ถึงจะไม่ใช่โรคที่ซับซ้อนมาก แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่มีเคสที่สำเร็จในประเทศ เสี่ยวเชี่ยนจึงกลายเป็นทางรอดสุดท้ายของครอบครัวอาหญิง
“ถ้าหลังจากนั้นมีเรื่องคนไปร้องเรียนเกิดขึ้นฉันจะรับผิดชอบเอง” อาเขยถลึงตาใส่อาหญิง อาหญิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากจะยอมก้มหัวให้เสี่ยวเชี่ยนแต่โดยดี
เสี่ยวเชี่ยนไม่ยื่นบันไดให้อาหญิงก้าวลงแม้แต่ขั้นเดียว เธอเก็บความสงสารเอาไว้ทั้งหมด เธอใจแข็งกับเรื่องนี้มาก
อาหญิงจำเป็นต้องสัญญามาอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ก่อความวุ่นวายอีกตลอดไป สำหรับคนแบบนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเจรจา ถ้ายอมให้หน่อยก็จะได้ใจ คนที่น่าขยะแขยงทำเป็นอยู่อย่างเดียว รังแกคนดีกลัวคนที่แข็งกว่า
“นี่น่ะเหรอลูกสะใภ้ที่แสนดี ลูกชายคนดีที่เธอเลี้ยงมากับมือ” อาหญิงทำอะไรเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ จึงเอาความโกรธไปลงที่แม่อวี๋ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าครั้งนี้แม่อวี๋ไม่ได้เป็นทำนิสัยดีเหมือนในอดีตแล้ว เธอวางตัวเหมือนเสี่ยวเชี่ยน ทำตัวแข็งข้อ
“ลูกสะใภ้ฉันทำอะไรผิด? ลูกชายฉันทำผิดอะไร? พวกเราไม่ได้ทำให้ขาหลี่เจิ้นเป็นแบบนั้นเสียหน่อย ถ้าเสี่ยวเชี่ยนของพวกเรายอมรักษานั่นก็เพราะเขาเป็นคนจิตใจดี ถ้าเขาไม่ยอมนั่นก็เรื่องของเขา เธอจะมาโวยวายกับฉันทำไม อยากอยู่ก็อยู่ ไม่อยากอยู่ก็ออกไป”
คล้ายกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน อยู่ๆจากคนที่มีแต่คนเอาใจกลายเป็นคนที่ใครก็ไม่เอา ภายในใจของอาหญิงรู้สึกรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
เฉินเสี่ยวเชี่ยนมีความสามารถเฉพาะตัว อีกทั้งยังมีวิธีที่จะทำให้ลูกชายเธอกลับมายืนได้อีกครั้ง จะทำตัวแข็งข้อแบบนั้นก็ไม่แปลกอะไร
แต่ทำไมพี่สะใภ้ที่ดีกับเธอมาตลอดถึงทำกับเธอแบบนี้ด้วย?
“ฉันกับเว่ยกั๋วคิดทบทวนดูแล้ว การที่เธอเป็นคนแบบในตอนนี้พวกเราก็มีส่วนผิด พี่คนโตดุจพ่อพี่สะใภ้ดุจแม่ ถ้าในอนาคตอาเขยไม่เอาเธอแล้วพวกเราก็จะส่งเธอกลับบ้านแม่ ให้เธอไปเลี้ยงนกปลูกผักอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ ทำงานเสียบ้างจะได้คิดได้ เว่ยกั๋วโทรไปบอกพ่อกับแม่แล้ว พวกเขาก็เห็นด้วยกับวิธีของพวกเรา”
“แม้แต่พ่อกับแม่ก็รู้เหรอ?” อาหญิงไม่นึกว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้
“พ่อโมโหจนโรคหัวใจเกือบกำเริบ เขารู้สึกผิดที่เมื่อก่อนไม่สั่งสอนเธอให้ดี ตอนนี้ทางออกเดียวของเธอก็คือสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมดซะ ไม่อย่างนั้นเทพองค์ไหนก็ช่วยเธอไม่ได้ จนถึงตอนนี้ยังคิดไม่ได้อีกเหรอ?”
เดิมอาหญิงคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ไม่รู้ทำไมเรื่องถึงพัฒนาไปถึงขั้นที่คุมสถานการณ์ไม่ได้ เฉินเสี่ยวเชี่ยนเด็กผู้หญิงธรรมดาทำให้คนอื่นยอมรับในตัวได้มากขนาดนี้ แม้แต่พ่อแม่เธอก็รู้แล้ว
“งั้นจะพูดให้เข้าใจมากขึ้นอีกหน่อยนะคะ อาการของหลี่เจิ้น80-90%มีคุณเป็นสาเหตุ เดิมเขาไม่ควรมีปัญหาจิตเวชแบบนี้ แต่เพราะมีแม่ที่คิดไม่ได้ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบคุณ เพราะคุณเอาเขามาเป็นข้ออ้างในการทำเรื่องแย่ๆที่ยากเกินกว่าจิตใจส่วนดีของเขาจะรับได้ หลี่เจิ้นถึงได้เป็นแบบนี้ ถ้าคุณยังสำนึกผิดไม่ได้จริงๆเขาก็ไม่มีทางดีขึ้นได้หรอก”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนทำให้อาหญิงสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
“แกมันเพ้อเจ้อ ฉันเป็นห่วงลูกชายมาก แต่เล็กจนโตพยายามทำเพื่อเขาทุกอย่าง แล้วเขาจะไม่เข้าใจฉันได้ยังไง…”
“ดูท่าคุณก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวไปเสียทั้งหมด โลกนี้ยังมีคนที่คุณแคร์อยู่ แต่คุณกลับใช้วิธีเข้าข้างตัวเองทำร้ายคนที่คุณแคร์ การกระทำที่หลี่เจิ้นไม่อาจให้อภัยคุณได้ ไม่อย่างนั้นพอฟื้นขึ้นมาทำไมเขาถึงอยากเจอฉันล่ะ?”
