บทที่ 75 เจ้าสารเลวสองคน

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

จิตคิดกายขยับตาม สยงเทียนคุนพลันลงมือกับจินเฟยเหยา โยนแหขนาดใหญ่สีเงินออกไปคลุมร่างนาง

ม่านตาของจินเฟยเหยาหดลงอย่างฉับพลัน ใช้ขาเดียวยืนหยัดถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ในเวลาชั่วประกายไฟ สองมือปรากฏแสงสีฟ้าใช้หมัดต่อยใส่แหที่ลอยมา หมัดน้ำแข็งนรกคู่หนึ่งแหวกอากาศมาปะทะเข้ากับแหสีเงิน แหสีเงินไม่ขาดกลับถูกหมัดทั้งสองต่อยอย่างรุนแรงจนลอยออกไปหกเจ็ดจั้งจึงร่วงลงพื้น

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” จินเฟยเหยาเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต จึงไม่ไห้ไฟนรกเผาตาข่ายสีเงิน แค่มองเขาอย่างเจ็บปวด

สยงเทียนคุนโจมตีล้มเหลว ความลังเลที่หลงเหลืออยู่ในใจก็หายไป ตัดสินใจแน่วแน่ ต่อให้ต้องทุบตีจินเฟยเหยาจนพิการต้องดูแลนางไปชั่วชีวิตก็ต้องพานางไปให้ได้

เขาคายกระบี่เวทออกมาจากปาก ถือไว้ในมือเอ่ยอย่างแน่วแน่ผิดปกติ “เฟยเหยา เจ้าอย่าโทษข้าเลย ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ วันนี้ข้าต้องพาเจ้าไปให้ได้”

จินเฟยเหยาหรี่ตามองบุรุษที่งดงามเบื้องหน้าผู้นี้ ในใจเกิดความเดือดดาล นางค้อมเอวสองมือกดต้นขา เงยหน้ามองสยงเทียนคุนตอบรับอย่างเย็นชาประโยคหนึ่ง “หากมีความสามารถ เจ้าก็ลองดู”

สิ้นเสียง ไฟนรกก็ลุกพรึบ ตลอดร่างของจินเฟยเหยากลายเป็นไฟนรก เปลี่ยนเป็นไฟนรกรูปร่างมนุษย์ นางยืนตรงยื่นมือออกมาดูแต่ละนิ้วก็กลายเป็นนิ้วไฟนรกด้วย จากนั้นกำแน่นเป็นหมัด ท่ามกลางไฟนรกสีฟ้าที่เผาไหม้อย่างรุนแรง ประทับใบหน้าของจินเฟยเหยาออกมา ในดวงตาที่สร้างจากไฟนรกมองอารมณ์ในยามนี้ของนางไม่ออก

นี่คือเวทนรกดำจำแลงใน ‘เคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญ’ ที่สามารถเรียนได้หลังขั้นสร้างฐาน เป็นเวทที่นางรีบจดจำไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้พอดีใช้ออกมา อีกทั้งถ้าสังเกตจะพบว่าในไฟนรกสีฟ้าจะมีสีดำวาบผ่านหลังสร้างฐาน แม้แต่ไฟนรกก็เลื่อนขั้นตามไปด้วย

เผชิญหน้ากับจินเฟยเหยาที่กลายเป็นมนุษย์เพลิงสีฟ้า สยงเทียนคุนรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง หลังจากนางกลายเป็นมนุษย์เพลิง เขาก็รู้สึกได้รางๆ ว่าจินเฟยเหยาที่ด้านตรงข้ามมีความอันตรายแบบสัตว์ปิศาจขั้นสูง

คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะทำได้ถึงขั้นนี้ สยงเทียนคุนล้มเลิกความคิดจะพานางไปอย่างสบายๆ เขาวางกระบี่ดอกจวี๋สังหารไว้เบื้องหน้าร่ายคาถาราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจ ในขณะนี้เองจินเฟยเหยาก็เคลื่อนไหวลากเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่สยงเทียนคุนอย่างรวดเร็ว

จินเฟยเหยาเป็นเช่นนี้เสมอชอบลงมือตอนผู้อื่นร่ายเวทเตรียมพร้อม แบบนั้นจะสามารถทำให้อีกฝ่ายแตกตื่นลนลานรับมือไม่ทัน อีกทั้งไม่ได้โง่เขลาใครจะรอให้เจ้าร่ายเวทจบเตรียมตัวพร้อมค่อยลงมือ ไม่ใช่เป้าทดลองเวทมนตร์นี่นา

