ตอนที่ 95 ถึงตอนนั้นแกจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงด้วย / ตอนที่ 96 ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ด้วยดี

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 95 ถึงตอนนั้นแกจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงด้วย 

 

 

เสียงแข็งกร้าวของเฉินฝานซิงนั้นกังวานขึ้นอย่างมีอำนาจและเฉียบขาด 

 

 

เฉินเชียนโหรวรู้สึกเกร็งเล็กน้อย 

 

 

“พี่คะ ฉันต้องขอโทษแทนแฟนคลับด้วย…” 

 

 

“งั้นเธอก็รีบชดใช้ค่าเสียหายที่แฟนคลับเธอพังรถฉันมาซะเลยซิ” 

 

 

เฉินเชียนโหรวลอบกัดฟันแน่น “ด้วยความยินดีค่ะ” 

 

 

สรุปว่าตอนนี้หลานอวิ้นต้องชดใช้เรื่องทุบรถนี่เป็นเงินเท่าไหร่ไปแล้ว 

 

 

แม้ว่ารถคันนั้นของเธอจะราคาไม่เท่าไหร่ แต่ก็ทำให้เฉินเชียนโหรวนึกไม่ชอบใจขึ้นมา 

 

 

“เอาล่ะ ในเมื่อเฉินเชียนโหรวไม่คิดติดใจอะไรแล้ว เรื่องนี้ก็ให้มันจบๆ กันไป” 

 

 

เจียงหรงหรงที่นั่งตรงเก้าอี้ตัวหลักมาตลอดได้เอ่ยขึ้นทันที ทว่าเฉินฝานซิงไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอแม้แต่น้อย 

 

 

เย็นชาอะไรขนาดนี้ 

 

 

เจียงหรงหรงตวัดตาคมมองเธออีกครั้ง ก่อนจะเพ่งมองแล้วพูดต่อไปว่า 

 

 

“แต่แกก็จำเอาไว้ด้วย ว่าเรื่องพรรค์นี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้เชียนโหรวเป็นศิลปินของหลานอวิ้นและหลานอวิ้นในตอนนี้เองก็พลาดให้พวกแกไม่ได้อีกแล้ว!” 

 

 

การเติบโตของบริษัทบันเทิงในประเทศนี้ค่อนข้างจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาแต่ไหนแต่ไร 

 

 

เบื้องหน้ามีบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่างจี๋กวงกั๋วจี้ 

 

 

เบื้องหลังมีบริษัทบันเทิงที่มั่งคั่งระดับนานาชาติที่ซูเปอร์สตาร์หนุ่มอย่างหลีอวี่เฟิง ได้สร้างขึ้นมาเองกับมืออย่างไห่น่ามีเดีย 

 

 

บริษัทบันเทิงอื่นๆ ทำได้เพียงแค่หาทางเอาชีวิตรอดจากรอยแยกของทั้งสองบริษัทนี้เท่านั้น 

 

 

เมื่อใดที่บริษัทได้ปั้นศิลปินขึ้นมาคนหนึ่ง จะต้องยกเลิกสัญญาแล้วย้ายมาทำงานให้กับหนึ่งในสองบริษัทนี้บริษัทใดบริษัทหนึ่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น 

 

 

ในฐานะที่เป็นสองค่ายบันเทิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ทรัพยากรจำนวนมากจึงตกเป็นของเขาอย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียง 

 

 

สิ่งที่หลานอวิ้นคว้ามาได้นั่นก็คือไอดอลอย่างเฉินเชียนโหรวและเหตุผลที่ยังสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ ก็เพราะมากกว่าครึ่งนึงนั้นได้มาจากเงินค่าปรับเมื่อเหล่าไอดอลตัดสินใจเปลี่ยนงาน 

 

 

หลานอวิ้นคงจะตั้งรับทุกครั้งไม่ไหว 

 

 

ทว่าเฉินฝานซิงกลับไม่ได้แคร์หลานอวิ้นเลยแม้แต่น้อย 

 

