ตอนที่ 86 ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียน

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 86 ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียน

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “เขามีนามว่าอะไรรึ ?”

เจียงหยุนชานชะงักไปทันที “อะไรหรือ ?”

เจียงป่าวชิงพูดต่อ “ผู้ที่ใช้ให้คนอื่นมาทำให้พี่แขนหัก เขามีนามว่าอะไร ?”

เจียงหยุนชานถอนหายใจเล็กน้อย “ป่าวชิง เจ้าถามทำไม ต่อไปข้าหลบให้มากกว่านี้ก็ได้แล้ว”

เจียงป่าวชิงยืนขึ้นจากบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว  อย่าว่าแต่เจียงหยุนชานเลย เกิ่งจื่อเจียงที่กำลังฟังอย่างตั้งใจโดยที่ไม่รู้สึกง่วงนอนก็ตกใจเช่นกัน

เจียงป่าวชิงมองเจียงหยุนชาน “พี่หยุนชาน พี่เคยแหย่พวกเขารึ ?”

เจียงหยุนชานตอบเพียงสั้น ๆ “ไม่”

เจียงป่าวชิงพูดอย่างตั้งใจ “พี่ดูสิ ต่อให้พี่ไม่ได้ไปยุ่งกับพวกเขา และเอาแต่หลบพวกเขาอยู่เช่นนี้ พวกเขาก็ยังมาลงมือกับพี่อยู่ดี ครั้งนี้แขนซ้ายแล้วครั้งหน้าล่ะ ? ต่อให้พี่หลบให้มากกว่านี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน ?”

เจียงหยุนชานพูดไม่ออก เพราะอย่างไรเสียคำพูดที่น้องสาวกล่าวมาก็ถูกต้องทั้งหมด

เจียงป่าวชิงถามอีกครั้ง “ว่าอย่างไรพี่หยุนชาน คนคนนั้นเขามีนามว่าอะไร ?”

เจียงหยุนชานส่ายหน้า สีหน้าของเขาก็แน่วแน่มากเช่นกัน “ป่าวชิง เจ้าไม่ต้องถามแล้ว ข้าไม่มีทางบอกเจ้าหรอก”

เจียงป่าวชิงโมโหจนเตะเสาประตูข้าง ๆ

“ป่าวชิง!” เจียงหยุนชานตะโกนปรามนางอย่างปวดใจ “อย่าทำเช่นนี้เลย อย่างไรข้าก็จะไม่บอกเจ้าเด็ดขาด”

เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงที่เดิม

ขณะนี้ประตูเมืองปิดแล้ว ถ้าหากไม่มีคำสั่งก็ออกนอกเมืองไม่ได้ เจียงป่าวชิง เจียงหยุนชาน และซุนต้าหูจึงหาที่พักเล็ก ๆ เพื่อพักผ่อน เจียงป่าวชิงห้องหนึ่ง เจียงหยุนชานกับซุนต้าหูอีกห้องหนึ่ง ส่วนรถล่อก็จอดไว้ในสวนหลังที่พัก นอกจากนี้ ซุนต้าหูยังกำชับผู้รับจ้างเป็นพิเศษว่าอย่าลืมให้อาหารล่อ

เดิมทีซุนต้าหูตั้งใจว่าจะชิงจ่ายค่าที่พักก่อน แต่ไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาเกาศีรษะเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่ออกมาจากสถานที่ให้บริการรักษาโรคของเกิ่งจื่อเจียง เขาจึงไม่แย่งนางจ่าย

เช้าวันต่อมา เจียงป่าวชิงตื่นตั้งแต่เช้า เมื่อผ่านเรื่องเมื่อคืนมาได้ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง  โดยปกติแล้วเจียงหยุนชานมีนิสัยนุ่มนวลและรับฟังคำแนะนำอยู่เสมอ ทว่าหากเขาตัดสินใจบางอย่างแล้ว เขาก็จะดื้อรั้นจนวัวก็ไม่สามารถดึงเขาให้กลับมาได้เลยทีเดียว

เจียงป่าวชิงออกไปด้านนอกที่พัก และพบว่าซอยนี้มีการขายอาหารเช้ากันทั้งซอย มีทั้งขายเหล้าข้าวเหนียว ซาลาเปาน้ำมันก้อนโต แกงเผ็ด น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ เต้าฮวย ขนมเปี๊ยะ มีอาหารแทบทุกชนิดเท่าที่นางจะนึกออก และผู้คนมากมายกำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ที่แผงขายอาหารเช้า

เจียงป่าวชิงทำการเลือกและซื้อมาสองสามอย่าง จากนั้นก็ถือกลับไปยังที่พักและปลุกเจียงหยุนชานกับซุนต้าหู