สยงเทียนคุนเองก็รวดเร็ว เห็นจินเฟยเหยาพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน เขาก็รีบท่องคาถาอย่างว่องไว ส่วนจินเฟยเหยาตอนพุ่งมาได้ครึ่งทาง พลันหยุดลงวาดหมัดขวา ไฟนรกหยาบใหญ่พุ่งเข้าหาสยงเทียนคุน สถานที่ที่ไฟนรกวิ่งผ่าน บนพื้นมีเสียงผลึกน้ำแข็งดังขึ้น ดอกไม้ป่าและหญ้าสีเขียวถูกผนึกเป็นน้ำแข็งนรกทีละก้อน

“หมื่นดอกจวี๋อานุภาพสวรรค์” สยงเทียนคุนตวาดเสียงดัง กระบี่ดอกจวี๋สังหารในมือเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ปราณกระบี่รูปดอกจวี๋ฮวากึ่งโปร่งใสขนาดแปดจั้งผุดขึ้นมาจากใต้เท้าของเขา กลีบดอกจวี๋ร่ายรำ พุ่งมาด้านหน้าของสยงเทียนคุนอย่างบ้าคลั่ง สกัดไฟนรกที่บินมาได้พอดี

“ตูม”

ผลึกน้ำแข็งแตกกระจายปลิวว่อน ปราณกระบี่สีเหลืองฟาดฟันทุกสิ่งรอบด้านอย่างคลุ้มคลั่ง ปราณแห่งฟ้าดินถูกการปะทะกันของพลังสองสายทำให้เกิดลมพายุคลั่ง ภายในพื้นที่สิบหลี่ พื้นดินหากไม่ถูกไฟนรกแช่เป็นผลึกน้ำแข็งก็ถูกปราณกระบี่ฟาดฟันจนเละเทะ

สยงเทียนคุนถือกระบี่ดอกจวี๋สังหารด้วยมือเดียว ผ่าเปิดหมอกควันด้านหน้าก็เห็นจินเฟยเหยาพุ่งมาถึงเบื้องหน้า ร้องคำรามชูกำปั้นพร้อมต่อยหมัดมา สยงเทียนคุนใช้กระบี่ดอกจวี๋สังหารต้านทานไว้ น้ำแข็งนรกสีฟ้าก็แช่แข็งกระบี่ดอกจวี๋สังหารทั้งยังลามมาถึงส่วนแขนของเขา เขาเห็นสภาพเช่นนี้ ในมือซ้ายก็ปลดปล่อยแสงสีขาว แสงสีขาวพันรอบแขนของเขาแล้วพุ่งไปหาจินเฟยเหยา

จินเฟยเหยาชักมือกลับได้ทันเวลา เหยียบอย่างหนักหน่วงแล้วกระโดดถอยหลังไป แสงสีขาวสายนั้นพุ่งออกมา กลายเป็นเงาสีขาวสูงเท่าคนสามคน เงาร่างค่อยๆ ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีสวมชุดกระโปรงลอยอยู่กลางอากาศ

พอมองดูหน้าตาของสตรีผู้นี้อย่างละเอียด จินเฟยเหยาอดรู้สึกกระดากไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าโฉมหน้าของสตรีผู้นี้จะเหมือนกับตนเองอย่างยิ่ง เพียงเพราะสร้างขึ้นจากแสงสีขาว ดังนั้นจึงยิ่งดูเหมือนรูปปั้น ทว่าท่าทางราวกับมีชีวิตทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

สตรีผู้นี้ออกมาจากหยกประดับชิ้นหนึ่งบนแขนของสยงเทียนคุน บนหยกประดับชิ้นเล็กๆ สลักรูปสตรีกำลังร่ายรำ มีเชือกสีแดงอันงดงามร้อยอยู่บนหยกประดับ ยามนี้กำลังแขวนอยู่บนนิ้วมือของเขาปล่อยปราณวิญญาณอันเข้มข้นออกมา

“นี่เป็นหยกที่ข้าสลักเองกับมือ คือท่าทางของเจ้าในความทรงจำข้า” ในความเงียบงัน มีเสียงอันเศร้าสร้อยของสยงเทียนคุนดังมา

“เจ้าดื้อรั้นเกินไป” จินเฟยเหยาถอนหายใจเบาๆ

สยงเทียนคุนสั่นกระบี่ดอกจวี๋สังหารอย่างสุดแรง น้ำแข็งนรกด้านบนค่อยๆ หลุดร่วง เขาจึงพบว่ากระบี่ดอกจวี๋สังหารถูกไฟนรกของจินเฟยเหยาเผาเสียหาย

“ไม่ได้พบกันหลายปี เคล็ดวิชาในตัวเจ้ายิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น แต่ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้ข้าจะพ่ายแพ้ในเงื้อมมือเจ้า เจ้าต้องเชื่อใจข้า ข้าจะพาเจ้าไปให้ได้” ความเสียหายของกระบี่ดอกจวี๋สังหารในวันนี้ต้องวางหล่อเลี้ยงในห้วงการรับรู้หลายปีจึงสามารถซ่อมแซมให้หายดี แต่ถ้าสามารถพาจินเฟยเหยาไปได้สยงเทียนคุนคิดว่าคุ้มค่ายิ่ง

