บทที่ 66

การต่อสู้ในโรงเตี๊ยมได้เริ่มขึ้นไปแล้ว ถึงพวกนักฆ่าจะมีจำนวนคนที่น้อยกว่า แต่ทว่าพวกองครักษ์ของหยินโรวกลับไม่สามารถต่อกรได้เลย จนทำให้ตอนนี้พวกมันเข้าไปถึงห้องโถงหลักแล้ว

ห้องขององค์หญิงอยู่ตรงกลางชั้นสอง นางนั้นได้รับการคุ้มครองจากเสี่ยวมิน อัยเจีย และทหารหญิงอีกมาก แต่ถึงอย่างงั้น พวกนางกลับถูกบีบจนได้แต่ถอยร่นออกมาที่ระเบียงแล้ว

ที่ระเบียงทางเดิน มีทหารจำนวนมากกำลังคอยจับตามองทางเดินแคบ ๆ ตรงหน้าเพื่อระวังภัย

เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เลือดในกายของพวกทหารสูบฉีดเร็วขึ้น ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่บันไดเขม็ง !

ฟุ่บ

ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา อีกฝ่ายนั้นอยู่ในชุดเกราะ ส่วนในมือก็ถืออาวุธปราณมาด้วย

แท้จริงแล้วพวกองครักษ์นั้นไม่ได้อ่อนแอเลย แต่ถ้าเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกันได้ ! เมื่อเห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามา พวกทหารก็พากันตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะเข้าประจัญบาน

มือสังหารพวกนั้นร้ายกาจอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาพวกทหารก็ถูกจัดการด้วยคลื่นปราณจนเลือดกระจายไปทั่วและตัวขาดครึ่ง

ความแตกต่างของพลังทั้งสองฝ่ายมันมากเกินไป ยิ่งพวกเขาโจมตีก็ยิ่งเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน !

ทางด้านกู่เยว่ที่อยู่ในหมู่ทหาร เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ตะโกนออกมาว่า “อย่าเข้าประชิดตัว รักษาระยะเอาไว้ ใช้ธนูจัดการมัน!”

เขาตะโกนจนแทบจะหมดแรง หากแต่ก็ไม่มีใครฟังเลย พวกองครักษ์ไม่กลัวความตาย ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปอย่างไม่สนอะไรทั้งสิ้น

โดยไม่แม้แต่จะทำให้ศัตรูบาดเจ็บ พวกองครักษ์ที่เข้าไปก็มีแต่จะถูกจัดการ บางคนก็ตายทันที ส่วนบางคนก็บาดเจ็บหนัก เพียงชั่วพริบตาหน่วยทหารก็ล้มตายไปกว่าครึ่งแล้ว !

นักฆ่าทั้ง 6 คนรวดเร็วดั่งลูกศร พวกเขามุ่งตรงไปยังระเบียงอย่างไม่เกรงกลัว และวิ่งเข้าหาหยินโรวที่อยู่สุดทาง

กู่เยว่และอัยเจียมองหน้ากัน ทั้งสองทำใจเตรียมรับการโจมตีที่จะเข้ามาไว้แล้ว ต่อให้ต้องตายก็ต้องปกป้ององค์หญิงไว้ให้ได้ !

ถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันเลยว่าพวกเขาจะต้านมือสังหารทั้ง 6 ไหว แต่ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ มันไม่มีทางเลือกอีกแล้ว !

ทั้งสองจับดาบในมือไว้แน่น และยกมันขึ้นมาปัดป้อง ทว่าก็ต้านได้เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็พลันถูกถีบเข้าที่หน้าจนลอยกระเด็นไปชนเข้ากับกำแพง และกระอักเลือดออกมา

พลังของพวกนักฆ่าชัดเจนเลยว่าแกร่งกว่าทั้งสองมาก

ด้วยเหตุนี้จึงเหลือแค่เสี่ยวมินที่ยังคงปกป้องหยินโรว นางกำดาบปราณในมือและถาม “พวกเจ้าเป็นใครกัน ? ทำไมถึงปองร้ายฝ่าบาท ?”

