ตอนที่ 169 ผู้นำตระกูลหลิว (3)/ตอนที่ 170 ผู้นำตระกูลหลิว (4)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 169 ผู้นำตระกูลหลิว (3)

หลิวซื่อน่ะช่างเถอะแต่หากหลิวอวี่ตายละก็ ท่านแม่จะต้องโกรธมาก ไม่แน่…ต่อจากนี้อาจจะไม่ช่วยนางอีกก็เป็นได้

“หยุดนะ!”

“หยุดนะ!”

เสียงสองเสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกัน

เสียงแรกเป็นเสียงของเฟิงหรูซวง

ส่วนอีกเสียงหนึ่งน้ำเสียงสูงวัยและมีความโกรธปะปนอยู่

หมีปฐพียังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง รู้สึกว่ามีพลังพุ่งเข้าใส่มันด้วยความรวดเร็ว มันตกใจรีบหยุดฝีเท้าลงอยากจะหลบก็หลบไม่ทันเสียแล้ว…

หมาป่าสีขาวร้องคำรามพุ่งเข้าไปทันที

ถึงแม้เจ้าหมีจะมีผิวหนังและเนื้อหนาแต่ก็ไม่อาจรับพลังนี้ไหว มันในฐานะพ่อบ้านจวนองค์หญิง หากเรื่องที่มันนั่งดูดายปล่อยให้คนใต้บังคับบัญชาถูกตีโดยไม่ช่วยถูกแพร่ออกไปละก็ ใครจะยังยอมจำนนต่อมันอีก?

ในตอนที่หมาป่าสีขาวตาแดงก่ำต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตนั่นเอง ไม่ไกลออกไปนักร่างสูงใหญ่ดังภูเขาตรงเข้ามาด้วยความเร็วตกลงตรงหน้าของพวกมัน…

ใช่แล้ว วินาทีนั้นในสายตาของหมาป่าสีขาวและหมีปฐพี ร่างร่างนี้ใหญ่เสียยิ่งกว่าภูเขาไท้ซาน ลงมาดั่งเทพพระเจ้า ทำให้หัวใจสัตว์ป่าของพวกมันเต้นแรง ความตกใจแสดงออกชัดทางสายตา

ทันใดก็มีเสียงใสกังวานดุจเสียงระฆังของหญิงสาวดังขึ้น

“หากท่านกล้าแตะต้องข้า เสด็จพ่อของข้าจะต้องพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะฆ่าท่านยกตระกูลแน่!”

พลังวิเศษทั้งหมดที่กำลังเคลื่อนไหวพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทั้งหมดกลับเข้าสู่ความสงบดังเดิม…

หมัดของผู้เฒ่าหยุดลงที่ตรงหน้าเฟิงหรูชิง เขากำหมัดแน่นมือสั่นอย่างห้ามไม่ได้

แต่สุดท้ายแล้วหมัดนี้ก็ไม่กล้าปล่อยออกไป…

“ท่านพ่อ!” หลิวซื่อเห็นผู้เฒ่าปรากฏตัวก็ดีใจ นางไม่ทันได้เช็ดเลือดที่ไหลออกจากหู นางรีบเดินไปตรงหน้าผู้เฒ่า “ท่านพ่อ ท่าน…ท่านสำเร็จแล้วหรือ?”

   หลายปีมานี้ที่หลิวซื่อสามารถปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน ก็เป็นเพราะว่าผู้นำตระกูลหลิว

หลิวอวิ๋นเซียวมีความแข็งแกร่งพัฒนาแบบก้าวกระโดด ยิ่งเมื่อครึ่งปีก่อนได้ไปหาที่เงียบสงบเก็บตัวฝึกตบะ เตรียมสำเร็จขั้นหลิงอู่

หลิงอู่ เป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นหลิวอวิ๋นตอนนี้!

หลิวซื่อไม่รู้ว่าหลิวอวิ๋นเซียวต้องเผชิญกับอะไรบ้างความสามารถจึงได้พุ่งสูงขึ้นถึงเพียงนี้ แต่นางรู้ดีว่าวันใดที่หลิวอวิ๋นเซียวสำเร็จระดับหลิงอู่ ในแคว้นหลิวอวิ๋นนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีก

ทวีปชางเย่วนับถือผู้แข็งแกร่ง

ไม่ว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้หรือองค์หญิง มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะคู่ควรที่จะดำรงอยู่อย่างแท้จริง!