 

เธอถือหุ้นของหลานอวิ้นอยู่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ 

 

 

ในสิบห้าเปอร์เซ็นต์นั้นคือสิ่งที่คุณปู่ของเธอเคยรับปากไว้ว่าจะยกให้คุณแม่ของเธอในวันที่ท่านได้แต่งเข้าสกุลเฉินมาวันนั้น 

 

 

หลังจากที่คุณแม่เสียชีวิตไป เฉินเต๋อฝานก็คิดที่จะโอนหุ้นส่วนของคุณแม่ของเธอให้เป็นชื่อหยางลี่เวยแทน สุดท้ายก็เป็นคุณปู่ที่เข้ามาห้ามปรามเอาไว้อีกครั้งทั้งยังยกหุ้นส่วนของคุณแม่ทั้งหมดที่มีให้กับเธอ 

 

 

เป็นสิ่งทดแทน! 

 

 

หากเลือกได้ ใครจะไปอยากได้ของพรรค์นี้เป็นสิ่งทดแทน! 

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหุ้นที่เธอถืออยู่ในมือ อันที่จริงหลายปีมาแล้วที่หลานอวิ้นไม่ได้มาข้องเกี่ยวกับเธอ 

 

 

เจียงหรงหรงไม่สบอารมณ์กับสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเฉินฝานซิง! 

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอทุบรถด้วยความอคติจนทำให้ชื่อเสียงอันโด่งดังของเฉินเชียนโหรวต้องดับวูบ ทั้งยังทำให้บริษัทสูญเสียเงินทองมากมายโดยใช่เหตุ! 

 

 

แค่ทำให้บริษัทที่แสนรักต้องมาซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอโมโหโกรธา 

 

 

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดบัญชี 

 

 

หรือจะว่าไปต่อให้คิดบัญชีไปเธอก็ไม่มีปัญญาจ่าย! 

 

 

เพราะบริษัทต๊อกต๋อยที่เธอดูแลอยู่นั้นต่อให้มันจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างเล็กน้อยแต่หากจะหวังให้มันได้ผลิดอกออกผลนั้นคงเป็นได้แค่ฝันกลางวัน 

 

 

เศษเสี้ยวความซ่อนเร้นของคนลวงโลกได้ปรากฏขึ้นในดวงตาเฉียบแหลมของเจียงหรงหรง 

 

 

ยังไงซะ…ก็เป็นคนของสกุลเฉิน! 

 

 

“แกจะกลับมาสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนๆ ก็มาแล้วงั้นฉันถือโอกาสบอกแกเลยก็แล้วกัน เย็นวันเสาร์นี้เป็นพิธีที่ขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของทั่วโลกอย่างเป็นทางการของกรรมการหนุ่มแห่งสกุลป๋อ ถึงเวลานั้นแกต้องไปด้วย!” 

 

 

เฉินเชียนโหรวก้มหน้าพลางกัดริมฝีปากด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา 

 

 

คิ้วสวยของเฉินฝานซิงตวัดขึ้นเล็กน้อย 

 

 

เสาร์นี้อีกแล้ว? 

 

 

แต่ว่า… 

 

 

เธอค่อยๆ เอนร่างพิงลงบนโซฟา ก่อนจะหันหน้ามองเจียงหรงหรง นัยน์ตาคู่สวยหรี่เล็กลง 

 

 

“ทำไมครั้งนี้ถึงอยากให้ฉันไปด้วย ไม่กลัวสกุลเฉินจะขายหน้าเอารึไง” 

 

 

สีหน้าของเจียงหรงหรงดูหนักใจ แต่ก็ยังพูดต่อ 

 

 

“แกเป็นลูกสาวสกุลเฉิน งานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้แกจะต้องไปร่วมอยู่แล้ว” 

 

 

“สกุลเฉินของพวกคุณมีแค่เฉินเชียนโหรวก็เพียงพอแล้ว” 

 

 

เฉินฝานซิงเอ่ยอย่างราบเรียบพลางลุกยืนจากโซฟา 

 

 

“ฉันจะไปหาคุณปู่!” 

