เห็นขันทีน้อยตรงหน้า กำลังนั่งต่ำลงอยู่ข้างเท้าของเขา ทำให้เขารู้สึกว่าเธอตัวเล็กยิ่งขึ้น
ใบหน้าเล็กขนาดฝ่ามือนั้นประณีตยิ่งนัก หน้าผากขาวกว่าหิมะ ผิวขาวราวหิมะ เพียงเป่าดีดแตกสลาย สิ่งที่ดึงดูดที่สุดคือดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาคู่นั้น
แวววาวสดใส ราวกับบ่อน้ำสีคราม ระยิบระยับ งดงามจนคนมองไม่วางตา
อีกทั้งเมื่อมองดวงตางดงามตรงหน้านี้ ในใจเขาพรั่งพรู่ความรู้สึกที่แปลกประหลาดออกมา
ราวกับมีก้อนหินขนาดเล็กก้อนหนึ่งถูกโยนเข้าไปในหัวใจที่นิ่งสงบของเขา จนเกิดระลอกคลื่นขึ้น…
สำหรับความผิดปกติในใจนี้ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋แปลกใจ ทว่าเวลานี้เขาไม่อาจสนใจความรู้สึกนั้น เพราะกำลังจ้องมองบนใบหน้าเล็กประณีตงดงามด้านล่าง จากดวงตาคู่ที่งดงามนั้น เลื่อนลงไปสู่ริมฝีปากงดงามนั้นอย่างช้าๆ
ริมฝีปากแดงคู่นี้ เป็นคู่ที่เล็กและประณีตที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเห็นมา!
ริมฝีปากวาบวับอมชมพู เหมือนกับดอกท้อที่เพิ่งเบ่งบานในเดือนสาม งดงามน่ารักเช่นนี้ ทำให้คนที่เห็นอยากจะ…เข้าไปสัมผัสใกล้ชิด
ขณะคิดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาตนที่มองเล่อเหยาเหยานั้น ค่อยๆ มีประกายอันร้อนแรงประเภทหนึ่งขึ้น
ดวงตาเป็นประกาย ภายในปรากฏแสงปรารถนาอันลึกลับไม่หยุด เพียงมองคล้ายกับสัตว์ร้ายกำลังจ้องมองเหยื่อ หมายจะกระโจนเข้าไปทำมิดีมิร้ายเหยื่อตัวนั้น
เล่อเหยาเหยาไม่รู้ความคิดในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก่อนหน้านี้ตอนเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียน พี่สาวน้องสาวข้างกายล้วนเริ่มมีแฟนกันหมด แต่เธอกลับไม่มีแม้กระทั่งจับมือใกล้ชิดสนมกับผู้ชายเลย
แม้เธอจะไร้เดียงสา แต่กลับไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เข้าใจ
เพราะจากสายตาเป็นประกายของพญายมที่ร้อนแรงเช่นนี้ ส่วนใดที่ถูกเขามอง คล้ายกับเกิดประกายไฟ
ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาเริ่มว้าวุ่นใจขึ้นมา
เพราะตอนนี้เธอคล้ายรับรู้ว่าพญายมต้องการทำสิ่งใดกับเธอ
เขา…อยากจูบเธอ!?
หลังรับรู้เรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาตกใจจนตาเบิกกว้าง ภายในแววตาปรากฏความกังวลวาบขึ้น ก่อนร่างกายพลันถอยหลังไป
ทว่าเธอกลับลืมไปว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนพื้น!
เธอถอยหลังไป ร่างกายพลันสูญเสียการทรงตัว ก้นกระทบลงที่พื้นทันที
สำหรับท่าทางของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย ดวงตาพลันเป็นประกาย ก่อนเอ่ยปากว่า
“เจ้ากลัวข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?!”
แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดอย่างมั่นใจยิ่ง อีกทั้งคิ้วกระบี่ขมวดขึ้น เห็นชัดว่าไม่พอใจเล็กน้อย
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น จึงกระพริบตางดงามที่สับสนชั่วครู่ ริมฝีปากอ้าเล็กน้อยคล้ายต้องการเอ่ยบางอย่าง
แต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยออกมา รู้สึกว่าตรงหน้าพลันมืดมิด
เงาร่างดุจลูกศรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นอนอย่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กระโจนเขามาหาเธอ
ทว่าเขาไม่ได้กระโจนเข้าหาตัวเธอ แต่ใช้ฝ่ามือใหญ่ที่ไม่ได้บาดเจ็บค้ำพื้นไว้ หน้าอกแข็งแกร่งนั้นลอยอยู่เหนือตัวเธอ คล้ายถูกล้อมกดดันนด้วยตาข่ายขนาดใหญ่ ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมกอดเขา
สำหรับท่าทางอันรวดเร็วของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตกตะลึงอย่างที่สุด
เห็นเพียงดวงตางดงามเบิกกว้างเพราะตกใจ ปากสีแดงสดอ้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นฟันขาวน่ารักภายในปากของเธอ
สำหรับท่าทางตกตะลึงอ้าปากค้างของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋สุขใจอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาเย็นชาของเขาพลันโค้งขึ้นเล็กน้อย มุมปากโค้งขึ้น ก่อนรอยยิ้มกว้างเห็นฟันเลือนลางจะเปิดเผยออกมา
น้ำเสียงเย้ายวนสุขใจนั้น ดังขึ้นที่ข้างหูของเล่อเหยาเหยา
“กระต่ายน้อย เจ้ายังไม่ใส่ยาให้ข้าเลย!”
“เอ้อ”
สำหรับคำพูดตอนนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ บนหน้าผากของเล่อเหยาเหยาปรากฎเส้นสีดำที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นขึ้นมา
แม่มันเถอะ ตอนนี้ท่านทับเขาอู่นะ จะให้เขาใส่ยาให้ท่านได้เช่นไร!?
อีกทั้งตอนนี้ท่านหมายความว่าอันใด!?
เขาคงไม่คิดจะ…ทำอะไรเธอนะ!?
แต่เธอเป็นขันทีนะ…
เธอไม่อยากให้พญายมทำมิดีมิร้าย!
เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนอย่างตกใจในใจ บนใบหน้าก็แสดงท่าทางราวอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตาออกมาเช่นกัน
คิ้วดำขมวดแน่น เม้มริมฝีปากเล็ก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ขัดขืนว่า
“คือ ท่า…ท่านอ๋อง โปรดลุกขึ้นก่อนได้หรือไม่ขอรับ!? ท่าไม่ลุกขึ้น บ่าวจะทำแผลให้ท่านได้เช่นไร!?”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก อีกทั้งสงสัยว่าพญายมผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไม่
ปกติทำหน้าราวภูเขาน้ำหีบศพ พอมองต้องตกใจ แต่เวลานี้จากชายหนุ่มภูเขาน้ำแข็งเปลี่ยนเป็รหลาะแหละชั่วร้าย อีกทั้งยังหยอกล้อกับขันทีเช่นเธอ!
สวรรค์ เขาเสียสติไปแล้ว!
ขณะเล่อเหยาเหยาร้องตะโกนในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตรงหน้ากลับมองใบหน้าเรียวเล็กที่อมทุกข์ของเล่อเหยาเหยานั้น ด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำ
เพราะไม่รู้เหตุใด เขาจึงชื่นชอบมองท่าทางน่าสงสารของขันทีน้อยที่ถูกตนข่มเหงเช่นนี้ยิ่งนัก
‘เขา’ ยิ่งทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาอยากรังแก ‘เขา’
สวรรค์! เขาเสียสติไปแล้วหรือ!?
