บทที่ 90 ของรับขวัญ

แม่โจวเห็นเด็กสองคนแล้วก็รู้สึกเอ็นดูจากใจ

หยางชุ่ยฮวากลอกตาและเอ่ยขึ้น “นี่อาหญิงพวกเจ้า ขอของรับขวัญกับนางเร็ว!”

แม่เฒ่าโจวมองหยางชุ่ยฮวาอย่างไม่พอใจ ครั้งนี้ที่เหมยจื่อกลับมาก็เอาของมาเยอะแล้ว จะมีเงินให้ของรับขวัญอีกได้อย่างไร?

จางซิ่วเอ๋ออดนับถือตัวเองไม่ได้ที่ช่างคิดอะไรได้รอบคอบจริง ๆ ถ้าไม่เตรียมของอะไรมาเลย ถึงเวลาแบบนี้คงกระอักกระอ่วนแย่

“ไหลฝู ไหลเป่า อาหญิงพวกเจ้ากลับมาคราวหนึ่งไม่ง่ายนัก พวกเจ้าออกไปเล่นข้างนอกเถอะ อย่ารบกวนอาหญิงพวกเจ้าเลย!” แม่เฒ่าโจวแก้ต่างให้ด้วยรอยยิ้ม

ที่จริงไม่ใช่เรื่องรบกวนหรือไม่รบกวนหรอก นางทำไปเพราะไม่อยากให้เด็กสองคนขอของรับขวัญ

หยางชุ่ยฮวาได้ยินก็หน้าเสีย ท่าทางไม่พอใจเท่าใดนัก

แต่แม่โจวกลับหยิบจี้เงินออกมาสองเส้นและกล่าวยิ้ม ๆ “มานี่มา อาจะให้ของรับขวัญกับพวกเจ้า”

หยางชุ่ยฮวามองจี้เงินที่ร้อยไว้กับเชือกแดงอย่างไม่ละสายตา

เมื่อครู่นี้นางไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจริง ๆ แต่นางเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ ไม่ว่าจะได้หรือไม่ก็ต้องลองดู จึงให้เด็ก ๆ ไปลองขอ

ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันที่เด็ก ๆ จะได้เอ่ยถาม แม่โจวก็เอาของออกมาสองอย่าง

“เหมยจื่อ นี่ทำจากเงินใช่ไหม?” แม่เฒ่าโจวถามอย่างไม่แน่ใจ

หยางชุ่ยฮวาได้สติกลับมา คว้าจี้เงินบนคอไหลฝูมากัด

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกดูแคลนพฤติกรรมหยาบกร้านของหยางชุ่ยฮวาจากใจ

เวลานี้หยางชุ่ยฮวากลับยิ้มหน้าบาน “เงินแท้นี่! หนักเสียด้วย!”

ตอนนี้สายตาที่หยางชุ่ยฮวามองแม่โจวเป็นมิตรขึ้นไม่น้อย นางวางหมั่นโถวลงและเดินมาจับมือแม่โจวไว้ “น้องรอง เจ้ากลับบ้านตัวเองจะเอาของกลับมามากมายขนาดนี้ทำไมกัน?”

จางซิ่วเอ๋อหมดแรงจะบ่นแล้ว คนผู้นี้เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ! พูดเสียน่าฟังเชียว! ทำไมไม่คืนของกลับมาเลยล่ะ?

แม่โจวเลิกกองผ้าที่วางอยู่บนเตียงออกยิ้ม ๆ “ข้ากลับมาครั้งนี้ไม่ได้ซื้อของมาฝากแค่เด็ก ๆ หรอกนะ ผู้ใหญ่ก็ได้กันทุกคน”

หยางชุ่ยฮวาเพิ่งสังเกตว่าของบนเตียงเป็นผืนผ้า เมื่อครู่นางเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นเสื้อผ้าที่แม่ลูกเอามาใส่ตอนอยู่ยาวที่นี่ เพราะผืนผ้าพวกนี้ถูกผ้าหยาบชิ้นหนึ่งห่อไว้ นางจึงไม่คิดจะเปิดดู

ตาของนางไปอยู่กับเนื้อและหมั่นโถวหมด จะสังเกตพวกนี้ได้อย่างไร?