คนพวกนั้นไม่แม้แต่จะตอบหรือปรายตามองด้วยซ้ำ พวกเขาเอาแต่จับจ้องไปยังหยินโรว

ราวกับหมาป่าที่จ้องลูกแกะ นักฆ่าทั้งหกค่อย ๆ เดินเข้าหาองค์หญิงอย่างช้า ๆ

“ฆ่ามัน!”

ทหารของหยินโรวไม่อาจรับแรงกดดันได้อีกต่อไป พวกเขาพากันเหวี่ยงดาบไปมา โชคยังดีที่พลังปราณของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลย จึงสามารถเป็นแนวป้องกันสุดท้ายขององค์หญิงได้อยู่ แต่เมื่อเทียบกับพวกนักฆ่าแล้วนั้น พวกเขายังถือว่าด้อยกว่ามาก ทั้ง 6 คนพากันกระจายตัวออก มี 4 คนที่แยกมาเพื่อหยุดพวกองครักษ์ ส่วนอีก 2 คนที่เหลือก็เข้าไปจัดการหยินโรว

เสี่ยวมินปลดปล่อยพลังและเหวี่ยงดาบของนางขึ้น ก่อนที่คลื่นพลังจะถูกปลดปล่อยออกมา ทว่าสองนักฆ่ากลับกระโดดหลบการโจมตีอย่างง่ายดายพร้อมกับแยกออกเป็นทางซ้ายและขวา

เร็วมาก ! เสี่ยวมินถอยกลับมาแล้วเปลี่ยนเป็นใช้ดาบป้องกัน ถึงจะปัดป้องได้ แต่แรงกระแทกก็มีมากทีเดียว ส่งผลให้ร่างของนางถอยกลับไปเล็กน้อยก่อนที่จะฝืนต้านเอาไว้ เมื่อเห็นแบบนั้น นักฆ่าทั้งสองก็พลันเข้าโจมตีอีกครั้ง ทั้งคู่ผลัดกันโจมตีใส่นาง 2 ถึง 3 ครั้งโดยไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ

เสี่ยวมินใช้กำลังทั้งหมดป้องกันเอาไว้ นางไม่อาจหนี หรือโต้ตอบพวกมันได้เลย

เมื่อเห็นแบบนั้น นักฆ่าคนหนึ่งจึงปลีกตัวออกมา คนผู้นั้นเดินตรงเข้ามาและหยุดตรงหน้าหยินโรว

ในระยะประชิดแบบนี้ องค์หญิงมองไปยังใบหน้าของมัน นางได้กลิ่นคาวเลือดออกมาจากร่างของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน หยินโรวนั้นกลัวมาก แต่ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี จึงทำให้นางไม่อาจแสดงมันออกมาได้

หยินโรวเป็นคนที่งดงามมากทีเดียว ความงามของนางนั้นไม่มีใครเทียบได้ แม้ว่านางจะกลัว หากแต่ความงามบนใบหน้านางก็ยังคงทำให้จิตใจของชายทุกคนต้องเจ็บปวด แม้ว่าพวกเขาจะมีความเข้มแข็งขนาดไหนก็ตาม

นักฆ่าเงื้อดาบขึ้น ทว่าไม่กล้าฟันลงมาที่หยินโรว

เมื่อเห็นสีหน้าแบบนี้ ดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขายกมือขึ้น หวังจะบีบแก้มของนาง

ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเกราะปราณ ทั้งยังมีเลือดของพวกทหารเปื้อนอยู่

หยินโรวมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสิ้นหวัง นางรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ในเวลาเดียวกันจนอยากจะอาเจียนออกมา

เมื่อมือของเขาเกือบจะแตะแก้มของนาง องค์หญิงก็รู้ได้เลยว่าร่างของอีกฝ่ายนั้นสั่นเทา ด้วยความผิดสังเกต นางจึงเงยหน้าขึ้นมา

ภาพที่เห็นคือดาบซิมิทาร์สีดำถูกแทงทะลุออกมาจากหน้าท้องของชายนักฆ่า

แน่นอนว่ามันคือดาบที่ถูกแทงทะลุร่างของเขาออกมา ไม่ใช่ดาบที่งอกออกมาจากท้องแต่อย่างใด

หยินโรวตะลึงจนลืมแม้กระทั่งการเปล่งเสียงออกมา

ก่อนที่หญิงสาวจะสังเกตเห็นถึงใครบางคนที่อยู่ด้านหลังนักฆ่าคนนั้น และนั่นก็คือผู้ฝึกยุทธ์ที่ใส่ชุดเกราะปราณสีดำพร้อมเคียวในมือ

เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่? และใช้อาวุธอะไรกัน? หยินโรวไม่อาจทราบได้เลย นางไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น

เคร้ง!

