของเขาขยับ วัตถุสีทองขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขาราวกับเสกออกมาจากอากาศ แหวนวงนี้คือแหวนมิติที่หายากและมีค่ามากบนแผ่นดินนี้! ลวดลายโบราณบนเครื่องทองสัมฤทธิ์ในมือของชายคนนั้นเผยให้เห็นความลึกลับที่ไม่อาจบรรยายได้ แต่ตรงกลางของสิ่งนั้นมีช่องว่างอยู่ มันดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างหายไป ชายผมบลอนด์ค่อยๆ แตะส่วนที่รูตรงกลางซึ่งอัญมณีขาดหายไป ตอนนี้เพียงแค่รอให้พบกับสิ่งที่ขาดไปและใส่เข้าไปในช่องว่าง แหวนนี้ก็จะสามารถนำไปสู่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์และค้นพบสมบัติได้

 

 

ถึงตอนนั้นจะสามารถเอาทุกสิ่งคืนกลับมาได้หรือไม่? จะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของตนเขาได้หรือเปล่า?

 

 

วันรุ่งขึ้น แคลร์ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะนางรู้ว่าถ้าไปแล้ว ราเซียก็จะมาพูดเรื่องดีๆ ของพ่อให้ฟังไม่หยุด และจะขอให้แคลร์กลับบ้าน แคลร์ไม่อยากกลับไปบ้านที่ไม่มีแคทเธอรีนเลย อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้

 

 

แคลร์นอนอยู่บนเก้าอี้โยกในสวนหลังบ้านของคามิลล์ พอได้รับลมพัดเย็นสบายพลางจิบชาดอกไม้ของคามิลล์ไปด้วยก็ยิ่งน่ารื่นรมย์ทีเดียว

 

 

……………………………………………………………………………….