แม่โจวยกผ้ามาวางตรงหน้าทุกคนแล้วเอ่ย “กองนี้ให้พ่อแม่พี่ชายน้องชายไปตัดเสื้อ พอให้ทุกคนตัดกันคนละชุดเลยเจ้าค่ะ!”

“ส่วนผ้าลายดอกกองนี้ให้หนีจื่อและพี่สะใภ้เจ้าค่ะ” แม่โจวกล่าวต่อ

หยางชุ่ยฮวาร้องขึ้นอย่างแปลกใจ “ข้าก็มีเหรอ?”

หยางชุ่ยฮวาคิดไม่ถึงว่าแม่โจวเตรียมของให้นางเหมือนกัน

แม่โจวกล่าวยิ้ม ๆ “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ต้องได้ทุกคนสิ”

หยางชุ่ยฮวาขยับปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก

ขณะนั้นจางชุนเถาชี้ไข่ไก่และแม่ไก่ที่ตั้งอยู่ตรงมุมกำแพง “ส่วนนี่เอาไว้ให้บ้านเราบำรุงร่างกาย”

คนทั้งบ้านมองแม่ลูกสี่คนเอาของออกมาทีละอย่างด้วยอาการตกตะลึง

ครั้นเอาของออกมาได้เกือบหมดแล้ว จางซิ่วเอ๋อจึงหยิบถุงลูกอมออกจากอกเสื้อตัวเอง หันไปหาซานหยาแล้วบอก “ซานหยา เจ้าไปเล่นกับน้อง ๆ นะ แล้วเอาลูกอมถุงนี้ไปแบ่งกันกิน”

จากนั้นจางซิ่วเอ๋อหยิบเอาดอกไม้ผ้าออกมาอีกสองดอก “ดอกไม้ผ้านี่ไม่ได้ให้ทุกคนหรอกนะ ข้าเตรียมไว้ให้ป้าสะใภ้ใหญ่กับน้าเล็ก”

แม่เฒ่าโจวยิ้มออก “ของแบบนี้ในบ้านเราก็มีแต่พวกนางนี่แหละที่ใส่ออกไปข้างนอกได้ ต่อให้เจ้าให้พวกเรา พวกเราก็ไม่ได้ใส่หรอก!”

จริง ๆ จางซิ่วเอ๋อก็อยากให้แม่เฒ่าโจวสักดอก แต่ก็คิดไปว่าแม่เฒ่าโจวเป็นคนเรียบง่าย คงไม่ใช้ของฉูดฉาดแบบนี้หรอก จึงไม่ได้ยื่นให้

หยางชุ่ยฮวาตอนนี้หน้าตาเบิกบานเหลือแสน นางติดดอกไม้ผ้าสีม่วงอ่อนบนศีรษะพลางทำท่าทำทาง “ติดตรงนี้สวยไหม?”

พอเห็นรอยยิ้มตื่นเต้นของหยางชุ่ยฮวา จางซิ่วเอ๋อรู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า ถึงหยางชุ่ยฮวาจะน่ารังเกียจไปหน่อย แต่เป็นคนที่ดูออกง่ายมาก

และถ้าให้ผลประโยชน์แก่หยางชุ่ยฮวามากพอ คนผู้นี้ก็คบง่ายอยู่พอสมควร

แม่เฒ่าโจวหิ้วไข่ไก่และแม่ไก่ไปที่ห้องเก็บฟืน ปราดเดียวก็มองเห็นเนื้อหมูชิ้นโตบนโต๊ะ แล้วยังมีกระดูกหมูอีกครึ่งชั่ง

นางถึงกับอึ้ง! มีเนื้อมากมายขนาดนี้ บ้านนางต้องกินถึงเมื่อไรจึงจะหมด?

