ตอนที่ 59 ไม่มีรางวัล?

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

หานเสียวหมี่พยักหน้าถี่ๆ ก่อนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่สอนหนูได้เหรอคะ?”

“ได้แน่นอน แต่ต้องเป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ ห้ามให้คนอื่นรู้” ฟางเจิ้งตอบ

หานเสียวหมี่พยักหน้าถี่ๆ พูดขึ้น “อืมๆๆ นี่เป็นความลับระหว่างเราหัวโล้นสองคน”

พอได้ยินเสียงจากทางนี้ หลู่ซวงซวงก็ถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ “หมี่ลี่ ลูกกำลังทำอะไรน่ะ?”

หานเสียวหมี่ยิ้มตอบ “หนูกำลังเล่นกับพี่ไต้ซือค่ะ”

หานเซี่ยวกั๋วรีบเบี่ยงประเด็น ดึงหลู่ซวงซวงไปพูดที่อื่น

หานเสียวหมี่ถึงพูดต่อเบาๆ อย่างมีไหวพริบ “พี่ไต้ซือ ทำไงถึงเก่งขนาดนั้นคะ?”

ฟางเจิ้งพลิกมือ หยิบยาหวนคืนเล็กออกมา “กินลูกอมนี่จะเก่งขึ้น หมี่ลี่อยากกินไหม?’

ถึงหานเสียวหมี่จะฉลาด แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเด็ก มีความอยากรู้อยากเห็นมากจึงพยักหน้ารัวๆ “อยากๆๆ…”

ฟางเจิ้งเอ่ยต่อ “อ้าปาก พี่จะป้อนให้”

หานเสียวหมี่อ้าปากกว้าง ฟางเจิ้งจึงใส่ยาเข้าไปในปากเธอ เม็ดยาหวนคืนเล็กเข้าปากไปแล้วละลายทันที รสชาติถือว่าไม่เลว

หานเสียวหมี่กินเสร็จก็ทำริมฝีปากขมุบขมิบ “อร่อย…ตั้งแต่หมี่ลี่ป่วยม๊ากับพี่สาวชุดขาวก็ไม่ยอมให้หมี่ลี่กินเลย ความจริงหมี่ลี่อยากกินอาหารหน้าตาน่ากินพวกนั้นมากเลย กลิ่นก็หอมด้วย…”

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเศร้าในใจ ลูบหัวหานเสียวหมี่ “จากนี้เธอจะได้กินแล้วล่ะ”

“จริงเหรอคะ?” หานเสียวหมี่ถาม

ฟางเจิ้งพยักหน้า “แน่นอน เพราะเธอเป็นหัวโล้นเล็กไง กินยาวิเศษของหัวโล้นใหญ่เข้าไปจะต้องเก่งกาจแน่ แต่ว่าต้องจำไว้นะ นี่คือความลับระหว่างเรา ห้ามบอกกับคนอื่น รวมถึงป๊ากับม๊าเธอด้วย”

หานเสียวหมี่พยักหน้ารัวๆ สองคนหัวเราะให้กัน จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย

ตอนนี้เองฟางเจิ้งอุ้มหานเสียวหมี่มาอยู่ตรงหน้าหลู่ซวงซวงกับหานเซี่ยวกั๋ว ส่งหานเสียวหมี่ให้หานเซี่ยวกั๋ว ก่อนประนมสองมือ “อมิตพุทธ โยม จำเรื่องที่รับปากกับอาตมาไว้นะ อาตมาไม่รบกวนพวกโยมสองคนแล้ว”

หานเซี่ยวกั๋วมองฟางเจิ้งด้วยความสงสัย แต่ฟางเจิ้งไม่สนใจ เดินจากไปโดยไม่บอกกล่าว เพียงแต่ว่าตอนที่เดินผ่านหานเซี่ยวกั๋วยังพูดเบาๆ ข้างหู “เป็นคนดี”

หานเซี่ยวกั๋วเห็นหานเสียวหมี่มีความสุขในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? หรือว่าจะไม่ต้องฝังเข็มกับวิชาอะไรพวกนี้? ทำไมรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย? หรือว่าหลวงจีนนี่จะหลอกเขา?

