ตอนที่ 40 ท่านอ๋องเยี่ยช่วยโกง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

อาจารย์กล่าว “สนามสอบแรกถ้าไม่ผ่าน จะไม่มีสิทธิ์สอบในสนามถัดไป หากในสามปียังไม่ได้เลื่อนขั้น ทางคณะจะไล่ออกจากสำนักศึกษา”

หรือว่านาง ผู้มีพรสวรรค์อันล้ำเลิศฉายาหมอปีศาจ ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลมู่จะหนีโชคชะตาโดนไล่ออกไม่พ้น

ทันใดนั้น ประตูเปิดออกเผยให้เห็นร่างหนึ่ง สนามสอบจากที่เคยอบอุ่น อุณหภูมิพลันลดลง ความเยียบเย็นคืบคลานเข้ามาพร้อมร่างบุรุษผู้นี้

อาจารย์ผู้คุมสอบเอ่ยขึ้น “นักเรียนผู้นี้ เจ้ามาช้าไปหนึ่งในสี่ของเวลาสอบ เจ้าต้อง…”

“เฮือก! ท่านอ๋องเยี่ย” เมื่ออาจารย์มองบุคคลที่เข้ามาชัด ๆ ใบหน้าก็ซีดเผือดในทันใด

“ท่านอ๋องเยี่ย เชิญเข้ามาด้านในได้เลย”

ท่าทางของอาจารย์ผู้คุมสอบเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังมือ  พลิกกลับสามร้อยหกสิบองศา

‘เหตุใดเขายังมาร่วมสอบด้วย โดนไล่ออกไปเลยไม่ดีกว่าหรือ’ มู่เฉียนซีพึมพำในใจ

นางเคยฟังมา ท่านอ๋อง  ซวนหยวนจิ่วเยี่ยเข้าศึกษาเมื่ออายุสิบหก ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนก็ไม่เคยมาสำนักศึกษาอีกเลย ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงกลับมาในช่วงไม่กี่วันนี้

นางไม่เชื่อว่าซวนหยวนจิ่วเยี่ยจะกลัวเรื่องการไม่ได้เลื่อนขั้นภายในสามปีแล้วจะถูกไล่ออก เพราะนาม จิ่วเยี่ย ขึ้นชื่อในแคว้นจื่อเยี่ยว่าเป็นบุคคลปีศาจ ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย

ไล่เขาออก ชีวิตคงหาไม่

ชั่วอึดใจที่ซวนหยวนจิ่วเยี่ยนั่งลงที่โต๊ะสอบ มู่เฉียนซีพบว่าเพื่อนนักเรียนโดยรอบที่เขียนอยู่ต่างมือสั่น

เจ้าเยือกเย็นนี่ริอ่านทำให้คนอื่นตกใจก็ไม่ควรโผล่ใบหน้ามา  เห็นไหม ? ทำเอาเพื่อนนักเรียนตกใจกลัวกันหมดแล้ว  เวรกรรมจริง ๆ

“ข้อที่หนึ่ง ต้นกำเนิดพลังวิญญาณ คำตอบคือ…” ตอนนี้เอง น้ำเสียงเย็นชาไร้อุณหภูมิดังเข้ามาในหูของมู่เฉียนซี

“ข้อที่สอง คำตอบคือ…”

“ข้อที่สาม…”

‘อะไร ?’ มู่เฉียนซีทำตาโต คิดในใจ ‘เจ้าก้อนน้ำแข็งนี่บอกคำตอบของคำถามพวกนี้อยู่รึ ?’

เสียงของปีศาจจิ่วเยี่ยเหมือนกำลังจะ… เหมือนกำลังจะช่วยนางโกง…

เพื่อป้องกันนักเรียนโกงกัน อาจารย์ทั้งหลายในสำนักศึกษาของแคว้นจื่อเยี่ยจะติดเครื่องดักฟังไว้ ถ้ามีใครทำอะไรแม้เพียงเล็กน้อย จะถูกอาจารย์ผู้คุมสอบพบเจอทันที

แต่ท่านอ๋องอสูรคนนี้เก่งมาก  เก่งสุดยอด  โกงกันสบาย ๆ ไปเลย  เขาทำให้เครื่องดักฟังนั้นเป็นเพียงเครื่องประดับ

จิ่วเยี่ยช่วยนางโกงข้อสอบคงเป็นเรื่องที่ทำให้คนในแคว้นจื่อเยี่ยไม่เชื่อ แม้แต่มู่เฉียนซีเองยังตกใจ หน้าผากสตรีแกร่งกล้าอย่างนางผุดเหงื่อเย็น