นักรบเกราะดำเหวี่ยงเคียวของเขาเพื่อส่งร่างของนักฆ่าออกไป ก่อนที่คนผู้นั้นจะโบกเคียวเข้าตัดร่างของนักฆ่าคนนั้นจนขาดครึ่ง ส่งผลให้เลือดกระจายไปทั่วใบหน้าและร่างของหยินโรว

ดวงตาของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยหมอกสีดำ นัยน์ตาดวงนั้นจับจ้องไปยังองค์หญิง บางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะเงามืดก็ได้ที่ทำให้นางเห็นแบบนั้น หากแต่นางนั้นก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาคู่นี้ช่างเย็นชาและไร้อารมณ์ยิ่งนัก !

หยินโรวตัวสั่น นางลดมือแล้วพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ถัง… ถังหยิน!”

นางไม่เคยเห็นถังหยินในชุดเกราะปราณมาก่อน หากแต่นางก็มั่นใจมากทีเดียวว่าคนตรงหน้าคือถังหยิน !

ใช่แล้ว นอกจากถังหยินจะมีใครอีกล่ะที่ใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬแบบนี้

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงแค่รีบคว้าตัวหยินโรวเอาไว้

นักฆ่าอีกคนพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ทว่าก่อนที่ดาบของอีกฝ่ายจะเข้าถึงตัว มันก็ได้ถูกดาบเล่มใหญ่พุ่งผ่านอากาศด้วยเสียงแสบแก้วหูขัดขวางเอาไว้เสียก่อน !

นักฆ่าเองก็ตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว คนชุดดำผู้นั้นเบี่ยงทิศทาง และยกดาบขึ้นปัดป้องการโจมตีนั้นได้อย่างทันท่วงที

เสียงปะทะกันของเหล็กดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงที่ดังสนั่นยิ่งกว่า

กลายเป็นว่าพลังการโจมตีของเขาสูงมากเกินไปจนทำให้ไม้ที่รองรับร่างของนักฆ่าทนไม่ไหวและแตกหักออก ทำให้ร่างของอีกฝ่ายตกลงไปยังชั้นล่าง

ถึงจะเห็นแบบนั้น หากแต่ถังหยินกลับไม่ได้ตามลงไป เขาเลือกที่จะปล่อยคลื่นปราณออกมาจากอากาศโดยไม่สนใจว่าจะโดนพวกมันหรือไม่แทน ก่อนที่ชายหนุ่มจะอุ้มหยินโรวไปพร้อมกับจัดการพวกนักฆ่าไปด้วย

ด้วยการช่วยเหลือของเขา จึงทำให้สมดุลของทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด พวกนักฆ่าทั้งสี่ถูกบีบให้ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้ด้านนอกโรงเตี๊ยมนั้นมีคนมากมาย เสียงม้า พร้อมกับเสียงโวยวายของผู้คน ทุกอย่างดูจะชุลมุนวุ่นวายไปหมด

ชายหนุ่มไม่สนใจสถานการณ์ด้านนอกเลยแม้แต่น้อย เขาจับจ้องไปยังนักฆ่าตรงหน้าเขม็ง หากแต่พวกนักฆ่านั้นกลับกัน พวกเขาหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะพากันตั้งท่าจะถอยหนี !

การกระทำของนักฆ่าพวกนี้ถือว่าฉลาดมากทีเดียว พวกเขาคิดว่าสถานการณ์แบบนี้ถ้าเกิดจะฆ่าหยินโรวมันจะเป็นการยากยิ่งกว่าเดิม และถ้าเกิดพวกเขายังช้าไปมากกว่านี้ พวกทหารก็จะยิ่งมามากขึ้น ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน แต่ด้วยจำนวนคนที่น้อยนิด ยังไงพวกเขาก็ต้องถูกจับกุมได้แน่ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่คิดที่จะยื้อให้เสียเวลาอีกต่อไป และเลือกที่จะถอนตัวในทันที !