สำหรับความคิดแปลกประหลาดนี้ กระทั่งเหลิ่งจวิ้นอวี๋ล้วนคิดว่าไม่น่าเชื่อเช่นกัน ทว่าเมื่อมองใบหน้าเล็กดุจกระต่ายน้อยที่ลนลานสับสนของขันทีน้อยด้านล่างนั้น กลับทำให้เขาไม่อยากทิ้งความคิดที่จะรังแก ‘เขา’ ไป
ขณะคิดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ก่อนจะส่งมือใหญ่ที่บาดเจ็บของตนนั้นไปตรงหน้าเล่อเหยาเหยา ทำให้เล่อเหยาเหยาเห็นรอยบวมแดงด้านบนชัดยิ่งขึ้น แล้วจึงเอ่ยว่า
“ใส่ยาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
“เอ้อ”
เมื่อเห็นใบหน้าแน่วแน่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยารู้ว่าหากเธอไม่ทำตามคำสั่งของเขา ก็ไม่รู้ว่าท่านอ๋องผู้นี้จะทำเรื่องน่าแตกตื่นอันใดออกมาอีก
แม้ในใจจะคล้ายไม่ยินยอม แต่ผู้ใดใช้ให้เธอเวลานนี้เป็นคนที่อาศัยบ้านผู้อื่นอยู่ จึงจำต้องก้มหัว
หากไม่ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องผู้นี้ ศีรษะเล็กๆ ของเธอคง…
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดเม้มริมฝีปากงามพริ้งอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนพลันทำตามคำสั่งของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ยื่นมือหยิบขี้ผึ้งบนโต๊ะน้ำชา ร่างกายส่วนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างค้ำยันอยู่บนพื้น ภาพนี้ดูเช่นไรก็อึดอัดยิ่งนัก
แต่เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ
หลังเล่อเหยาเหยาทาขี้ผึ้งบนมือใหญ่เหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างยากลำบาก หยิบกรรไกรและผ้าพันแผลออกมา เริ่มพันแผลให้เขา
ทว่าเพราะเป็นครั้งแรกที่พันแผลให้คนอื่น อีกทั้งยังอยู่ในท่าที่อึดอัดเช่นนี้ การพันแผลที่บาดเจ็บของเล่อเหยาเหยาดูแล้วช่างน่าอนาถยิ่งนัก กระทั่งตัวเธอยังมองอย่างละลายใจ
ในใจสับสัยไม่หยุด เพราะเหตุใดตอนเช้ามองดูท่านหมอพันแผลให้พญายมอยู่นาน ทั้งยังพันได้น่าดูขนาดนั้น แต่ดูเธอสิ!
พันแผลราวกับขนมจ้าง (บ๊ะจ่าง)! หรือเรื่องพวกนี้จะต้องต้องปฏิบัติบ่อยจึงจะชำนาญ!?
ทว่า แม้เล่อเหยาเหยาจะเห็นว่าตนพันแผลให้พญายมได้น่าเกลียดอย่างมาก แต่เธอกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น บนใบหน้ายังเผยท่าทางอิ่มอกอิ่มใจ และภูมิใจอย่างยิ่งออกมา
ฮึๆ ผู้ใดให้เขามีท่าทางประหลาดชั่วช้าเช่นนี้! เธอพันแผลเช่นนี้ เขาคงไม่ชอบมากเป็นแน่!
“เรียบร้อยแล้วขอรับท่านอ๋อง บ่าวพันแผลให้เสร็จแล้ว ตอนนี้ท่านอ๋องลุกขึ้นได้หรือยังขอรับ!?”
ดวงตางดงามกระพริบอย่างไร้เดียงสา ก่อนเล่อเหยาเหยาจะเอ่ยกับคนด้านบน
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อเห็นใบหน้าเรียวเล็กนั้นดูภูมิอกภูมิใจ ท่าทางนั้น ราวกับจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งที่เพิ่งแอบกินไก่ของชาวนา ช่างเจ้าเล่ห์น่ารักอันใดเช่นนี้
ทว่าเมื่อหันมองมือใหญ่ของตนที่ถูกพันแผลอย่างน่าเกลียดอย่างยิ่งนั้น อดยิ้มมุมปากเล็กน้อยไม่ได้
เขารู้ว่าเล่อเหยาเหยาตั้งใจ แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงกระตุกมุมปากเบาๆ ครู่หนึ่ง ผ่านไปนานจึงเอ่ยสองคำออกมาเบาๆ
“ดียิ่ง”
“เอ้อ”
ครั้งนี้กลับเป็นเล่อเหยาเหยาที่ต้องกระตุกมุมปาก พลางแอบคิดในใจว่า
ไม่เสียทีที่เป็นพญายม สายตานั้นช่างแข็งแกร่งเสียจริง!
