ไม่นาน พระราชโองการอีกฉบับก็มาถึงจวนเสนาบดี เนื้อหาภายในพระราชโองการได้ระบุว่าคุณหนูสามจะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาหานในไม่ช้า เกรงว่าเมื่อครั้งก่อนยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจวนเสนาบดีมากนัก ฉะนั้นจึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาเรียนในสำนักศึกษาต่อ หวังให้กลายเป็นพระชายาหานที่มีความรู้และได้รับการอบรมอย่างดี คุณหนูห้ากู้ชูหลานได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาวังหลวงในฐานะสหาย

ภายใต้พระราชโองการ จวนเสนาบดีได้เกิดหายนะขึ้นอีกครา

สีหน้าของฮูหยินใหญ่ดูแย่ลง บุตรีของนางกู้ชูอวิ๋นถูกคัดเลือกเข้าสู่สำนักศึกษา นางภาคภูมิใจมาโดยตลอด บัดนี้จวนเสนาบดีได้ส่งคุณหนูทั้งสองคนเข้าไป เช่นนั้นการมีตัวตนของบุตรีนางจะไม่ตกต่ำยิ่งกว่าเดิมหรือ

อู่อี๋เหนียงและกู้ชูหลาน เบิกบานใจเป็นบ้าเป็นหลัง อู่อี๋เหนียงเชื่อยิ่งว่า การยืนข้างฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ในจวนของซานอี๋เหนียง คุณหนูเจ็ดกู้ชูฉิงได้กวาดสิ่งของตกลงพื้นจนเกิดเสียงดังตึงตัง ปากก็ก่นด่าไม่หยุดหย่อน

“กู้ชูอวิ๋นมีความสามารถโดดเด่น ได้ถูกส่งตัวให้เข้าไปยังสำนักศึกษา ฝ่าบาทต้องการสร้างความอัปยศแก่หานอ๋อง ส่งกู้ชูหน่วนนังแพศยาผู้นั้นเข้าไปสร้างความอับอายถึงในสำนักศึกษาวังหลวง ข้ารับได้ แต่กู้ชูหลาน มีสิทธิ์อะไรได้เข้าสู่สำนักศึกษา? นางเป็นเพียงบุตรของนางสนมผู้หนึ่ง และยังเป็นบุตรนางสนมที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปด้วย”

“จวนเสนาบดีมีคุณหนูสี่คน บัดนี้พี่รอง พี่สาม น้องห้าล้วนไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ข้าผู้เดียวที่ไม่ได้ไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? ท่านแม่ ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ”

ซานอี๋เหนียงเผยสีหน้าโหดร้าย

ไม่เพียงแค่นางไม่ยอม ตนก็ไม่ยอมด้วย

เพราะอู่อี๋เหนียงมีหน้าตาคล้ายกับคู่หมั้นคู่หมายวัยเยาว์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วของนายท่าน ดังนั้นจึงได้รับการโปรดปรานจากนายท่าน หลายปีมานี้ก็มักจะข่มเหงพวกนางมาตลอด

บัดนี้กู้ชูหลานถูกคนช่วงชิงความบริสุทธิ์ไปแล้ว ยังกล้าเหยียดยามพวกนาง

นางดื้อรั้นเองไม่ใช่หรือ นางจะเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ ดูสิว่าพวกนางจะดื้อรั้นได้ถึงเมื่อไร

ซานอี๋เหนียงตำหนิ “ยิ่งปีนป่ายสูงเพียงใด การตกลงมาก็ยิ่งอนาถถึงเพียงนั้น กังวลอะไรกัน”

ในเรือนอันอบอุ่น

ชิวเอ๋อกระชากกู้ชูหน่วนลงจากเตียงด้วยความรีบร้อน

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลุกจากเตียงได้แล้ว เช้านี้มีพระราชโองการถูกส่งมาหนึ่งฉบับ รับสั่งให้คุณหนูเข้าเรียนในสำนักศึกษาวังหลวง นี่คือรางวัลใหญ่ที่ฟ้าประทานให้เชียวนะเจ้าคะ มีคนเบียดเสียดจนหัวร้างข้างแตกตั้งเท่าไรก็ยังเข้าไปไม่ได้”