จินเฟยเหยาถอนใจยาว นางไม่ได้ใช้ฟองแสงนรก เพราะรู้ว่าไฟนรกเผด็จการเกินไป ต่อให้อีกฝ่ายคือสยงเทียนคุน นางก็ไม่มั่นใจว่าตนเองจะควบคุมไฟนรกให้เผาแต่ของวิเศษแต่ไม่เผาทำร้ายคนได้ เวทนรกดำจำแลงในยามนี้สามารถควบคุมไฟนรกไว้ภายในผลึกได้ พลั้งมือสังหารคนได้ยากกว่า แต่ถ้าสยงเทียนคุนยังยึดมั่นผิดๆ อย่างไม่ยอมได้สติ นางก็ได้แต่ลองเสี่ยงดู

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน ลงมือเถอะ”

จินเฟยเหยาตอบรับอย่างเย็นชา พุ่งเข้ามาอีกครั้งไฟนรกสองสายพุ่งเข้าใส่สยงเทียนคุน ส่วนแสงสีขาวรูปสตรีด้านหน้าสยงเทียนคุนก็ส่งเสียงเบาๆ แล้วสะอึกเข้าหา ด้านหลังคือปราณกระบี่รูปดอกจวี๋ฮวาทั่วท้องนภา

ไฟนรกบดขยี้ลงบนแสงสีขาวรูปสตรี ไม่ได้ยินเสียงเลยสักนิดราวกับโคดินเหนียวจมลงสู่ทะเล[1] ทว่าปราณกระบี่รูปดอกจวี๋ฮวารวมกลุ่มเข้าโจมตี จินเฟยเหยาถูกบีบให้ถอยหลัง พอวาดมือไฟนรกก็พุ่งออกมากลายร่างเป็นฟองแสงขนาดใหญ่ปกคลุมแสงสีขาวรูปสตรีไว้ภายใน

“เผา” นางสั่งให้ไฟนรกอันรุนแรงกลืนกินแสงสีขาวรูปสตรี เผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ปราณกระบี่ของสยงเทียนคุนก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้า ดอกจวี๋ฮวาทั้งดอกพลันกระจายออกกลายเป็นปราณกระบี่ดอกไม้นับหมื่นทำให้คนจนมุม

จินเฟยเหยาคำรามลั่น ไม่ถอยหลังทว่ากลับพุ่งเข้ามา ปล่อยให้ปราณกระบี่ฟาดฟันบนร่างของตนเอง พุ่งไปหาสยงเทียนคุน ไม่ใช้หมัดน้ำแข็งและไม่ใช้ไฟนรกต่อ นางเสี่ยงตายพุ่งมาถึงเบื้องหน้าสยงเทียนคุน พริบตานางก็ลดไฟนรกบนร่างทั้งหมด ปรากฏให้เห็นร่างเดิมแล้วกำหมัดต่อยออกไป

หมัดทะลวงผ่านปราณกระบี่พกพาคราบโลหิตจำนวนมากต่อยใส่ร่างของสยงเทียนคุนอย่างหนักหน่วง หมัดของจินเฟยเหยากระแทกเข้าใส่ร่างของเขาดุจห่าฝนอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ทั้งสองต่อสู้ในระยะประชิดตัวเช่นนี้ ปราณกระบี่ของสยงเทียนคุนฟันใส่ร่างจินเฟยเหยา หมัดของจินเฟยเหยาก็ชกลงบนร่างของเขาอย่างไม่ออมมือ จนกระทั่งสยงเทียนคุนรู้สึกว่าขาขวาเจ็บปวดจับใจ ส่วนบนศีรษะหลังจากถูกจินเฟยเหยาเก็บหมัดกลับแล้วใช้ข้อศอกถองหนักๆ เขาก็สลบไปเช่นนี้

เขาสลบไปไม่นาน อาจจะแค่ชั่วเวลาจิบชาถ้วยหนึ่ง ทว่าปราณกระบี่หายไปแล้ว แสงสีขาวรูปสตรีก็กลับไปอยู่ในหยกประดับ สยงเทียนคุนฟื้นขึ้นมา นอนอยู่บนพื้นมองเมฆขาวแต่ละก้อนบนท้องนภาของดินแดนลึกลับ เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “หมัดของเจ้าร้ายกาจเช่นนี้ ไม่ยอมไปกับข้าจริงๆ หรือ?”