ต่อให้พวกเขาอยากจะหนี หากแต่ถังหยินกลับไม่คิดจะปล่อยไปแน่นอน ชายหนุ่มวางหญิงสาวลง ก่อนจะวิ่งไล่ตามคนพวกนั้นไป

ถ้าพูดถึงเรื่องพลังปราณ และความเร็วแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายไม่แตกต่างกันมากนัก ทว่าวิชาสับเปลี่ยนเงาของถังหยินนั้นไร้ขีดจำกัดเกินไปในความมืด

เขาใช้วิชานี้กระโดดไปอยู่ด้านหลังนักฆ่าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้เคียวฟาดพวกเขา

พวกนักฆ่าไม่ทันได้เตรียมตัว เมื่อคิดที่จะหลบเคียวมันก็มาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

ผัวะ !

ด้ามของเคียวกระแทกเข้ากลางหลังของนักฆ่าคนหนึ่ง ทำให้เกราะปราณของคนผู้นั้นแตกและร่างลอยกระเด็นออกไป

นักฆ่าคนนั้นลอยออกไปไกลเกือบ 2 จั้ง ก่อนที่จะลงบนพื้น ทว่ายังไม่ทันที่คนผู้นั้นจะได้ลุก เขาก็ได้กระอักเลือดออกมาเสียก่อน

และเมื่อรู้ตัวอีกที ถังหยินก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแล้ว ชายหนุ่มกดเคียวลงแนบลำคอของอีกฝ่าย แล้วพูดอย่างเย็นชา “อย่าขยับ ไม่งั้นหัวเจ้าขาดแน่!” ระหว่างที่พูดก็หันไปมองนักฆ่าที่เหลือ

โดยไม่รีรอ พวกนักฆ่าที่เหลือเหล่านั้นก็พากันก็ปีนกำแพงหายไปทันที

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทิ้งเจ้ากันหมดเลย” ถังหยินมองนักฆ่าคนนี้ ก่อนจะถามออกไปว่า “บอกมาซะว่าเจ้าเป็นใคร และใครกันที่สั่งให้มาลอบสังหารองค์หญิง บอกมา ไม่งั้นเจ้าตายแน่ !”

“ฮ่า ๆ ” นักฆ่าผู้นั้นหัวเราะออกมา เพราะบาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อครู่ ดังนั้นเขาจึงรู้ตัวดีว่าไม่อาจหนีได้แล้ว ! แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็จะไม่ทรยศเด็ดขาด ว่าแล้วคนผู้นั้นก็พลันพูดออกไปว่า “ถังหยิน เจ้าหมารับใช้ของจานฮัว เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนักหรอก” พูดจบดวงตาของเขาก็กลายเป็นไร้แวว ก่อนที่ชุดเกราะปราณจะสลายหายไป

จานฮัวคือชื่อของอ๋องแห่งแคว้นเฟิง ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนกล้าพูดชื่อนี้ออกมาเล่น ๆ แน่ !

ถังหยินตกอยู่ในอาการตะลึง และก่อนที่จะรู้สึกตัว ดวงตาของอีกฝ่ายก็กลายเป็นสีเทา เฉกเช่นเดียวกับเกราะปราณที่กลับไปเป็นชุดสีดำธรรมดาทั่วไป

“บ้าเอ๊ย!” ถังหยินสบถด่าแล้วจับลำคอของอีกฝ่าย เขาพบว่าชีพจรหยุดเต้นไปแล้ว แถมร่างกายก็เริ่มเย็นลงแล้วด้วย ว่าแล้วถังหยินก็รีบถอดหน้ากากของอีกฝ่ายออก ก่อนที่เขาจะเห็นว่าปากของนักฆ่านั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีดำคล้ายยาพิษ

ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความสามารถแบบนี้ ยังกล้ากินยาพิษฆ่าตัวตาย นี่เป็นเรื่องที่แปลกตามากสำหรับถังหยิน

นักฆ่าคนนี้ตายแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อาจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอะไรทั้งนั้น ใครกันที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารเรื่องนี้ ? คำถามดังกล่าววนเวียนไปมาในหัวของเขา ทำให้ถังหยินแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว !