บทที่ 67

ตัวถังหยินเองก็เป็นนักฆ่าเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเป็นเขาที่ถูกจับก็คงจะทำเช่นเดียวกันเพื่อปกปิดข้อมูลอย่างไม่ลังเล ซึ่งมันก็ต้องใช้ความกล้าและบ้าบิ่นเป็นอย่างมาก

“บ้าเอ๊ย!” เขาลุกขึ้นมาแล้วมองศพตรงหน้าด้วยไม่รู้จะพูดอะไร

จากนั้นหลีเทียน หลีเหว่ย เติงหมิงหยาง และคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นถังหยิน ทุกคนก็ถาม “แม่ทัพถัง องค์หญิงปลอดภัยหรือเปล่า ? แล้วพวกนักฆ่าล่ะ ? พวกมันหนีไปได้หรือ ?”

ก่อนหน้าทุกคนต่างถูกปราณกดดันเอาไว้จนไม่ขยับตัวได้ แต่ในเมื่อตอนนี้พวกมันได้หนีไปหมดแล้ว พวกเขาจึงได้อิสรภาพคืนมาอีกครั้ง

ถังหยินมองพวกเขาแล้วพูดอย่างจริงจัง “ฝ่าบาทปลอดภัยดี พวกเจ้าจงพาหลีเฉียนมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”

เขาไม่ใช่คนโง่ การลอบสังหารครั้งนี้มันมีกลิ่นแปลก ๆ

ที่นี่คือเมืองว่าน สถานที่ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นเฟิง การที่พวกนักฆ่าจะเข้ามาปฏิบัติการในนี้จะต้องมีความกล้าหาญมาก แล้วพวกเขาหาโอกาสได้ยังไงกัน ? สังเกตได้จากการที่พวกมันเตรียมตัวมาดีแบบนี้ บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในแน่ ๆ

เพราะถ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็คงจะเกินไป ดังนั้นแล้วหลีเฉียนจึงกลายเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้

“ขอรับแม่ทัพถัง!” เมื่อเห็นถังหยินยังไม่ปลดเกราะออก พวกเขาจึงรับรู้ได้ในทันทีว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ ดังนั้นจึงไม่รีรอ ทุกคนพากันรับคำสั่งและเตรียมจะออกไปในทันที !

เมื่อเห็นทุกคนกำลังจะออกไป ถังหยินก็เสริม “ไม่ว่ายังไงก็ต้องลากตัวมาให้ได้ ถ้าเขาขัดขืนก็ให้จับกุมมา จะใช้กำลังก็ได้ข้าอนุญาต !”

“ขอรับ!”

ทุกคนน้อมรับบัญชาแล้วรีบเดินออกไป

รอบ ๆ โรงเตี๊ยมมีแต่ทหารเฟิงมากมาย ในบรรดาพวกเขาก็มีทหารจากกองพันที่ 2 และทหารจากเมืองว่านปะปนอยู่ด้วย

“แม่ทัพถัง!” กู่เยว่และอัยเจียที่เดินเข้ามาด้วยการช่วยเหลือของทหาร 2 นาย หลังจากที่ทั้งสองเข้าปะทะกับพวกนักฆ่า พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บมากทีเดียว ดังนั้นตอนนี้ใบหน้าทั้งคู่จึงซีดและปากก็เริ่มกลายเป็นสีเขียว

ชายหนุ่มมองทั้ง 2 คน แล้วพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “พวกเจ้าปลอดภัยหรือไม่ ? ”

ทั้งสองส่ายหัวพร้อมกัน “ขออภัยด้วยแม่ทัพถัง พวกข้าไม่อาจปกป้องฝ่าบาทได้…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” ถังหยินหันไปตะโกน “เสนารักษ์! เสนารักษ์อยู่ไหนกัน ?”

