ภารกิจแดนมนุษย์ของสรวงสวรรค์สำเร็จแล้ว หิ้วสินค้าให้พวกศิษย์พี่ก็เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ตอนนี้อันหลินเรียกได้ว่าผ่อนคลาย ได้รับอิสระอีกครั้ง
ในวันที่อากาศสดใส เขาสวมชุดลำลอง ขึ้นรถไฟหัวกระสุนมุ่งหน้าสู่เมืองซานเฉิง
ธุระของสรวงสวรรค์เสร็จสิ้นแล้ว
ตอนนี้ เขาก็จะบอกลาเรื่องราวในแดนมนุษย์แล้วเช่นกัน
จะว่าไป ที่เขาได้สัมผัสกับโลกใบใหม่เอี่ยม ต้องขอบคุณหนี้สี่ล้านสองแสนที่พ่อสารเลวทิ้งไว้
พ่อของอันหลินชื่ออันหมิงชวน เมื่อก่อนเป็นประธานบริษัทก่อสร้างเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ตอนที่แม่เขายังไม่จากไป ชีวิตของเขาก็นับว่าสุขสงบทีเดียว อย่างน้อยก็กินอิ่มนอนอุ่น
แต่ว่า อุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งหนึ่งพรากชีวิตของแม่ไป
พ่อของเขาก็กลายเป็นทุกข์ระทมอย่างยิ่งเพราะสาเหตุนี้ ถึงขั้นว่ามีนิสัยติดการพนันเพราะอยากคลายเครียด อยากปลดปล่อยอารมณ์
การพนันทำให้เกิดความโลภ พ่อของเขาก็เช่นกัน
ทุกครั้งล้วนหวังอยากได้มากกว่าเดิม แต่ที่จริงแล้วเพียงต้องการทดแทนเงินที่เสียไปให้ได้มากขึ้นก็เท่านั้น
เล่นพนันจนหมดทรัพย์สิน ไม่เป็นไร จำนองบ้าน พยายามเล่นเพื่อให้ได้ทรัพย์สินกลับมา
จากนั้น ก็เล่นพนันจนเสียบ้าน
เมื่อไม่มีบ้านแล้วทำอย่างไร จะนอนข้างถนนงั้นเหรอ
ต้องเอาบ้านกลับมาให้ได้สิ!
สุดท้าย ติดหนี้สี่ล้านสองแสน…
ไม่มีปัญญาคืนเงิน มีแต่คิดหาทางหนี
ก่อนหนี อันหมิงชวนยังโทรมาบอกอันหลินว่า “หลินจื่อ พ่อติดหนี้ข้างนอก พ่อจะหนีไปกบดานก่อน แกเองก็รีบซ่อนตัว!”
อันหลิน “พ่อ ติดหนี้เท่าไร”
อันหมิงชวน “สี่ล้านสองแสน!”
อันหลิน “…ให้ตายเถอะ! พ่อบ้าไปแล้วหรือไง!”
จากนั้น อันหลินก็วางสายด้วยความโมโห
จะให้เขาซ่อนตัวงั้นเหรอ คาบเรียนในมหาวิทยาลัยชิงหัวล่ะ ไม่เข้าเรียนงั้นเหรอ
คนที่ติดหนี้คือพ่อ ทำไมเขาต้องหลบด้วยล่ะ
อันหลินเลือกไปเรียนต่อ
ต่อมา เขาก็ถูกคนทวงหนี้จับตัว…
พวกเขาไม่สนใจสังคมกฎหมายอะไรเทือกนั้นหรอก ไม่พูดพร่ำทำเพลงลากไปใช้แรงงานทันที
อันหมิงชวนไม่คืนหนี้ไม่มีปัญหา อย่างไรเสียลูกชายแกก็ต้องเหนื่อยตายอยู่ที่นั่น
ไม่คืนหนี้หนึ่งวัน ลูกชายแกก็จะทุกข์ทรมานราวกับไม่ใช่คนเพิ่มขึ้นอีกวัน!