จินเฟยเหยามีคราบโลหิตทั่วร่าง ยืนกุมท้องของตนเองอยู่ไม่ไกลนัก นางล้วงผ้าเช็ดหน้าไหมออกมาแล้วโยนไปบนร่างสยงเทียนคุน “เจ้าเช็ดเอาเองเถอะ ข้าไปก่อนล่ะ”

“เจ้า…เจ้ายังเก็บมันไว้” สยงเทียนคุนมองผ้าเช็ดหน้าไหมที่ถูกโยนมาข้างกาย พอดีเป็นผ้าเช็ดหน้าไหมซึ่งเป็นอาวุธป้องกันที่ตนแองมอบให้จินเฟยเหยาในตอนนั้น ในใจเขาพลันอบอุ่นอดเอ่ยออกมาไม่ได้ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ายังจำข้าได้ กระบี่ขาวเล่มนั้นเจ้ายังเก็บไว้กับตัวสินะ”

จินเฟยเหยากุมท้องเตรียมจากไป ถึงแม้ทั่วร่างนางจะเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่าไม่ร้ายแรงอะไร เพียงแต่ถูกฟันบนท้องหนึ่งกระบี่ค่อนข้างสาหัส อยากจะหาสถานที่แห่งหนึ่งรักษาบาดแผล ได้ยินคำพูดของสยงเทียนคุน นางจึงหยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยอย่างรู้สึกเสียใจ “กระบี่ขาวเล่มนั้น ข้าขายทิ้งไปนานแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…” สยงเทียนคุนพลันหัวเราะเสียงดัง ไม่รู้ว่าหัวเราะที่ตนเองโง่งมหรือหัวเราะที่ตนเองไร้เดียงสากันแน่

จินเฟยเหยาส่ายศีรษะ ลากสังขารที่บาดเจ็บทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง “ไม่ว่าเจ้าจะเห็นข้าเป็นอะไร ข้าก็ถือว่าเจ้าเป็นสหายสนิทมาตลอด หวังว่าตอนพบกันครั้งต่อไปเจ้าจะมีเหตุผลหน่อย”

สยงเทียนคุนไม่ได้เอ่ยตอบเพียงแค่มองท้องฟ้าอย่างเงียบงัน ปล่อยให้จินเฟยเหยาจากไป ทว่าหลังจากที่จินเฟยเหยาจากไปไกลแล้ว พลันหมุนตัวกลับมาตะโกนเสียงดังใส่เขา “สยงเทียนคุน เจ้าโง่ ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ ตอนนั้นข้าเคยพูดไว้ว่าเจ้าต้องแข็งแกร่งจึงสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ พลังการบำเพ็ญเพียรของเจ้าในตอนนี้ยังห่างชั้นก็กล้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้า”

สยงเทียนคุนที่อารมณ์สงบลงแล้วถูกนางคำรามใส่เช่นนี้ ก็มีโทสะจนลุกขึ้นนั่ง ไม่สนใจว่ากระดูกทั่วร่างของตนเองจะถูกนางชกหักมากมายเพียงใด ด่าทอนางทันที “จินเฟยเหยา เจ้าสารเลว”

“ฮ่าๆ เจ้าสิสารเลว”

เห็นจินเฟยเหยาแย้มยิ้มจากไป สยงเทียนคุนก็วางศีรษะลงบนพื้นหญ้าเอ่ยปากพึมพำกับตนเอง “ข้าไม่น่ายั้งมือเลย ต่อให้พิการข้าก็สามารถดูแลนางได้ชั่วชีวิตมิใช่หรือ” จินเฟยเหยากุมท้องอยู่ในที่ห่างไกล ด่าทออย่างสาดเสียเทเสียมาตลอดทาง ด่าแล้วด่าอีก นางเข้าใจ ก่อนที่สยงเทียนคุนจะหมดสติไปกระบี่ดอกจวี๋สังหารเล่มนั้นปักอยู่บนท้องของนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนใดในพวกนางสองคนล้วนสามารถลงมือสังหารอีกฝ่ายได้ ทว่ากลับยั้งมือไว้ไมตรีต่ออีกฝ่าย

สำหรับตนเองเป็นเพราะเขาเป็นสหาย ดังนั้นจึงไม่ยอมสังหารสหายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดคนนี้ให้ตาย จินเฟยเหยามองโลหิตสดในมืออดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน สู้กันทำไม ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าไม่ได้ประโยชน์ ยังทำให้ตนเองบาดเจ็บทั่วร่างอีก เฮ้อ ตนเองใจอ่อนเกินไป ดูเหมือนไม่เหมาะจะอยู่ในโลกที่อันตรายเช่นนี้

บุรุษเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ ความคิดเปลี่ยนแปลงรวดเร็วยิ่ง ยุ่งยากจริงๆ นางทอดถอนใจเดินเข้าไปในป่าด้านหน้าทีละก้าว


[1] โคดินเหนียวจมลงสู่ทะเล หมายถึง หายไปโดยไม่มีหวังจะได้กลับมาอีก