ขณะกำลังคิดอยู่นั้นก็เห็นหยางชุ่ยฮวาเข้ามา หั่นกระดูกออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อจะสับมาทำอาหาร

แม่เฒ่าโจวร้อนใจขึ้นมา “ชุ่ยฮวา กับข้าวมื้อเดียวจะกินกันมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”

หยางชุ่ยฮวาหันกลับมามองแม่เฒ่าโจว “ท่านแม่ น้องรองเอาของกลับมาเยอะขนาดนี้ จะไม่ให้นางได้กินอิ่มหน่อยเหรอ?”

แม่เฒ่าโจวเข้าใจทันที นั่นสินะ ของพวกนี้บุตรสาวเป็นคนเอากลับมา แถมนางก็ยังอยู่ที่บ้าน จะมัวงกอยู่ได้อย่างไรกัน?

นางมองหยางชุ่ยฮวาอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าหยางชุ่ยฮวาจะใจกว้างขึ้นมา

หารู้ไม่ว่าหยางชุ่ยฮวาจำคำที่จางชุนเถาพูดได้ ว่าเอาของพวกนี้กลับมากิน นางไม่ใช่คนไร้ยางอายเกินเยียวยา จึงคิดว่าจะทำกับข้าวมากหน่อย จะยอมให้นังเด็กนั่นดูถูกไม่ได้เด็ดขาด!

นอกจากนี้นางก็อยากกินเนื้อจริง ๆ ถ้าทำน้อยต้องมีคนอดกินแน่ ๆ ทำให้มากหน่อยทุกคนจะได้กินกันพอ

ขณะคนในบ้านทำกับข้าวกันวุ่นวาย อีกด้านหนึ่งหนีจื่อก็พาจางซิ่วเอ๋อและชุนเถาเข้าไปในห้องตัวเอง

ห้องของหนีจื่อตกแต่งง่าย ๆ มีเพียงเตียงไม้หลังหนึ่ง และของสัพเพเหระอีกนิดหน่อย

ปีนี้หนีจื่ออายุ 18 ปีแล้ว อายุขนาดนี้ถือเป็นสาวทึนทึกที่ไม่มีใครเอาแล้วในยุคโบราณ

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมหนีจื่อยังไม่แต่งงาน จางซิ่วเอ๋อก็เคยถามจางชุนเถาอยู่ แต่จางชุนเถากลับบอกว่าตนไม่รู้ ขณะที่แม่โจวก็กำชับไว้ตั้งแต่ก่อนมาที่นี่ว่าห้ามพูดเรื่องนี้กับหนีจื่อเด็ดขาด

จางซิ่วเอ๋อจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ ไม่ว่าอย่างไรการที่คนวัยนี้อย่างหนีจื่อยังไม่แต่งงานต้องเป็นเรื่องที่นางไม่อยากพูดถึง ซึ่งจางซิ่วเอ๋อไม่โง่เง่าพอที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาหรอก

บนเตียงของหนีจื่อมีตะกร้าเข็มด้ายอยู่ ด้านในมีเศษผ้านิดหน่อย บนนั้นปักลวดลายไว้อย่างพิถีพิถัน ดูท่าจะทำเป็นถุงหอมหรือถุงเงิน

ตัวจางซิ่วเอ๋อเองทำอะไรพวกนี้ไม่เป็น จึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นสุดขีด

เด็กสาวบ้านตระกูลจางนอกจากจางอวี่หมินแล้ว ไม่มีใครมีเวลามานั่งปักผ้าหรอก

บรรดาเด็กสาวจึงได้ทำงานอดิเรกกัน และคุยจ้อกแจ้กจอแจอยู่ในห้อง

ทุกคนกินข้าวเย็นกันที่ลานบ้าน เวลานี้เป็นช่วงฤดูร้อน ภายในห้องจึงร้อนอบอ้าวนิดหน่อย ถ้าฟ้ายังไม่มืดสนิท แต่ละบ้านก็จะชอบกินข้าวกันที่ลานบ้าน

………………………………………