 

 

“พี่คะ…” เฉินเชียนโหรวร้องเรียกขึ้นอย่างรีบร้อน 

 

 

“ฝานซิง! แกคิดจะทำให้ย่าต้องผิดหวังในตัวแกไปตลอดใช่ไหม!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 96 ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ด้วยดี 

 

 

เฉินฝานซิงหมุนตัวเตรียมจะจากไป ทำให้เจียงหรงหรงต้องเปล่งเสียงอันหนักแน่นและทรงพลังออกมา 

 

 

เท้าของเธอหยุดชะงัก 

 

 

เฉินฝานซิงมองไปยังเจียงหรงหรงอย่างประหลาดใจ สิ่งที่เห็นกลับเป็นภาพของเจียงหรงหรงที่กำลังแหงนหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าผิดหวังและชิงชัง 

 

 

เธอเหม่อลอยเมื่อจำขึ้นมาได้ว่านานมาแล้วหญิงชราตรงหน้าก็เคยรักและเอ็นดูเธอมาก่อน 

 

 

ทว่าหลังจากนั้น… 

 

 

ยามที่ต้องตัดสินใจเลือกเพราะผลประโยชน์… 

 

 

ยามที่มีคนที่แข็งกระด้างยิ่งกว่าปาก เธอต้องปลอบใจตัวเองให้มีความสุข… 

 

 

ยามที่เธอต้องขดตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่งอย่างเงียบเชียบและเชื่อฟังเพื่อมองดูครอบครัวของพวกเขามีความสุข… 

 

 

พวกเขาทุกคนกลับค่อยๆ ห่างไกลออกไป! 

 

 

ในตอนแรกเธอก็อยากจะฝืนรักษาความสัมพันธ์สุดท้ายเอาไว้ แต่มันกลับค่อยๆ บีบให้ตัวเธอเองจนตรอกอยู่เช่นนี้ 

 

 

ผิดหวัง… 

 

 

ไม่มีใครน่าผิดหวังไปกว่าเธออีกแล้ว 

 

 

เธอไม่เคยคิดเลยว่าแท้จริงแล้วบนโลกใบนี้ครอบครัวและความรักเป็นสิ่งที่สามารถถูกพรากเอาไปได้… 

 

 

“ขอแค่พวกคุณคิดแบบนั้น ต่อให้ฉันทำดีแค่ไหนก็ผิดไปหมดหรือต่อให้ฉันไม่ทำอะไรเลยก็ผิดในสายตาของพวกคุณ นอกจากความผิดหวังแล้วก็กลัวว่าจะไม่มีความรู้สึกอื่นเลย” 

 

 

เฉินฝานซิงทิ้งประโยคสุดท้ายไว้อย่างเยือกเย็นก่อนจะสาวเท้าเดินไปลานหลังบ้าน 

 

 

ตามความเคยชินของคุณปู่ท่านน่าจะกำลังอยู่ที่ลานหลังบ้าน 

 

 

ทอดมองไปยังลานบ้านเล็กๆ ที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย เฉินฝานซิงค่อยๆ ก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า 

 

 

คุณปู่มักจะเป็นคนที่มองเรื่องราวอย่างเรียบง่ายเสมอ ไม่หวังชื่อเสียงและผลประโยชน์ ไม่แก่งแย่งชิงดีท่านจึงพบกับความสงบอยู่เรื่อยมา 

 

 

ไม่เช่นนั้นบริษัทก็คงไม่ตกไปเป็นของคุณย่า 

 

 

เมื่อเปรียบเทียบกับความทะเยอทะยานของคุณย่าแล้วก็นับเป็นส่วนเสริมให้กันและกัน 

 

 

เมื่อเปิดประตูออกก็พบกับบรรดาบ่าวรับใช้กำลังคอยดูแลอยู่ เห็นเฉินฝานซิงพวกเขาก็ลังเลไปสักพักจนค่อยๆ ได้สติ 

 

 

“คุณหนูใหญ่ กลับมาแล้วเหรอคะ! คุณท่านบ่นหาคุณทุกวี่ทุกวัน!” 