น่าเสียดายที่ฮ่องเต้องค์นี้ของแคว้นหลิวอวิ๋นก็เป็นหลิงอู่ระดับล่าง หลิวซื่อคิดอยากจะควบคุมแคว้นนี้ตอนนี้…ยังไม่ถึงเวลา

นอกเสียจาก…

เขาจะสามารถก้าวข้ามฮ่องเต้องค์นี้กลายเป็นที่หนึ่งในแคว้นหลิวอวิ๋น!

แน่นอนว่าเมื่อหลิวอวิ๋นเซียวสำเร็จระดับหลิงอู่แล้ว แม้จะเป็นฮ่องเต้องค์นี้ก็ไม่กล้าผลีผลามเปิดศึกกับเขา

อย่างไรเสีย…

การต่อสู้ของหลิงอู่ใครแพ้ใครชนะไม่แน่ชัด ส่วนพวกคนที่ต่ำกว่าระดับหลิงอู่ลงไปก็ไม่ต่างอะไรกับมด

“องค์หญิง สัตว์วิเศษสองตัวนี้โจมตีหลานของกระหม่อม เหตุใดองค์หญิงจึงมาขวางกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ?” หมัดของหลิวอวิ๋นเซียวกำแน่น น้ำเสียงไร้ซึ่งความยำเกรง

ในความทรงจำของเจ้าของร่าง หลิวอวิ๋นเซียวในตอนนั้นไม่ได้เป็นเช่นนี้ ตอนนั้นตระกูลหลิวต่างก็ประจบสอพลอนาง ถ่อมตนเยินยอ แต่เพียงเมื่อสิบปีก่อนหลิวอวิ๋นเซียวคนนี้…ก็ออกจากแคว้นหลิวอวิ๋นไป

ไปที่ใดนั้นแม้แต่เสด็จพ่อยังไม่ทรงทราบข่าวคราวใดๆ

ทว่า…แม้เจ้าของร่างจะเจอหลิวอวิ๋นเซียวผู้นี้เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ท่าทางประจบสอพลอของหลิวอวิ๋นเซียวในตอนนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำของนาง

คิดไม่ถึงว่าเมื่อเจอกันอีกครั้ง เขาจะสำเร็จหลิงอู่แล้ว?

………………………………..

ตอนที่ 170 ผู้นำตระกูลหลิว (4)

เฟิงหรูชิงหรี่ตาลง

ตอนนั้นหลิวอวี๋นเซียวหายตัวไปตระกูลหลิวทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น นางยังช่วยหลิวหรงให้ท่านพ่อตามมาหาเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าตระกูลหลิวนี่จะรู้เรื่องการหายไปของหลิวอวี๋นเซียว แต่เพื่อให้เขาได้ยกระดับพลังอย่างลับๆ ทั้งหมดจึงทำเป็นไม่รู้เรื่อง

ที่สำคัญที่สุดคือ…

คนที่สามารถปกปิดผู้มีฝีมือระดับสูงของแคว้นหลิวอวิ๋นได้ และยังคอยช่วยเหลือตระกูลหลิวอยู่ข้างหลัง เห็นได้ชัดว่าต้องไม่ธรรมดา…

บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการตายของท่านแม่ด้วยก็เป็นได้?

“สัตว์วิเศษของข้าไม่ทำร้ายคนตามใจ พวกเขาต้องทำอะไรกระตุ้นให้มันโกรธแน่” เฟิงหรูชิงหันไปทางหมีปฐพี “คนพวกนี้ทำอะไรเจ้า?”

หมีปฐพีชี้ไปที่หลิวอวี่ด้วยความโมโห มันคำรามอยู่สามสี่ทีแววตาน้อยใจจนแถบจะร้องไห้ออกมา

เฟิงหรูชิงหน้ามืดหันไปทางหมาป่าสีขาว “หมีหนึ่งพูดว่าอะไร? ข้าฟังไม่เข้าใจ”

หมี่หนึ่ง คือ ชื่อที่เฟิงหรูชิงตั้งให้หมีปฐพี และเป็นสัตว์วิเศษเพียงตัวเดียวในจวนองค์หญิงที่มีชื่อเรียก

“เอ๋าว์เอ๋าว์เอ๋าว์” หมาป่าสีขาวใช้อุ้งเท้าชี้ไปที่หลิวอวี่ราวกับกำลังฟ้องถึงพฤติกรรมน่ารังเกียจของเขาเมื่อครู่

แต่ว่า…

เฟิงหรูชิงก็ยังฟังไม่ออกว่ามันพูดว่าอะไร

โชคดีที่หลิวอวี่ช่วยนางไขข้อข้องใจได้อย่างทันท่วงที

“นั่นเป็นสัตว์วิเศษของข้า เป็นของข้า! เมื่อครู่ท่านพี่รับสั่งแล้วจะยกสัตว์วิเศษนี่ให้ข้า ท่านมีสิทธิ์อะไรมาแย่งสัตว์วิเศษของข้า? ท่านเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจ เป็นคนเลว!”