กู้ชูหน่วนกลอกตาไปมา และนอนต่อ

อดหลับอดนอนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งสามปี เรียนในระดับมหาวิทยาลัยอีกสี่ปี นี่ยังจะให้นางเรียนต่อ ให้ฟ้าผ่านางตายเสียเถอะ

อีกอย่าง รางวัลอะไรกัน ไม่ต่างกับอัปยศเสียด้วยซ้ำ

“คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดยังเอนกายนอนอีกละ จะไม่ทันการณ์แล้วนะเจ้าคะ วันแรกของการเข้าเรียนก็สายแล้ว อาจจะทำให้เหล่าท่านอาจารย์มีความประทับใจแรกไม่ดี สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือเจ๋ออ๋องก็เข้าเรียนในสำนักศึกษาวังหลวงด้วย หากพวกท่านสองคนอยู่ด้วยกันทั้งวัน อาจจะทำให้เจ๋ออ๋องหันกลับมาสนใจ และร้องขอให้ฝ่าบาททรงถอนหมั้นพับเก็บพระราชโองการก็ได้นะเจ้าคะ”

กู้ชูหน่วนหมดคำกล่าว

ถอนหมั้นวางพระราชโองการ พระราชสมรสก็ส่งไปแล้ว เจ๋ออ๋องกล่าวจะวางก็วางได้เลยเช่นนั้นหรือ?

กู้ชูหน่วนเปลี่ยนอิริยาบถ และนอนต่อ

แต่ชิวเอ๋อก็ยังออกแรงกระชากตัวนาง กระชากเสียจนนางไม่อาจนอนเกียจคร้านต่อโดยปริยาย

“ข้าบอกว่า ให้ข้านอนต่ออีกสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าง่วงมาก”

ชิวเอ๋อกล่าวอย่างเด็ดขาด ไม่สนว่านางจะโกรธหรือไม่ นางกล่าวออกไปว่า “ไม่ได้เจ้าค่ะ ฮ่องเต่ทรงให้คุณหนูห้าเข้าเรียนในสำนักศึกษาวังหลวงในฐานะสหายของคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูห้าชมชอบเจ๋ออ๋องมาตลอด นางต้องยอมทำทุกวิถีทางเป็นแน่ เอาใจเจ๋ออ๋อง เราจะยอมให้คุณหนูห้าแย่งชิงไปไม่ได้เจ้าค่ะ”

กู้ชูหน่วนปวดกะโหลกร้าวรานมาก

เจ๋ออ๋องอีกแล้ว เจ๋ออ๋องอะไรนั้นมีอะไรดีนักหนา ไม่รู้ว่าเหตุใดชิวเอ๋อถึงได้คลั่งไคล้ถึงเพียงนั้น

กู้ชูหน่วน ปล่อยให้ชิวเอ๋อแต่งองค์ทรงเครื่องให้นาง ส่วนตนก็หยิบหมั่นโถวหนึ่งลูกขึ้นมากัดระบายอารมณ์

“คุณหนู เรียบร้อยเจ้าค่ะ”

กู้ชูหน่วนมองตนเองบนกระจกแวบหนึ่ง มวยที่ชิวเอ๋อเกล้าขึ้นเป็นทรงเหินโพยม ช่างดูดีมาก ผ้าคลุมหน้าสีขาวปิดบังใบหน้าในส่วนที่น่าเกลียดของนาง เผยให้เห็นแค่ดวงตาประกายแบ่งชั้นขาวดำชัดเจนคู่นั้น

เมื่อมองลงมา กลับเห็นเป็นชุดคลุมตัวใหม่ทั้งชุด นางยิ้มเยาะเย้ย “ในที่สุดจวนเสนาบดีตัดใจส่งเสื้อผ้าชุดใหม่มาสินะ?”