อันหลินทนทุกข์ทรมานไม่ไหว จึงหนีออกมา
สุดท้าย เขาก็เจอกับคนที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง บนดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่ง
อันหลินย่างเดินบนถนนสูงๆ ต่ำๆ ของเมืองซานเฉิง ย้อนความทรงจำในอดีต
ทั้งๆ ที่ผ่านไปไม่ถึงปี แต่มองจากตอนนี้ กลับเหมือนว่าผ่านไปเนิ่นนานแล้ว
อดีตที่จับฝุ่นถูกขุดขึ้นมาช้าๆ ราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง
สุดท้าย เขาก็หยุดอยู่หน้าประตูของตึกหลังใหญ่
เมื่อแหงนหน้ามอง ด้านบนมีป้ายเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า ‘บริษัท ก่อสร้างหงต๋า มหาชาจำกัด’
“เฮ้อ ที่นี่แหละ” อันหลินถอนหายใจแล้วเดินเข้าไป
ภายในห้องทำงานที่ตกแต่งหรูหรา ชายอายุราวๆ ห้าสิบคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังจิบชาพลางอ่านรายงานไตรมาสของบริษัท
เขาเป็นประธานของบริษัทนี้ ชื่อจางหงเทา
จู่ๆ โทรศัพท์ก็แผดเสียง
เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากประชาสัมพันธ์ จางหงเทาจึงกดรับ
“ประธานจาง มีผู้ชายชื่ออันหลินจะพบท่าน”
“แค่ก…”
จางหงเทาสำลักน้ำชา “อันหลินงั้นเหรอ เร็วเข้า! ให้เขาเข้ามา!”
ข้างๆ โต๊ะชา มีชายฉกรรจ์อีกคน เมื่อได้ยินชื่อของอันหลินนัยน์ตาก็แววโรจน์ “เจ้าเด็กอันหลินคนนี้ อันตรธานหายไปหลายเดือน จู่ๆ ก็เป็นฝ่ายโผล่หัวมาเองงั้นเหรอ”
ชายฉกรรจ์คนนั้นคือหวงเฟยเปียว หัวโจกคนที่ตามล่าอันหลินก่อนหน้านี้นี่เอง
ไม่นาน ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเคาะประตูแล้วเข้ามา
เมื่อจางหงเทากับหวงเฟยเปียวเห็นผู้มาเยือน ก็นิ่งไปเล็กน้อย
รูปร่างหน้าตายังคงเหมือนเมื่อก่อน แต่ออร่ากลับแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
เขาในตอนนี้ มีความมั่นใจและหนักแน่นฉายบนใบหน้า ไม่มีท่าทางอ่อนแอเช่นตอนนั้นอีกแล้ว
“อันหลิน ไม่คิดว่านายจะกลับมาที่นี่อีก” จางหงเทามองชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มๆ
เรียกได้ว่าที่นี่สร้างประสบการณ์อันเจ็บปวดอย่างมหันต์ให้กับอันหลิน ตอนนั้นเขาทำทุกวิถีทางเพื่อหลบหนี
ตอนนี้ เขากลับเป็นฝ่ายมาที่นี่เอง จางหงเทาแปลกใจไม่น้อยเลย
“อันที่จริง ฉันมาเพื่อใช้หนี้” อันหลินล้วงบัตรธนาคารออกมา พูดกับผู้ชายตรงหน้า
“ใช้หนี้เหรอ หนี้อะไร” ประธานจางทำหน้าฉงนสนเท่ห์
เมื่ออันหลินได้ยินประโยคนี้ก็ชะงัก
พับผ่าสิ คนอื่นติดหนี้แกหลายล้านแกลืมได้ด้วยเหรอ!
“คืนเงินสี่ล้านสองแสนหยวนนั่นไง” มุมปากของอันหลินกระตุก กัดฟันกรอด
ให้ตายเถอะ!
เขาเตรียมตัวจะทำท่าทางเท่ๆ ด้วยการโยนบัตรธนาคารลงบนโต๊ะ
แต่ว่า สีหน้างุนงงของอีกฝ่ายนั่น จะมาไม้ไหนกันแน่
ตอนนี้หวงเฟยเปียวที่อยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวแล้ว “แกยังไม่ได้เจออันหมิงชวนใช่ไหม”
อันหลินมึนงง “แกหมายความว่ายังไง”
หวงเฟยเปียว “อันหมิงชวนจ่ายหนี้หมดแล้ว”
อันหลินได้ยินก็เบิกตากว้าง พูดอย่างตกใจว่า “เป็นไปได้ยังไง เวลาไม่ถึงปี เขาจะไปหาเงินสี่ล้านกว่าจากที่ไหน”
“เรื่องนี้พวกเราไม่รู้เหมือนกัน นายรีบไปหาเขาเถอะ!”
