ตอนที่ 87 งานเลี้ยงคืนสู่เหย้า

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 87 งานเลี้ยงคืนสู่เหย้า

แม้ซูตานหงจะไม่ได้เข้าไปช่วยงานในครัว แต่เธอก็ดูแลลูกสาวของหล่อนเป็นอย่างดี จึงไม่ต้องกังวลกับการที่ผู้เป็นแม่ไม่อยู๋

ภายในครัวนั้น จี้มู่ตานก็ได้บ่นพึมพำออกมา “น้องสะใภ้สามคนนี้นับวันจะทำตัวเป็นคุณนายขึ้นทุกวัน ได้ยินมาว่าตอนอยู่ในบ้าน น้องชายสามเป็นคนทำอาหารด้วย ในขณะที่หล่อนดูแลลูกตลอดทั้งวันราวกับถือไข่ทองคำเลยทีเดียว!”

แค่ลูกชายคนเดียวเองไม่ใช่หรือ? ทำอย่างกับว่าทุกคนไม่เคยมีลูกชายเหมือนที่หล่อนมีอย่างนั้นแหละ แต่หล่อนมีชีวิตที่ดีเหลือเกิน ทั้งถูกสามีตามใจแบบนั้น แล้วก็ยังได้ลูกคนโตเป็นผู้ชายอีกต่างหาก!

เฝิงฟางฟางหัวเราะเมื่อได้ยินดังนี้ “นั่นเป็นเรื่องของครอบครัวสามเขา อย่าไปยุ่งนักเลย ก็แค่ทำงานนิดหน่อยเองไม่มีอะไรหรอก พวกเราทำกันไม่นานก็เสร็จแล้ว”

“พี่สะใภ้ใหญ่นี่ทำตัวเป็นคนดีเก่งจังเลยนะคะ ใครจะไม่รู้บ้างว่าโหวหวาจือได้ของมากมายจากหล่อน ตอนนี้พี่ถึงได้เข้าข้างหล่อนไปแล้ว!” จี้อวิ๋นอวิ๋นแค่นเสียงเย็นชา

เฝิงฟางฟางยิ้ม แต่ในรอยยิ้มนั้นปรากฏแววเย้ยหยัน “อวิ๋นอวิ๋น อย่าหาว่าพี่สะใภ้ใหญ่ชอบสอนเธอเลยนะ เธอต้องเปลี่ยนนิสัยของตัวเองเสียบ้าง หล่อนคือใคร? ตานหงคือพี่สะใภ้สามของเธอ ทำไมเธอถึงไม่จำกฎข้อนี้ใส่ใจกันนะ ตอนอยู่ในบ้านของเรา เธอก็อิดเอื้อนไม่ยอมพูด ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ถ้าถึงเวลาต้องอยู่ในบ้านสามีขึ้นมาแล้วเธอเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ เกรงว่าชื่อเสียงของตระกูลจี้จะต้องพังพินาศเพราะฝีมือเธอเสียแล้วล่ะ”

“พี่พูดอะไรน่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที

เฝิงฟางฟางเองก็เริ่มฉายแววหงุดหงิดขึ้นมาเช่นกัน “ในฐานะพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้าน พี่ยังมีสิทธิ์ที่จะพูดสั่งสอนเธออยู่นะ เรียนจบได้ใบปริญญามากลับทำตัวไม่สมกับที่ได้มาเลย แต่วันนี้เป็นวันสิ้นปี พี่จะไม่พูดอะไรอีกแล้ว น้องสามีอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย!”

จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้สึกโมโหมาก

“พี่สะใภ้ใหญ่ก็พูดแรงไปหน่อยนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยขึ้นบ้าง

“พี่ไม่ได้มีชีวิตดีเหมือนน้องสะใภ้สี่หรอกจ้ะ แต่ถ้าในอนาคตโหวหวาจือต้องแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ พี่ก็ไม่อยากจะดูแลนักหรอก” เฝิงฟางฟางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

อวิ๋นลี่ลี่สะอึก

จี้มู่ตานจึงเอ่ยขึ้น “น้องสามีมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ หล่อนไม่จำเป็นต้องแต่งกับผู้ชายบ้านนอกในชนบทหรอกค่ะ ด้วยระดับการศึกษาของน้องสามีแล้ว หล่อนจะต้องได้แต่งกับผู้ชายในเมืองแน่นอน”

เฝิงฟางฟางได้ยินก็มีสีหน้าไม่ดีนัก

นี่กำลังหมายความว่าโหวหวาจือลูกชายของหล่อนเป็นผู้ชายบ้านนอกด้วยอย่างนั้นเหรอ? จะว่าหล่อนก็ไม่เป็นไร แต่จะมาว่าลูกชายหล่อนไม่ได้

โหวหวาจือเรียนเก่งจะตาย ในอนาคตเขาจะต้องได้เข้ามหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน!