“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ บ่าวยืมตำลึงเงินจากเหล่าพี่น้องในจวนส่วนหนึ่ง ไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้คุณหนู แม้ว่าวัสดุผ้าจะเทียบเท่าของคุณหนูห้าไม่ได้ แต่ก็เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ คุณหนูใส่เข้าสำนักศึกษาวังหลวงจะได้มีเกียรติเจ้าค่ะ”

“มือของเจ้าเป็นอะไร?”

กู้ชูหน่วนดึงมือของชิวเอ๋อออก กลับพบว่าฝ่ามือของนางบวมแดง ราวกับถูกบางอย่างทุบตี

ชิวเอ๋อรีบดึงมือกลับไป ซ่อนไว้ด้านหลัง และยิ้มอย่างเอียงอาย “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ตอนทำงานบ้านไม่ทันระวังจนบาดเจ็บ”

“พูดความจริง”

สีหน้าของกู้ชูหน่วนเคร่งขรึมลง ความรู้สึกบีบเค้นแผ่ขยาย จ้องเขม็งไปยังชิงเอ๋อ ราวกับมองเห็นทุกอย่างของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ชิวเอ๋อไม่มีเหตุผลใดต้องเกรงกลัว ต่อหน้านาง แม้แต่คำโป้ปดก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย

จึงทำได้เพียงแค่กล่าวความจริง “ในตอนที่กลับมาจากซื้อเสื้อผ้า บังเอิญเจอกับสาวใช้ของอู่อี๋เหนียงเข้าพอดี นางให้บ่าวเอาเสื้อผ้าออกมา บ่าวไม่ยอม ก็เลย… ถูกลงโทษเบา ๆ สองสามครั้งเจ้าค่ะ”

“ปัง…”

กู้ชูหน่วนโยนหมั่นโถวในมือทิ้ง ใบหน้าฉายแววโกรธเคือง หยิบกลองและฆ้องวิ่งออกไปยังลานกว้าง จากนั้นก็เคาะเสียงดังตึงๆ

ชิวเอ๋อตื่นตกใจ ร้อนใจจนเกือบร้องไห้ “คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ ไม่พอใจวัสดุผ้าที่บ่าวซื้อมาใช่หรือไม่ คุณหนูจึงไม่พอใจ บ่าวไปซื้อเสื้อผ้าที่ดีกว่าเดิมอีกชุดก็ได้เจ้าค่ะ”

“คุณหนู หยุดเคาะได้แล้ว เคาะต่อไป มีหวังในจวนคงได้ตื่นตกใจเป็นแน่เจ้าค่ะ”

“ตึงๆ …”

กู้ชูหน่วนเคาะเสียงดัง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

คนในจวนพากันแตกตื่น

อู่อี๋เหนียงก่นด่ายกใหญ่ “กู้ชูหน่วน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ มาตีฆ้องตีกลองอะไรรุ่งสางเช่นนี้ เจ้าไม่อยากนอน คนอื่นก็ต้องไม่นอนตามเจ้าเช่นนั้นหรือ?”

กู้ชูหน่วนโยนฆ้องและกลองในมือออกไป ง้างมือตบจนเกิดเสียงดังเพียะ ทิ้งรอยฝ่ามือให้แก่อู่อี๋เหนียงอย่างเหี้ยมโหด เหมือนกับยังไม่สะใจ นางจึงง้างมือตบอีกหนึ่งครั้ง

รอยฝ่ามือทั้งสองครั้งหนักหน่วงมาก ใบหน้าของอู่อี๋เหนียงบวมแดงอย่างรวดเร็วสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รอยประทับนิ้วทั้งสิบนิ้ววปรากฏชัดเจน

โอ๊ย…

ทุกคนที่เพิ่งจะงัวเงียลุกจากที่นอน เพราะรอยฝ่ามือนี้ อาการงัวเงียของทุกคนจึงหายปลิดทิ้ง