แม้จะสงสัย แต่หานเซี่ยวกั๋วกลับไม่พูด หลู่ซวงซวงก็สงสัยเล็กน้อยอยู่แล้ว ทว่าพอลูกสาวกลับมาก็วางใจ ประกอบกับหานเสียวหมี่ที่น่ารัก ภาพครอบครัวมีความสุข มีพูดคุยหัวเราะ ทำให้หานเซี่ยวกั๋วลืมทุกอย่างไป

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประตูใหญ่เปิดออก อธิบดีจางพาคนเดินเข้ามา

ถึงหานเซี่ยวกั๋วจะอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ยังเดินตามอธิบดีจางไป ออกจากประตู เลี่ยงหานเสียวหมี่ ก่อนอธิบดีจางจะใส่กุญแจมือเขา ให้คนคุมตัวเดินไปก่อน

จากนั้นให้คนแบกหานเสียวหมี่ลงเขาไป…

ก่อนไปอธิบดีจางมาหาฟางเจิ้งที่หน้าประตูอีกครั้ง

“ไต้ซือ ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้มากครับ” อธิบดีจางพูด

“อมิตพุทธ อาตมาไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ โยมหานเขามีใจจะใฝ่หาความดีอยู่แล้ว ที่ทำไปก็เพราะไม่มีทางเลือก โยม ถ้าเขากลับใจแล้วลองช่วยเขาดูหน่อยนะ ไม่ต้องถึงกับพ้นผิด บาปกรรมที่เขาทำลงไปก็ควรจะแบกรับด้วยตัวเอง แต่หวังว่าอธิบดีจะช่วยเขาตัดสินอย่างเป็นธรรม แม้จะเป็นโทษประหารก็ตาม” ฟางเจิ้งกล่าว

อธิบดีจางงงงัน จากนั้นยิ้ม “นักบวชก็สนใจเรื่องทางโลกด้วยเหรอครับ?”

“ไม่สน แต่อธิบดีสนไม่ใช่หรือ?” ฟางเจิ้งขยิบตาให้อธิบดีจาง

อธิบดีจางหัวเราะเสียงดัง “ท่านต่างกับหลวงจีนหัวโบราณพวกนั้นจริงๆ วางใจ ผมจะยึดตามกฏหมายอย่างยุติธรรม ขอตัวก่อนครับ!”

“กลับดีๆ ล่ะโยม” ฟางเจิ้งส่งอธิบดีจางแล้วปิดประตูวัด

วัดคึกคักกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ฟางเจิ้งรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย…ตอนนี้เองหมาป่าเดียวดายกลับมาแล้ว เจ้านี่แรงดีขึ้นทุกวัน ผลักประตูใหญ่เข้ามาจะดื่มน้ำ ฟางเจิ้งมองน้ำในโอ่ง มันเหลือไม่มากแล้ว

จากนั้นก็สวมถังน้ำให้หมาป่าเดียวดาย ลากเจ้าผีขี้เกียจลงเขาไปตักน้ำ

“ระบบ ฉันถือว่าช่วยคนรึเปล่า? ทำไม่ไม่มีรางวัลล่ะ?” หลังเรื่องราวผ่านไป ความคิดฟางเจิ้งก็กลับมาที่คำถามเรื่องรางวัลอีกครั้ง

“ติ๊ง! ผลยายังไม่ออกฤทธิ์อย่างสมบูรณ์ อดทนรอก่อน” ระบบตอบ

“เอาเถอะ แล้วหานเซี่ยวกั๋วล่ะ? ถือว่าฉันเปลี่ยนให้เขาเป็นคนดีไหม? เปลี่ยนให้กลับตัวกลับใจได้รึเปล่า ภารกิจกลับใจล่ะ?” ฟางเจิ้งถาม

“ติ๊ง! ไม่ได้รางวัล คือไม่ได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ การจะเปลี่ยนคนคนหนึ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิด ไม่อย่างนั้นบุญกุศลคงไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น” ระบบตอบ

ฟางเจิ้งหัวเราะแห้งๆ เป็นอย่างนี้จริงๆ! เขามองเรื่องก่อนหน้านี้ว่าง่ายเกินไป…

แต่ไม่มีก็ไม่มี เขาชอบเสียวหมี่ลี่ นางฟ้าน้อยน่ารักแบบนี้ ถ้าตายไปคงน่าเสียดาย!