หลังจากสิ้นเสียงตะโกน ก็ได้มีแพทย์สนามเข้ามา 2 คน ภายใต้คำสั่งของถังหยิน พวกหมอก็เริ่มทำการรักษาทั้งพวกเขาทั้ง 2 คนในทันที

จากนั้นไม่นานนัก หลิวซงเฉิง เฉินฟาง หลูปิง ซางจิว และหลีเฟ่ยเปิง ก็รีบเข้ามา

เมื่อเห็นพวกเขา ถังหยินก็มีสีหน้าดำคล้ำในทันที “พวกเจ้าทำบ้าอะไรกัน ? ข้าบอกให้พวกเจ้าไปป้องกันประตูเมืองเอาไว้ไม่ใช่หรือไง ?”

ทั้ง 5 คนพยักหน้า ก่อนที่หลิวซงเฉิงจะเป็นคนพูดออกมาว่า “แม่ทัพถัง พวกเราจัดการเรื่องนั้นแล้ว ดังนั้นจึงมาที่นี่เผื่อว่าท่านต้องการเรียกใช้พวกเรา” ระหว่างที่พูดเขาก็มองไปยังร่างของนักฆ่าที่นอนตายอยู่

“พวกมันหนีไปแล้ว เรื่องมันจบแล้ว รีบกลับไปประจำการซะ ห้ามให้ใครหนีไปได้!”

“ขอรับแม่ทัพถัง” ทั้งห้าคนรีบวิ่งออกไปทันที

ไม่นานนักหลีเฉียนก็ถูกพาตัวมาด้วยการถูกจับมัดเอาไว้ โดยมีหลีเหว่ย หลีเทียน เติงหมิงหยางกับคนอื่น ๆ พร้อมกับชิวเจิ้นตามประกบหน้าประกบหลังอย่างใกล้ชิด

เด็กหนุ่มดื่มมากเกินไปจนหน้าเริ่มแดง และตอนนี้ยังอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นัก แต่แล้วสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นร่างของนักฆ่าที่อยู่บ้านพื้น

เขารีบเดินมาหาถังหยินและกระซิบ “สหายถัง ข้าได้ยินมาว่ามีคนพยายามลอบสังหารฝ่าบาท แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ? ถามเจ้านี่ดูสิ !” ว่าแล้วถังหยินก็ชี้นิ้วไปยังหลีเฉียนที่ถูกพาตัวมา

ผู้ว่าเมืองหวาดกลัวจนตัวสั่น ขาของเขาอ่อนแรงจนไม่อาจยืนได้ เขาคลานเข้าไปหาถังหยิน “แม่ทัพถัง ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ ข้าเมาเหล้าอยู่ในบ้านของข้าตลอดเวลา… ท่านก็รู้ดี แถมที่นั่นก็ยังมีรองแม่ทัพชิวอยู่ที่นั่นด้วย เขา ….เขาสามารถยืนยันให้ข้าได้ ! ”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ถังหยินก็เตะเขาออกไป “หลีเฉียน เจ้าชวนข้าไปดื่มเพื่อให้เกิดการลอบสังหารใช่หรือไม่ ? ทำไมเรื่องทุกอย่างมันถึงได้บังเอิญแบบนี้กันนะ ?”

อะไรกัน ! เมื่อได้ยินแบบนี้หลีเฉียนก็พลันหวาดกลัวเสียจนตัวสั่นและเกือบจะเป็นลม

นี่มันโทษประหารหลายชั่วโคตรเลยนะ ต่อให้มีสักสิบ 10 ก็คงไม่พอตัดได้ เขาอ้าปากกว้างแล้วร้องไห้ออกมาอย่างน่าสังเวช “แม่ทัพถัง ข้าผิดไปแล้ว ! ถึงข้าจะกล้าขนาดไหนก็มิอาจล่วงเกินฝ่าบาทได้หรอก ต่อให้ข้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แต่ข้าก็ยังมีครอบครัวนะ…”

ชายหนุ่มมองน้ำตาเหล่านั้นด้วยสีหน้าชั่วร้าย “ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทำให้เจ้าพูดเอง ! เจ้าเป็นเจ้าเมือง ถ้างั้นเจ้าก็น่าจะเข้าใจถึงความเจ็บปวดจากการทรมานสินะ?!”