“เขามาขอนายคืนที่บริษัทเราทุกๆ สามถึงห้าวัน บอกว่าใช้หนี้แล้วพวกเราไม่ยอมปล่อยตัวนาย ไม่มีสัจจะ แต่นายอันตรธานหายไปจริงๆ นี่นา พวกเราจะทำอะไรได้ ถูกนายปั่นซะหัวหมุนเลย!”
ประธานจางพูดด้วยสีหน้าเอือมระอา
“แล้วรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน มีช่องทางการติดต่อไหม” อันหลินถามต่อ
ก่อนหน้านี้พ่อเขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปนานแล้วเพื่อหลบหนีเจ้าหนี้ ตอนนี้อันหลินก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
จางหงเทายิ้มแล้วพูดว่า “ที่อยู่ของเขาน่ะไม่รู้หรอก แต่เบอร์โทรก็พอมีอยู่ นายรีบโทรหาเขา บอกเขาให้เลิกมารังควานพวกเราสักที”
…
หลังอันหลินได้เบอร์โทรศัพท์มา เขาไม่ได้ร้อนใจรีบโทรแต่อย่างใด
เขาเดินออกจากประตูบริษัทก่อสร้างหงต๋ามหาชนจำกัด ต่อสายโทรไปอีกเบอร์หนึ่ง
“ฮัลโหล หวงซานซานใช่ไหม ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อย อืม…ช่วยตรวจสอบคนที่ชื่ออันหมิงชวนให้หน่อย หรือก็คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพ่อของฉัน โอเค ขอบใจมาก”
เขาวางสายแล้วสูดหายใจเข้าลึก เดินทอดน่องอย่างไร้จุดหมายบนถนน
แสงแดดร้อนระอุยิ่งนัก สาดส่องไปทั่วหล้า
แต่เขากลับไม่แยแสแม้แต่นิด ในหัวคิดถึงแต่เรื่องราวของผู้เป็นพ่อ
บอกตามตรง เขาคิดไม่ถึงเลยว่า พ่อเขาจะชดใช้หนี้จนหมดแล้ว
มันทำให้เขารู้สึกสับสนอย่างมาก ความเกลียดชังลดน้อยลงโดยไม่รู้ตัว กลับมีความห่วงใยและดีใจเพิ่มพูนขึ้นมา
ปลาเค็มอย่างพ่อสารเลวได้ดิบได้ดีแล้วงั้นเหรอ
…
ผ่านไปสองชั่วโมง หวงซานซานก็ติดต่อมา พร้อมกับข้อมูลที่ละเอียดยิบ
ที่พ่อเขาใช้หนี้สี่ล้านกว่าจนหมดนั้น เป็นเพราะขอหยิบยืมเงินมาจากเพื่อน
มีเพื่อนที่สนิทที่สุดคนหนึ่งให้เขายืมร่วมหลักล้าน
คนที่เหลือก็ให้เขายืมเล็กยืมน้อย จึงรวบรวมมาได้สี่ล้านกว่าหยวน
โชคดีที่ปกติพ่อเขาเป็นคนใจใหญ่ ช่วยเพื่อนไว้ไม่น้อยเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางหาเงินเยอะขนาดนั้นได้ในเวลาอันสั้นหรอก
ตอนนี้เขาเป็นรองผู้จัดการโครงการเขตที่อยู่อาศัยของบริษัทก่อสร้างหลานไห่
กลางวันเข้าไซต์งาน กลางคืนรับงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเพื่อหาเงินมาใช้หนี้
เมื่ออันหลินได้ยินข้อมูลเหล่านี้ ก็รีบจดที่อยู่แล้วมุ่งหน้าไปทันที
ช่วงเวลายามพลบค่ำ ความร้อนจางหาย อุณหภูมิเริ่มลดลง
ไซต์งานค่อนข้างห่างจากตัวเมือง พ่อของเขาพักอยู่ในบ้านพักชั่วคราวของไซต์งาน
ภายในบ้านชั่วคราวยี่สิบกว่าตารางเมตร แม้จะเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย
กลับถูกเขาจัดแจงอย่างมีระเบียบ ไม่รกแม้แต่นิด
อันหลินมาถึงหน้าประตูบ้านพักแล้ว แต่ไม่เข้าไป
เขามองลอดผ่านหน้าตา จดจ้องแผ่นหลังอันคุ้นเคยเงียบๆ
…………………………………