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากพลางค่อยๆ พยักหน้ารับ 

 

 

“คุณปู่พักผ่อนอยู่หรอ” 

 

 

“ฝานซิงอา ฝานซิงมาหรอ” 

 

 

เสียงที่แหบและสั่นเครือฟังดูรีบร้อนแว่วออกมาจากในห้อง 

 

 

เธอแหวกผ้าม่านเดินเข้าไป 

 

 

มองไปยังชายชราเส้นผมขาวโพลนที่กำลังนั่งพิงเตียงอยู่ เฉินฝานซิงผ่อนคลายใบหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหา 

 

 

“คุณปู่” เฉินฝานซิงยืนอยู่ข้างเตียงเรียกท่านด้วยเสียงที่กดต่ำ 

 

 

เฉินซั่งหวาแหงนหน้าขึ้นมองเธอที่ดูสบายๆ และภูมิฐานไปตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมทั้งหน้าตาที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เขาจึงค่อยๆ ระบายยิ้มออกมาอย่างพึงใจ 

 

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะ” 

 

 

เธอย่อตัวลงนั่งค่อยๆ เม้มปากเข้าหากัน “ขอโทษค่ะคุณปู่” 

 

 

เฉินซั่งหวาตบลงบนมือเธอแผ่วเบา แล้วถอนหลายใจออกมาอย่างหนัก 

 

 

“เรื่องของหลานกับซูเหิงน่ะปู่รู้หมดแล้วล่ะ ลองปล่อยวางดูบ้างรึยัง” 

 

 

ความขื่นขมผุดขึ้นบนใบหน้า เธอกุมมือสีจาง อันเ**่ยวย่นเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้นเนิบนาบ 

 

 

“หนูคบกับซูเหิงแปดปี ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้…เขาทำในสิ่งที่หนูรับมือแทบไม่ทัน หนูไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ…” 

 

 

“ปู่เข้าใจความรู้สึกนี้ไหมคะ มันเหมือนกับ…หนูนึกว่าเขาคือที่ราบไว้สำหรับใช้ควบม้า…แต่จู่ๆ วันหนึ่งหนูก็กลับพลัดตกลงมา…และสิ่งเดียวที่หนูทำได้ก็คือทำยังไงให้ตัวเองดูน่าสมเพชน้อยที่สุดหรือเจ็บตัวน้อยที่สุดจากอุบัติเหตุครั้งนี้” 

 

 

“หนูไม่มีวิธีจะปล่อยวางได้จริงๆ หนูเป็นฝ่ายถูกหักหลัง! ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ แต่ปู่คะหนูยอมไม่ได้ หนูไม่มีวันยกโทษให้ซูเหิงและเฉินเชียนโหรวเด็ดขาด!” 

 

 

ดวงตาของเธอขึ้นสีแดงจางๆ มีก็เพียงต่อหน้าชายชราคนนี้เท่านั้นที่เธอจะยอมเผยด้านที่อ่อนแอออกมาได้บ้าง! 

 

 

น้อยครั้งที่เฉินซั่งหวาจะได้เห็นมุมที่เฉินฝานซิงแสดงออกมาอย่างไร้ที่พึ่งเช่นนี้ ความเจ็บปวดและน่าเห็นใจผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาเล็กน้อย 

 

 

“ฝานซิง หลานเป็นเด็กฉลาดแถมยังโดดเด่น หนูคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้! ในเมื่อซูเหิงเป็นเสียแบบนี้ การที่รีบปล่อยเขาไปนั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว” 

 

 

เธอพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วค่ะ” 

 

 

เฉินซั่งหวาพยักหน้าเล็กน้อย “อย่าเสียใจไปเลยฝานซิงทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ด้วยดี”