ได้ยินคำว่า ‘ทรมาน’ หลีเฉียนก็ตัวสั่นแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม เขารีบอ้อนวอนขอความเมตตาจากชายตรงหน้าในทันที “แม่ทัพถัง ข้าผิดไปแล้ว!”

ได้ยินเสียงร้องไห้น่าเวทนาแบบนี้ ถังหยินก็ส่ายหัวแล้วให้หลีเหว่ยมาพาตัวอีกฝ่ายไป “พาตัวเขาไปด้านล่าง!”

“ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย แม่ทัพถัง!”

หลีเฉียนหวาดกลัวมาก เขาพยายามร้องขอความเมตตา แต่โชคร้ายที่ถังหยินไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้น

ทันใดนั้นชิวเจิ้นก็กระซิบกับเขา “สหายถัง ข้าคิดว่างานนี้ไม่เกี่ยวกับท่านหลีหรอกนะ”

ชายหนุ่มหันมามอง “อะไรนะ ? ”

“ถึงข้าจะไม่ได้รู้จักกับเขามานาน แต่ข้าก็บอกได้เลยว่าเขาไม่กล้าพอที่จะลงมือสังหารฝ่าบาทหรอก มันเป็นโทษตายที่ร้ายแรงมากเกินไป ถึงขั้นทำให้ตระกูลเขาต้องถูกประหารทั้งตระกูลเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นในงานเลี้ยง หลีเฉียนเองก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวตามสบายมาก เขาดูไม่ได้พยายามเก็บงำความลับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหายถังออกไปแบบลับ ๆ เขาก็ไม่สนใจไยดีอะไรเลยใช่ไหมล่ะ”

“อืม” ถังหยินพยักหน้าแล้วคิดตาม และพูดอย่างสงสัย “แต่ถ้าเกิดเรื่องมันไม่ใช่แบบนั้น ถ้างั้นมันก็บังเอิญเกินไป เพราะมันดันเกิดขึ้นตอนที่ข้าต้องออกไปพอดี ยิ่งไปกว่านั้น พวกนักฆ่าที่มีฝีมือขนาดนี้ก็ไม่น่าจะหากันได้ง่าย ๆ พวกเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ปราณกดดัน ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากลับมาก่อน น่ากลัวว่าพวกมันคงเข้าไปสังหารองค์หญิงได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว”

“ถูกต้อง!” ชิวเจิ้นขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยิน เขาก้มหัวลงแล้วครุ่นคิด “แล้วแบบนี้หลีเฉียนจะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน?”

“หมายความว่ายังไง?”

“หรือว่าจะมีคนอื่นกันนะ ? ”

ก่อนที่ถังหยินจะทันได้ตอบอะไร เสี่ยวมินก็เดินออกมาจากห้องโถงหลักแล้วกัดฟันพูด “แม่ทัพถัง ฝ่าบาทเรียกหาเจ้า!”

“ได้เลย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ถังหยินพยักหน้าให้นาง แล้วกระซิบบอกชิวเจิ้น “เจ้าไปเค้นความลับจากหลีเฉียนซะ ทางราชสำนักคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ลอยนวลโดยไม่มีผู้กระทำผิดแน่ เจ้าเข้าใจสินะ ? ”

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขาไม่เคยคิดในแง่นี้มาก่อนเลย โชคดีที่ถังหยินพูดเตือนสติเสียก่อนที่เขาจะทำอะไรลงไป

ใช่แล้ว เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ต่อให้พวกเขาคุ้มครององค์หญิงกลับไปยังเมืองหยานได้ ถึงกระนั้นพวกเบื้องบนก็คงต้องหาตัวผู้กระทำผิดอยู่ดี แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานเลย

ข้าไม่คิดว่าถังหยินจะคิดได้ไกลขนาดนี้ ! ชิวเจิ้นพยักหน้าแล้วตอบกลับทันที “สหายถัง อย่างกังวลไปเลย ข้ารู้วิธีการอยู่แล้ว”

“เยี่ยม!” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินตามเสี่ยวมินไปหาหยินโรว

ระหว่างทาง เสี่ยวมินก็เอาแต่เดินนำหน้าและไม่ได้พูดอะไร ทว่าเมื่อมาถึงชั้นสอง นางก็เริ่มพูดขึ้นมาก่อนว่า “ขอบคุณในสิ่งที่เจ้าทำเมื่อครู่มาก”

ไม่ว่านางจะเกลียดเขาขนาดไหน แต่ความจริงก็คือเขาช่วยชีวิตนางเอาไว้

“เจ้าขอบคุณข้าหรือ?” ถังหยินไม่แน่ใจว่าตนนั้นหูดับหรือว่าเห็นภาพหลอนหรืออะไร นี่ผู้หญิงคนนี้กำลังขอบคุณเขาอยู่งั้นเหรอ ?

“เจ้าหมายความว่ายังไง?!” เสี่ยวมินขอบคุณได้ไม่ถึงสามวินาทีแล้วมองเขาอย่างฉุนเฉียว “เจ้าทำได้ดีมาก และข้าก็แค่ขอบคุณเจ้าเท่านั้นแหละ!”

“งั้นเหรอ ข้าว่าเจ้าควรไปขอบคุณเจ้านายเจ้าเถอะ” ชายหนุ่มตอบลอย ๆ

“เจ้า…” มาถึงตรงนี้เสี่ยวมินก็เริ่มคิดได้แล้วว่านางนั้นไม่ควรจะพูดดีกับชายคนนี้อีก !

ทั้งสองมาถึงหน้าห้องของหยินโรว หลังจากเคาะประตู พวกเขาก็เดินเข้าไป

เพียงชั่วพริบตาหยินโรวก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เลือดที่เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าก็ได้ถูกล้างออกไปจนไม่หลงเหลืออยู่อีก

นางมองถังหยินในชุดเกราะปราณ ก่อนจะเริ่มคิดถึงเรื่องราวการต่อสู้และการอุ้มเมื่อครู่ ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็พลันแดง และเมื่อหญิงสาวได้สติ นางก็พูดขึ้นว่า “แม่ทัพถัง พวกมันถูกไล่ออกไปแล้วหรือ ? ”

ในตอนนี้ใบหน้าของหยินโรวแสดงออกถึงความอ่อนแอและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ชายหนุ่มอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ เขาก้มหัวให้อีกฝ่าย ก่อนจะพูดว่า “ข้าต้องขออภัยด้วย นี่เป็นความผิดของข้าน้อยเองที่ปล่อยปละให้พวกนักฆ่ารอดไปได้ ตอนนี้ทั้งเมืองถูกปิดเอาไว้แล้ว ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าพวกมันไม่น่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้!”

เขาพูดออกมาเพื่อให้นางสบายใจ เพราะแท้จริงแล้ว ด้วยความสามารถแบบนั้น ยังไงพวกนักฆ่าก็คงหนีออกไปได้อย่างง่ายดายแม้จะมีคนมาหยุดเอาไว้ก็ตาม ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะหยุดคนพวกนั้นได้ !

หยินโรวไม่สนใจเรื่องการจับกุมคนพวกนั้น นางถอนหายใจและพูดด้วยความหวาดกลัว “ใครต้องการสังหารข้ากัน?” นี่เป็นคำถามที่นางสงสัยที่สุด เพราะคนที่คิดจะทำแบบนั้นคงเกลียดชังนางน่าดู