เจียงหยุนชานเคยชินกับการตื่นมาอ่านหนังสือในตอนเช้า เพียงแต่ความเจ็บปวดจากการที่กระดูกหักทรมานเขาจนดึกดื่นกว่าเขาจะได้หลับไปอย่างสติเลอะเลือน วันนี้จึงตื่นสายเล็กน้อย ส่วนซุนต้าหูนั้น ในใจของเขาก็มีเรื่องให้คิดมากเกินไป เขานอนพลิกตัวไปมาจนดึกดื่นกว่าจะหลับลง เขาจึงตื่นสายไปพร้อมกับเจียงหยุนชานอย่างที่เห็น

ทั้งสองคนเห็นเด็กผู้หญิงอย่างเจียงป่าวชิงตื่นเช้ากว่าพวกเขา ทั้งยังไปซื้ออาหารเช้ากลับมาให้อีกด้วย พวกเขาจึงรู้สึกอายอยู่เล็กน้อย

สีหน้าของเจียงป่าวชิงในวันนี้ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก นางวางอาหารเช้าลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปอีกครั้ง

ตอนที่นางกลับมา เจียงหยุนชานกับซุนต้าหูก็กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจียงป่าวชิงถือเสื้อผ้าสามตัวไว้ในมือ นางเอาไปวางตรงหน้าเจียงหยุนชาน

เสื้อตัวที่เขาสวมอยู่ชำรุดมาก แน่นอนว่าไม่สามารถใส่ออกไปเจอผู้คนได้

เจียงหยุนชานกระวนกระวายอยู่บ้าง เขาเอ่ยขึ้น “เสื้อผ้าข้างนอกราคาสูงมาก ซื้อตัวเดียวก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องซื้อถึงสามตัวเลยนี่”

เจียงป่าวชิงจ้องเจียงหยุนชานเขม็ง “พี่… ข้าไม่อยากทะเลาะกับพี่ตอนนี้ ทางที่ดีพี่ปล่อยให้เป็นไปตามการจัดการของข้าดีกว่านะ”

เมื่อคืน ไม่ว่าอย่างไรเจียงหยุนชานก็ไม่ยอมบอกเจียงป่าวชิงว่าใครเป็นคนต่อยเขา ทำให้เจียงป่าวชิงโมโหจนอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอด และเจียงหยุนชานก็รู้ตัวเองดีว่าเขาทำให้น้องสาวเสียใจ ในเมื่อตอนนี้เจียงป่าวชิงพูดเช่นนี้อีกครั้ง เจียงหยุนชานจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดเกี่ยวกับการประหยัดเงินลงไป

เจียงป่าวชิงหยิบเสื้อคลุมยาวสีเขียวที่ปักด้วยใบไผ่ออกมาจากเสื้อผ้าทั้งหมดและนำไปเทียบตรงหน้าเจียงหยุนชาน

แขนของเจียงหยุนชานยังคงถูกทำให้คงที่ด้วยแผ่นไม้ขนาบจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก เจียงป่าวชิงกำลังจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจียงหยุนชาน เจียงหยุนชานกลับตกใจจนก้าวถอยหลัง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าเก้อเขินมากจริง ๆ แต่เจียงป่าวชิงกลับไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่นัก “พี่จะหลบอะไรขนาดนั้นเล่า ? ข้าเพียงแค่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่เท่านั้นเอง”

เจียงหยุนชานยังคงลำบากใจอยู่เล็กน้อย เขาหันไปมองซุนต้าหูอย่างวิงวอน “พี่ต้าหูขอรับ พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าหน่อยได้ไหม ?”

และแน่นอนว่าซุนต้าหูไม่ปฏิเสธ

เจียงป่าวชิงจึงออกไปจากห้อง และนางยังปิดประตูห้องให้อีกด้วย

เมื่อเจียงหยุนชานออกมา เสื้อสีเขียวก็ขับให้รูปร่างที่ผอมมากของเด็กหนุ่มยิ่งดูสูงและตรงมากขึ้น เขาดูดีขึ้น เพียงแต่ผมยุ่งไปหน่อย

เจียงป่าวชิงสางผมให้เจียงหยุนชาน นางหวีผมอย่างพิถีพิถันและจัดผมให้เขาอย่างดี  แม้ว่าจะพึ่งพาอาศัยกันมานานหลายปี แต่เจียงหยุนชานกลับไม่เคยถูกน้องสาวดูแลมาก่อนเลย

ร่างกายของเจียงหยุนชานแข็งทื่อ เขาถึงกับไม่กล้าที่จะขยับตัว

เมื่อหวีผมเสร็จ เจียงป่าวชิงก็สังเกตเจียงหยุนชาน เขานั้นอดที่จะพูดในใจอย่างเสียไม่ได้ว่ารูปโฉมของพี่ชายนาง หากว่านำไปวางในแวดวงบันเทิงที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อในยุคสมัยใหม่ ก็คงจะเข้ากันได้ดีมากทีเดียว