ดังนั้นฟางเจิ้งจึงรู้สึกดี ลงเขาไปตักน้ำ กินข้าว อ่านพุทธคัมภีร์ วันเวลาก็ผ่านไปอย่างอิสระเสรี

ตรงตีนเขา หานเซี่ยวกั๋วพาตำรวจมาหาเงินที่ปล้นมา จากนั้นถูกคุมตัวไว้รอพิพากษา แต่เขารู้สึกไม่ดี กระทั่งอึดอัดเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าอาการป่วยของลูกสาวหายดีหรือไม่ ถึงตอนอยู่บนเขาจะมีความหวังมาก แต่เขารู้ว่ายิ่งคาดหวังมากเท่าไรก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีผลสรุปสุดท้ายเขาคงไม่สบายใจไปตลอด

ดีที่อธิบดีจากรับรองว่าจะให้หลู่ซวงซวงมาเยี่ยม

หลู่ซวงซวงก็คิดอย่างนั้น เธอพาหมี่ลี่กลับโรงพยาบาลไปทำการตรวจร่างกาย แม้แต่เธอยังรู้สึกว่าการตรวจร่างกายครั้งนี้พิลึกอยู่เล็กน้อย…

ทุกอย่างเหมือนจะไม่เกี่ยวกับฟางเจิ้ง

ส่วนฟางเจิ้งที่กำลังอ่านพุทธคัมภีร์ในอินเทอร์เน็ตพบปัญหาเข้า

“ระบบ พุทธศาสนาห้าม โลภ โกรธ งมงาย หยิ่งยโส สงสัย รวมกันเป็นความทุกข์ใจห้าอย่าง โลภ หมายถึงทุกชีวิตต่อสิ่งสกปรกทั้งห้าเช่นสี เสียง กลิ่น รสชาติและสัมผัส หรือจะเป็นความมั่งมี สี ชื่อเสียง อาหารและการนอนกลับห้าความปรารถนา เกิดเป็นความเพ้อฝันยึดมั่นต่อโลภ

โกรธ คือสิ่งที่ฝ่าฝืนต่อความยึดมั่นในความโลภของตัวเอง จะเกิดความคิดอย่างเช่นโกรธหรือชั่วร้ายเป็นต้น

งมงาย ความคิดขมุกขมัว ไร้สติปัญญา อย่างเช่น ไม่เข้าใจเหตุผลกฏแห่งกรรม ไม่รู้ว่าทุกคนมีพุทธศาสนาอยู่ในใจ ไม่เข้าใจว่าพระธรรมเกิดและรวมขึ้นเพราะเหตุ สติปัญญาของพระธรรมไม่ใช่ความฉลาดจากการชี้แนะในโลกทั่วไป แต่จะต้องเข้าใจหลักพระธรรมแท้จริงอย่างเช่นเหตุและผล จิตใจและต้นสายปลายเหตุ หากไม่เข้าใจก็จะงมงายไร้ปัญญา

หยิ่งยโส หมายถึงทุกอย่างในดวงตาว่างเปล่า ในดวงตาไม่มีผู้ใด ยกตัวเองสูงส่ง โอหังในตัวเอง คิดว่าตนนั้นสูง หยิ่งผยองต่อคนอื่น

สงสัย ไม่เชื่อใครและอะไรทั้งสิ้น ใจคิดแต่สงสัย เกิดความระแวง ความความขัดแย้งยุ่งเหยิง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความทุกข์ แกล้งทำเป็นชั่วช้า อย่างเช่นสงสัยว่าทุกชีวิตมีพระพุทธหรือสงสัยหลักการของพระธรรม ไม่ยอมรับและปฏิบัติตามเป็นต้น”

…………………………