ทว่า…
“เช่นนั้นท่านอ๋อง ลุกได้หรือยังขอรับ!”
หน้าตัวเมีย หากถูกคนเห็นท่าทางเช่นนี้ของพวกเขา เขาไม่คิดบิดเบือนถึงจะแปลก! ต่อไปเธอไม่มีหน้าเจอผู้ใดแล้ว!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดพัวพันในใจ กระพริบดวงตางดงาม พลางอยากให้พญายมนี้ชักกะตุกกลับไปเป็นคนที่เย็นยะเยือกดั่งเช่นเมื่อก่อน
เพราะท่าทางของเขาเวลานี้ ทำให้เธอยากที่จะรับมือได้จริงๆ!
ขณะเล่อเหยาเหยาหดหู่ในใจ เดิมทีคิดว่าเมื่อเธอพูดออกอย่างตรงไปตรงมา และช่วยเขาพันแผลเรียบร้อย ตามหลักแล้วเขาต้องลุกขึ้นมา
กลับกลายเป็นว่าหลังพญายมได้ยินคำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย และดวงตาเย็นชาเป็นประกาย ก่อนจ้องมองบนใบหน้าเล็กของเธอ แล้วเอ่ยถามว่า
“หากข้าไม่ยอมลุกขึ้นล่ะ!?”
“เอ้อ”
สำหรับคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยาถูกทำให้ตกตะลึงอีกครั้ง และในใจอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา
เขาพูดเช่นนี้ เธอจะทำอันใดได้!?
ทว่า เมื่อเขาไม่ลุกขึ้น ได้! งั้นเธอจะลุกเอง!
แม้จะค่อยๆ มุดตัวจากช่องว่างของการกักขังของเขาออกมาได้ เฮอเฮอ คล้ายกับว่าจะยากไม่น้อย แต่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการเอนตัวนอนบนพื้นตลอด แล้วถูกคนเห็นจนเข้าใจผิดเลยเถิดไปไกลเช่นนี้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยกัดฟันแน่น ก่อนตัดสินใจมุดลอดออกไป
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ความคิดในในทั้งหมดของเธอที่จริงได้เปิดเผยออกมาบนใบหน้าเล็กที่ประณีตน่ารักนั้นหมดแล้ว
เมื่อล่วงรู้ความคิดนี้ของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เห้นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเล่อเหยาเหยา พลันยื่นมือใหญ่ที่ถูกพันไว้ราวขนมจ้าง (บ๊ะจ่าง) นั้น ก่อนใช้นิ้วที่ไม่ได้พันแผลเพียงไม่กี่นิ้วนั้น จับเบาๆ ที่คางกำลังก้มต่ำของเล่อเหยาเหยาขึ้นมา
ก่อนน้ำเสียงเย้ายวนมีเสน่ห์จะพลันดังขึ้น
“อย่าขยับ”
“เอ้อ”
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาพลันไม่กล้าขยับ
อีกทั้งแผ่นหลังยืดตรงอย่างยิ่ง ทั่วร่างกายแข็งทื่อ
ใจพลันเต้นระรัวอย่างรุนแรง ก่อนจะร้องตะโกนในใจไม่หยุด
สวรรค์! สายตาที่น่าหวาดกลัวนั้นของพญายมมาอีกแล้ว!
ร้อนแรงอย่างนั้น เหมือนสัตว์ร้ายที่หิวโหยตัวหนึ่งที่อยากกลืนกินเธอเข้าไปในท้องอย่างไรอย่างนั้น
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหนังศีรษะชาวาบไปชั่วขณะ
สวรรค์! พญายมคืนนี้ช่างผิดปกติเกินไปจริงๆ
…………………………………………………………………………………