ณ วันนี้เวลานี้ เขาบอกข้อสอบจนถึงข้อที่สิบแล้ว  ยิ่งข้อไกล  น้ำเสียงยิ่งเย็นชาขึ้น  หากนางไม่เขียน กลัวว่าจะไม่ใช่แค่โดนไล่ออกง่าย ๆ  อาจจะสูญเสียชีวิตอันมีค่าในสนามสอบ

มู่เฉียนซีความจำดีมาก  เริ่มจากไม่รู้ในข้อที่สาม ก็เขียนตามความเร็วเสียงของซวนหยวนจิ่วเยี่ยได้

อ่านจนถึงข้อหนึ่งร้อยเสร็จ  ไม่มีใครทันได้เห็น ไม่มีใครทราบว่าซวนหยวนจิ่วเยี่ยออกไปและออกไปเมื่อใด

มู่เฉียนซีหยุดปากกา ความรู้สึกขนลุกหลงเหลือลางเลือนทว่าไม่หายไป

นางหยิกแขนตัวเอง เมื่อสักครู่นี้นางคงกำลังฝันร้ายจริง ๆ  แต่ว่า… ยังคงรู้สึกเจ็บจากแรงหยิก เช่นนั้นคือไม่ได้ฝันไปรึ ?

ในแคว้นจิ่วเยี่ยนี้คงมีแค่ใจของนักฆ่าที่น่ากลัวคนนี้ที่เดาไม่ออก  มู่เฉียนซีไม่อยากให้ตัวเองคิดมากจึงรีบส่งข้อสอบ

เมื่อไม่มีความน่ากลัว และมองดูเวลาที่ใกล้เข้ามา นักเรียนคนอื่นก็รีบเร่งตอบคำถามกัน

มู่เฉียนซีกลับมาที่พัก  เห็นซวนหยวนจิ่วเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยหนังเสือสีขาวกลางห้องโถง นางเอ่ยขึ้น “จิ่วเยี่ย เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก”

“ขอบคุณอย่างไร ?” เขาไม่เงยหน้าขึ้นมา มีแต่น้ำเสียงอันเยือกเย็นที่กล่าวถาม

มู่เฉียนซีรู้สึกปวดหัว ท่านอ๋องผู้นี้ลึกลับนัก  ไม่รู้ว่าเขาช่วยนางมากี่ครั้งแล้ว และนางก็ไม่มีสิ่งของที่พอมีค่าเหมาะสมสำหรับให้เป็นการขอบคุณเขา

มู่เฉียนซีคิดไปคิดมา นำยาเหย้าจี้ที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาใหม่ วางไว้บนโต๊ะต่อหน้าเขา

“นี่เป็นสิ่งของที่ดีที่สุดเท่าที่ข้ามีติดตัว  ดีกว่ายาระดับสาม ข้าให้เพื่อตอบแทนที่จิ่วเยี่ยช่วยเหลือข้าในวันนี้”

พูดออกไปแล้ว… แม้มู่เฉียนซีรู้ทั้งรู้ว่าถึงจะเป็นยาระดับเจ็ดระดับแปด เจ้าเยือกเย็นนี่ก็คงไม่สนใจ  ไม่เช่นนั้นคงไม่นำอาวุธเทพอย่างแหวนมังกรเทพวารีมามอบให้กับนาง

ทว่า…

นิ้วมือเรียวยาวสัมผัสขวดยานั้น เขาพยักหน้ารับ ตอบแข็ง ๆ “อืม”

มู่เฉียนซีกล่าว “อ้อ  อืม  ดี  เช่นนั้น… ข้าไปฝึกฝนวิชาก่อนนะ”

พริบตาเดียว มู่เฉียนซีก็กลับมาถึงชั้นบน  อาถิงพูดไว้ไม่มีผิด ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายอะไร ขอเพียงเขาไม่ฆ่านาง นางก็ยังมีเวลาที่จะเติบโต  รอให้นางแข็งแกร่งมากกว่าเขา ไม่ว่าเขาจะมีจุดมุ่งหมายอะไร นางก็ไม่จำเป็นต้องกลัว

ถึงอย่างไรมู่เฉียนซีก็คิดไม่ถึงว่าจุดมุ่งหมายบางอย่าง ถึงแม้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้านทานไว้ไม่อยู่

ผลของการสอบออกมาแล้ว มู่เฉียนซีได้คะแนนเต็มเป็นอันดับหนึ่งของชั้น ผลคะแนนที่ออกมาทำให้คนอื่นคาดไม่ถึงไปตาม ๆ กัน ใครได้รู้ได้เห็นผลคะแนนมีอันต้องเบิกตาปากอ้าค้าง

สนามสอบโหดหินนั้น โกงกันไม่ได้แน่นอน ทุกคนจึงเดาว่าคนไร้ความสามารถอย่างมู่เฉียนซี คงจะปรับปรุงตัวใหม่แล้ว