แต่หล่อนไม่ได้พูดออกมา ได้แต่แค้นฝังหุ่นจี้มู่ตานอยู่ในใจ

คุณแม่จี้ที่เงียบอยู่นั้นพอได้ยินคำพูดกระทบกระเทียบกันในหมู่สะใภ้ก็ทนไม่ไหวจึงพูดออกมาเสียงดัง “งานเลี้ยงคืนสู่เหย้าก็มีกันปีละครั้ง พวกเธอจะสงบจิตสงบใจกันหน่อยไม่ได้หรือยังไง?”

ทุกคนโตกันหมดแล้ว นางจึงไม่อยากจะคอยควบคุมใครอีก และไม่อยากจะใส่ใจอะไรอีกแล้ว เพราะแต่ละคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง

คนแก่ก็แค่อยากจะมีชีวิตที่สงบสุขบ้างสักครั้งใน 1 ปี หลังจากเทศกาลนี้ไป ทุกคนก็กลับไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่มีใครมายุ่งอะไรกับใครอีก

ความจริงแล้วตระกูลจี้เปิดกว้างไม่น้อย

ทันทีที่ลูกชายได้แต่งงาน พวกเขาก็แยกบ้านไปมีชีวิตอยู่เป็นของตัวเอง ไม่วุ่นวายเลยสักนิด

ต้องทราบก่อนว่าในหมู่บ้านยังมีอีกหลายครอบครัวที่อยู่อาศัยรวมกันในบ้านหลังเดียว ซึ่งเป็นชีวิตความเป็นอยู่ที่หาเรื่องทะเลาะกันได้ทุกสามวันห้าวัน ไม่มีเวลาไหนได้อยู่อย่างสงบเลย

เทียบกันแล้วตระกูลจี้ยังดีกว่านิดหน่อยตรงที่ทั้งตระกูลจะมาอยู่พร้อมหน้ากันแค่วันปีใหม่ ส่วนเวลาอื่น ๆ นั้นไม่สำคัญและแต่ละคนก็แยกไปใช้ชีวิตกันแบบตัวใครตัวมัน

ทันทีที่คุณแม่จี้พูดขึ้น ทุกคนก็เงียบปากทันทีแม้ในใจจะยังไม่หยุดคิดก็ตาม

แม้แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่อยากพูดอะไรให้ต้องโดนด่าในวันนี้ หล่อนจึงช่วยเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงปีใหม่แทน

อาหารงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในคืนนี้ยังคงอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กับปีที่แล้ว

ครอบครัวใหญ่นำซี่โครงหมูมาเลี้ยง ส่วนครอบครัวรองนำจานไข่เค็มมาวาง จี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงนำแต่ละอย่างมาอย่างละนิดละหน่อย รวมทั้งหมูสามชั้นหมักที่ซูตานหงทำ ลูกชิ้นปลาทอด และอาหารจานเนื้ออย่างอื่น ๆ อีก

ส่วนในปีนี้อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้นำอะไรมาร่วมโต๊ะด้วย

เนื่องจากหล่อนใช้เงินทั้งหมดไปกับการจ่ายค่าจำนองบ้านแล้ว จึงไม่มีเงินเหลืออยู่เลย อีกอย่างหนึ่งข้าวของในเมืองก็แพงมาก ต่อให้อยากซื้อก็ซื้อได้เพียงเป็ดย่าง 2 ตัวหรืออะไรทำนองนั้น

ซึ่งสำหรับเป็ดย่างแล้ว พูดตามตรงก็คือขนาดเป็ดตัวใหญ่ยังมีเนื้อไม่มากนัก ดังนั้นเป็ดตัวเล็กก็คือแทบไม่มีเนื้อเลย!

นอกเหนือจากของกินที่ครอบครัวลูกชายทั้งสามนำมาแล้ว คุณแม่จี้ยังมีปลานึ่งเพิ่มเข้าไปอีกจาน และยังมีขาหมูตุ๋นเห็ดหอม อาหารอื่น ๆ ก็มีมากมายเช่นกัน

ตามกฎของบ้านตระกูลจี้แล้ว อาหารมื้อนี้จะต้องจัดเต็มและสร้างความสุขให้กับทุกคนได้

ไม่นานนักอาหารร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมก็ถูกนำมาจัดวางบนโต๊ะ ทั้งโหวหวาจือ สองพี่น้องเสี่ยวเจินเสี่ยวอวี้ แม้แต่สาวน้อยเหยียนเอ๋อร์ต่างมีดวงตาลุกวาวเป็นประกาย