“ต่อไปก็ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียน” นางพูดขึ้นยิ้ม ๆ  มีแสงบางอย่างปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของนาง และนางก็ยกแขนไปคลำเข็มที่เอว

เจียงหยุนชานเห็นเจียงป่าวชิงมีท่าทางที่เต็มไปด้วยกระแสสังหาร เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่เขาบอกไม่ถูกว่าส่วนไหนที่ผิดปกติ

ซุนต้าหูบังคับรถล่อเพื่อพาสองพี่น้องไปที่หน้าประตูโรงเรียน ทว่าตอนนี้ต่างจากตอนกลางคืนโดยในเวลานี้มีคนอยู่มากเกินไป รถล่อจึงไม่สามารถเบี่ยงออกจากผู้คนมาได้ ซุนต้าหูกำลังลังเลแต่เจียงป่าวชิงกลับพูดขึ้นด้วยความเห็นอกเห็นใจเสียก่อน “พี่ต้าหู แค่เข้าไปทำเรื่องลาหยุดเอง ให้ข้ากับพี่หยุนชานไปก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

ซุนต้าหูรู้สึกลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นเขาถึงจะพยักหน้า

เจียงหยุนชานที่อยู่ในชุดใหม่ทั้งตัวและแขนพันด้วยแผ่นไม้ขนาบดึงดูดสายตาผู้คนอย่างมาก ยังไม่ทันได้เข้าไปในประตูโรงเรียนก็ได้รับสายตาที่เพ่งมองมาเป็นจำนวนมากเสียแล้ว

สำหรับเจียงป่าวชิงเอง นางก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าในชุดสีเขียวอ่อนที่เพิ่งซื้อมาเช่นกัน นางเกล้าผมเป็นมวยทั้งสองข้างและยืนอยู่ข้าง ๆ เจียงหยุนชานราวกับเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาที่อยู่หน้าที่นั่งของพระโพธิสัตว์อย่างไรอย่างนั้น

สองพี่น้องเข้าไปในโรงเรียนท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของผู้คน แต่ยังเข้าไปไม่ถึงลานภายในห้องโถงด้านใน ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่รีบตามมาหลังจากได้ยินข่าว พวกเขามาขวางอยู่ตรงหน้าเจียงหยุนชานและเจียงป่าวชิง

หัวโจกคนนั้นคือหานอิงฉี เขาสังเกตเจียงหยุนชานด้วยสีหน้าผยองระคนเหยียดหยาม จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย “ไอ้โย! นี่มันไอ้ขอทานที่เพิ่งแขนหักไปเมื่อวานนี้มิใช่รึ ? …จุ๊ ๆ ๆ ดูชุดใหม่ของมันสิ ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง แม้ว่าเจ้าจะตบหน้าตัวเองให้บวมเพื่อให้ดูอ้วน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าครอบครัวของเจ้ายากจนเสียยิ่งกว่าอะไร หรือว่าการที่ลิงใส่เสื้อผ้าคนแล้วจะกลายเป็นคนได้อย่างนั้นรึ ?”

เหล่าลูกกะจ๊อกของหานอิงฉีหัวเราะคิกคักกันอยู่ด้านข้าง

“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้หยา! ไอ้ขอทาน เจ้าลืมไปแล้วรึว่าเสื้อผ้าใหม่ของเจ้าถูกตัดและถูกสาดสีอย่างไรเมื่อครั้งที่แล้ว ? เจ้ายังกล้าใส่ชุดใหม่มาท้าทายอีกรึ ?”

“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้โย! แล้วเจ้ายังพาลูกสาวมาเข้าเรียนด้วย นางคือใครล่ะ สะใภ้ของเจ้ารึ ? ดูใบหน้าเล็กที่อ่อนวัยนั้นสิ ช่างสวยงามจริง ๆ อยู่กับเจ้าขอทานจะมีอะไรดี ? มา… มาให้พี่ชายสัมผัสใบหน้าเล็กของเจ้าหน่อยเถอะ”

เจียงหยุนชานฉุดมือที่จะเอื้อมมาสัมผัสใบหน้าของเจียงป่าวชิง เขาออกแรงสลัดมือข้างนั้นออกอย่างแรง “นี่คือน้องสาวของข้า พวกเจ้าอย่าพูดอะไรมั่ว ๆ!”

คนที่ถูกสลัดมือโซซัดโซเซ เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที “อ้อ ที่แท้นางเป็นน้องสาวของเจ้า หืม ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไอ้ขอทานเหมือนกันน่ะซี่! ยอดเยี่ยมมาก ไอ้ขอทาน เจ้ากล้าลงไม้ลงมือกับข้าอย่างนั้นรึ ?!”