หูของเขายังมีเลือดไหลออกมา แต่พอเห็นว่าเฟิงหรูชิงจะแย่งหมาป่าสีขาวเขาก็ไม่สนใจอะไรโมโหจนเนื้อเต้น จ้องมองนางด้วยความเกลียดชัง

เฟิงหรูซวงตกตะลึง

เมื่อครู่นางเพียงแค่ต้องการสั่งสอนหลิวอวี่ถึงให้เขายั่วยุพวกสัตว์วิเศษ ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาโยนความผิดใส่ร้ายนางต่อหน้าเฟิงหรูชิงเช่นนี้

แต่ว่า…

เฟิงหรูซวงมองหลิวอวี๋นเซียวแล้วก็เบาใจไปหลายส่วน

ท่านตากลับมาแล้วอีกทั้งยังแข็งแกร่งเช่นนี้ ต่อให้เฟิงหรูชิงจะเย่อหยิ่งเพียงใดก็คงไม่กล้ารังแกนางแล้วกระมัง?

ในแคว้นหลิวอวิ๋นนี้ นอกจากท่านตาแล้วก็มีแค่เสด็จพ่อเท่านั้นที่สำเร็จเทียนหลิง หากปะทะกันจริง ก็ใช่ว่าท่านตาจะแพ้ให้เขา

เช่นเดียวกันท่านตาเองก็ไม่กล้าทำร้ายเฟิงหรูชิงจริงๆ

มิเช่นนั้นจากความรักที่เสด็จพ่อมีให้เฟิงหรูชิง หากนางไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่หากเกิดเรื่องล่ะก็ จะต้องมาหาท่านตาสู้ตายกับท่านตาเป็นแน่!

ถึงตอนนั้น…ต้องเจ็บหนักทั้งสองฝ่ายหรือไม่เสด็จพ่ออาจจะสู้โดยไม่คิดชีวิตลากเอาท่านตาตายไปด้วยกัน!

เฟิงหรูซวงรู้ถึงข้อนี้จึงเข้าใจว่าเหตุใดหลิวอวี๋นเซียวจึงหยุดมือ

ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะมีตำแหน่งและความสำเร็จเช่นตอนนี้ จะกล้าเสี่ยงได้อย่างไรกัน? อีกอย่างขอเวลาให้เขาอีกเพียงนิดเดียว ก้าวข้ามเฟิงเทียนอวี้…ไม่ใช่เรื่องยากเลย

เหตุใดต้องมาทะเลาะกันตอนนี้เล่า?

เฟิงหรูชิงหรี่ตาลงแววตาเยือกเย็นหันไปทางเฟิงหรูซวง “หมาป่าน้อยของข้า ไปเป็นสัตว์เลี้ยงของเฟิงหรูซวงตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“องค์หญิง” หลิวซื่อเห็นว่าหลิวอวี๋นเซียวสำเร็จการฝึกกลับมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจ แสร้งยิ้มเพียงเปลือกนอกเอ่ยขึ้น “คิดไม่ถึงว่าท่านยังมีงานอดิเรกประเภทแย่งสัตว์เลี้ยงผู้อื่นด้วย หมาป่าสีขาวย่อมเป็นของซวงเอ๋อร์ เมื่อครู่นางก็ยอมรับแล้ว เพียงแต่ท่านบีบบังคับให้นางยกหมาป่าสีขาวให้ท่าน แล้วอย่างไร ตอนนี้ก็กลายเป็นของท่านเสียแล้วหรือ?”

หากเป็นเมื่อก่อน หลิวซื่อไม่มีทางกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเฟิงหรูชิงแน่ แต่ตอนนี้นางมีคนหนุนหลังแล้วนางยังต้องกลัวอะไร?

ต่อให้เฟิงเทียนอวี้มีกำลังทหารนับไม่ถ้วนแล้วอย่างไรเล่า?

ในตอนฝึกตบะ การก้าวข้ามขึ้นระดับชั้นที่สูงขึ้นทุกระดับ จะมีช่องว่างชนิดหนึ่งที่ไม่อาจก้าวข้ามได้ กองทัพเหล่านั้นต่อให้มีมากเพียงใด สำหรับผู้แข็งแกร่งแล้ว ไม่มีความหมายอะไรเลย

เฟิงหรูซวง “…”

นางพูดแบบนั้นไปเมื่อใดกัน? เหตุใดนางจึงไม่รู้?

…………………..