“ทุกคนมากินข้าวเย็นกัน” คุณพ่อจี้มองภาพครอบครัวอันครึกครื้นด้วยความสำราญใจ ลูกชายลูกสาวทั้งห้าต่างอยู่พร้อมหน้า ซึ่งลูกชายสี่คนต่างแต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว เว้นน้องสาวคนสุดท้องที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ชีวิตความเป็นอยู่ของเขานับว่าดีแล้ว

“เจี้ยนอวิ๋น เอาไปให้คุณพ่อกินสิคะ วันนี้คุณต้องร่วมดื่มกับคุณพ่อและพี่ชายของคุณให้เต็มที่นะคะ” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

จี้มู่ตานเม้มปาก อวิ๋นลี่ลี่ไม่เอ่ยอะไร หล่อนที่เป็นลูกสะใภ้จากเมืองหลวงไม่พอใจกับสถานะที่เป็นอยู่อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกไปได้มากนัก

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มก่อนเปิดฝาไหเหล้าและรินให้คุณพ่อจี้ก่อน จากนั้นก็ถามคุณแม่จี้ “แม่จะดื่มด้วยไหมครับ?”

“งั้นรินให้แม่สักหน่อย” คุณแม่จี้ตอบด้วยรอยยิ้ม

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงรินเหล้าให้แม่ของเขา ต่อด้วยรินให้พี่ชายน้องชายอีกสามคนจนเต็ม

ทันทีที่ทั้งครอบครัวมารวมตัวกัน พวกเขาก็พูดคุยพลางหัวเราะไปด้วยกลางโต๊ะอาหารเย็น

“ลูกชิ้นปลาทอดอร่อยมากเลย!” โหวหวาจือเอ่ย

“ใช่ อร่อยมาก!” สองพี่น้องเสี่ยวเจินเสี่ยวอวี้พยักหน้าเช่นกัน

ส่วนเหยียนเอ๋อร์ชี้ไปที่จานลูกชิ้นปลาทอดเป็นการขอให้แม่ของหล่อนคีบให้ หล่อนยังเล็กนักจึงพูดอะไรไม่ได้

ซูตานหงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “พวกหนูสามคนกินเยอะ ๆ นะจ๊ะ ถ้าพวกหนูชอบ แล้วคราวหน้าคุณอาทำอีก อาสะใภ้จะเอามาให้พวกหนูกินนะ”

“ครับ/ค่ะ” เด็กทั้งสามตอบอย่างมีความสุข

“น้องชายหนูจะกินได้ไหมคะ? คุณอาสะใภ้สามคีบให้เขากินหน่อยเถอะค่ะ เขาดูอยากกินมาก” เสี่ยวอวี้พูด

“น้องชายเรายังเล็กมาก กินไม่ได้หรอก เขายังต้องดื่มนมผงอยู่” เสี่ยวเจินบอก

“อืม ถ้าเขาโตขึ้นเขาก็กินได้น่ะจ้ะ ถึงตอนนั้นพวกหนูพาเขาไปเล่นด้วยนะ” ซูตานหงหัวเราะ

สองสาวพี่น้องตกลง

แม้เหรินเหรินน้อยจะยังกินไม่ได้ แต่ในคราวนี้เขาก็ได้มาร่วมวงอาหารเย็นคืนสิ้นปีในอ้อมกอดของพ่อเขา และยังมีคุณปู่คุณย่า คุณลุงคุณป้าคุณอา และพี่ชายพี่สาวมาร่วมกินอาหารด้วยกัน นับเป็นการรวมญาติกันอีกครั้งที่ครั้งก่อนหน้านั้นเขายังไม่เกิด

ไม่นานนักซูตานหงก็อิ่ม จากนั้นก็อุ้มลูกชายกลับไปและบอกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นร่วมวงดื่มกับพ่อและพี่ชายน้องชาย

คืนนี้เป็นคืนสิ้นปี เธอจึงไม่ได้ขอให้คุณพ่อจี้กลับไปบนภูเขาอีก วันพรุ่งนี้ถึงค่อยให้เขาขึ้นไปตรวจดู ช่วงนี้ที่เขาอยู่บ้านมาหลายวันก็ให้เขากินดื่มให้มากตามต้องการ ถ้าเขาเมาค้างขึ้นมา เธอจะทำซุปแก้เมาค้างส่งตามไปให้ทีหลัง

แม้ทุกคนจะมีความขัดแย้งกันเล็กน้อยก่อนมื้ออาหาร แต่เมื่อเห็นพ่อสามีและบรรดาสามีของพวกหล่อนมีความสุขแล้ว สีหน้าของเหล่าสะใภ้ก็ดูดีขึ้นมาก

………………………………………