“อันดับหนึ่งรึ ?  ให้ตายเถอะ! เจ้าคนไร้ความสามารถนั่นสามารถสอบได้ที่หนึ่ง” องค์หญิงแปดโกรธจนตาลุกเป็นไฟ หน้าตาน่ากลัวขึ้นมาในฉับพลัน  “แต่สอบผ่านก็ดี จะได้ใช้สนามที่สองประลองยุทธ์นี้กำจัดนาง”

สนามสอบที่สองคือสนามสอบการประลองฝีมือ ผู้ผ่านเข้ารอบร้อยคนเท่านั้นถึงจะมีโอกาสไปสอบในสนามที่สาม

ห้องเรียนระดับต่ำมีทั้งหมดสี่พันกว่าคน แบ่งเป็นสี่กลุ่มสนามรบ ร้อยคนจะถูกเลือกเพียงหนึ่งในสิบ และคนที่อยู่บนสนามประลองสิบคน จะเข้าร่วมแข่งขันแบบตัวต่อตัว

เมื่อเข้ามาในสนามประลอง เพื่อนร่วมห้องของมู่เฉียนซีที่เคยได้รับผลประโยชน์จากนางล้วนเข้ามารายล้อม

“เพื่อนนักเรียนมู่เฉียนซี วางใจได้เลย  ข้าจะไม่ให้เจ้าตกอันดับ”

“ใช่!”

“…”

ยามที่พวกเขารับเงินหนึ่งพันเหรียญมานั้นถือว่าเยอะมากจริง ๆ พวกเขาจึงปรึกษากันว่าสนามตัดสินนี้จะช่วยมู่เฉียนซี

แต่คนอื่นก็พูดดูแคลนใส่

“เหอะ! มีแต่คนขี้ขลาดตาขาวอย่างพวกเจ้านั่นแหละ ถึงถูกคนไร้ความสามารถนี้ใช้เงินซื้อได้”

“ใช่ เจ้าคนไร้ความสามารถ นอกจากใช้เงินซื้อคนแล้วยังจะทำอะไรได้อีก ? ช่างไร้ประโยชน์”

“โง่ชะมัด! นางคงไม่ซื่อจนคิดว่าคนที่นางซื้อมา จะช่วยให้นางไม่ตกอันดับได้จริง ๆ หรอกนะ”

“พวกเราลุย จัดการพวกมันเลย!”

ถึงแม้ฝ่ายพวกเขาจะมีกันเพียงสิบกว่าคน ฝ่ายตรงข้ามมีเจ็ดสิบแปดสิบคน  ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีฝีมือไม่เลว แต่ก็ต้านทานได้ไม่นาน

จังหวะที่มีคนแวดล้อมคุ้มกันอยู่ตรงกลาง ไม่มีใครสังเกตเห็นมังกรวารีสีฟ้าร่วงลงมาที่พื้นก่อนแปรเปลี่ยนกลายเป็นน้ำแข็ง

“อ๊าก!”

ต่อมาพวกนั้นก็ลื่น กลิ้งตกสนามประลองเหมือนลูกบอล หมดสิทธิ์แข่งขันต่อ

“อ๊าก!”

และต่อมา คนอีกกลุ่มกลิ้งตกลงไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนเหลือแค่พวกที่คอยคุ้มกันมู่เฉียนซี

— ตุบ! ตุบ! ตุบ! —

“เมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้น ?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

พวกที่แพ้ตกลงไป แพ้อย่างไม่รู้สาเหตุเสียด้วยซ้ำ

“หรือว่าพวกเขาลอบซ่อนผู้มีวรยุทธ์อันล้ำเลิศ แต่ปกปิดแฝงเนียนไว้จนมองไม่ออก”

ในขณะที่พวกเขาคิดไม่ออกนั้น ผลการประลองก็ออกมา

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสนทนาถึงแผนการอันแยบยลของมู่เฉียนซี  นางใช้เงินซื้อเพื่อนนักเรียนก่อน ผลที่ออกมานางไม่ต้องลงมือก็สามารถเข้าร่วมสนามสอบถัดไปได้

การตัดสินประลองครั้งนี้ก็สำคัญ จะเป็นการแข่งขันแบบตัวต่อตัว คู่ต่อสู้เป็นแบบสุ่มเลือก ดูซิว่ามู่เฉียนซีจะซื้อใครอย่างไร  อีกทั้งคนที่มีอุดมการณ์หน่อย คงจะไม่สนใจเงินสกปรกของมู่เฉียนซีที่ไร้ความสามารถ

อาจารย์ประกาศรายชื่อผู้แข่งขัน  เมื่อประกาศชื่อไปได้สักพัก ก็ถึงรอบของมู่เฉียนซี

“ต่อไป  นักเรียนมู่เฉียนซีกับนักเรียนโอวหยางซิน ก้าวออกมา”

.