พ่อแม่แบบนี้มีเยอะมากจริงๆ บอกว่าตัวเองทำเพื่อลูก ทำเรื่องแบบนั้นแบบนี้ แต่ตัวลูกกลับไม่โอเค
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง…”
อาหญิงไร้ซึ่งคำตอบโต้ หมดคำจะเถียง ทันใดนั้นโทรศัพท์ของอาเขยก็ดังขึ้นพอดี
“อะไรนะ? อาการแย่ลง?”
อาหญิงได้ยินดังนั้นก็เครียดทันที อยากจะดึงโทรศัพท์มาคุยแต่ถูกอาเขยผลักออก
“ออกไป บ้านนี้ไม่ต้องการคนแบบคุณแล้ว ดูตัวเองซะ ทำลูกจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว”
อาเขยดวงตาเริ่มแดง ส่วนอาหญิงพอได้ยินว่าลูกชายอาการแย่ลงก็ตกใจจนหน้าซีด เอามือปิดปากร้องไห้ออกมา
“ครอบครัวปกติเวลาที่เกิดมีคนในบ้านสุขภาพจิตไม่แข็งแรง สมาชิกคนอื่นๆก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยในระดับที่ต่างกัน พฤติกรรมของคุณส่งผลต่อลูกชายคุณมาตลอด พ่อแม่คือครูที่ดีที่สุดของลูก แต่ก็อาจเป็นครูที่แย่ที่สุดได้ด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้น แล้วเดินไปหาอาหญิงที่กำลังร้องไห้อยู่ “คุณคิดว่าการที่ฉันอยากให้คุณมาขอร้องฉัน เป็นเพราะฉันแค้นคุณ เพราะฉันใจแคบอย่างนั้นเหรอคะ?”
“แล้วไม่ใช่เหรอ?” ตอนนี้อาหญิงไม่รู้แล้วว่าตัวเองพูดอะไร ในสมองมีแต่ลูกชาย
“ฉันยอมรับว่าความแค้นก็ส่วนหนึ่ง แต่ฉันเป็นจิตแพทย์ที่มีจรรยาบรรณ ฉันยังไม่ถึงกับจะปล่อยโอกาสทำเงินไปเพียงเพราะความแค้นที่มีกับคุณหรอก เพราะเงินมันไม่ผิดอะไร”
“แกจะเอาเท่าไร เท่าไรก็บอกมา” อาหญิงถามเสี่ยวเชี่ยน
“เงินน่ะฉันเอาแน่ ตอนนี้ในสายตาของฉันคุณก็แค่ญาติผู้ป่วยคนหนึ่งเท่านั้น แต่คุณจำเป็นต้องรู้ว่าความผิดของตัวเองคืออะไรอย่างถ่องแท้ เพราะอาการของลูกชายคุณจะดีขึ้นได้แค่ไหนก็อยู่บนพื้นฐานการสำนึกผิดของคุณ ถ้าคุณยังคงไม่ปรับปรุงตัว ลูกชายคุณก็อาจยืนไม่ได้อีกแล้ว ไม่เชื่อก็ลองดู”
สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดไม่ถึงกับเป็นการขู่อาหญิงทั้งหมด
ถ้าอาหญิงยังเป็นแบบนี้ต่อไป หลี่เจิ้นอยากหายก็คงไม่ง่าย
จิตใจเด็กทารกของอาหญิงยังไม่ถึงกับเกินเยียวยา เธอนอกจากจะรักตัวเองแล้ว ยังรักลูกชายตัวเองอีก อาหญิงที่ถูกความรักที่มีต่อลูกชายเป็นตัวขับเคลื่อนในที่สุดก็เข่าอ่อนยอมคุกเข่าด้วยความร้อนใจหันไปหาเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนรีบหันตัวไปหลบอยู่หลังแม่อวี๋ การคารวะนี้เธอรับไว้ไม่ได้
“ฉันขอร้องล่ะ ช่วยลูกชายฉันด้วย ต่อให้ฉันจะผิดมากแค่ไหนแต่เขาไม่รู้เรื่องด้วย ช่วยเขาด้วยเถอะนะ ถ้าเธอจะให้ฉันตายต่อหน้า ให้ฉันชดเชยความผิดด้วยชีวิตฉันก็ยอม”
อาหญิงร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ขณะร้อง นอกจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วอีกสองคนก็ไม่สบายใจ
แม่อวี๋เข้าไปพยุงอาหญิงขึ้นมา “ดูทำเข้า มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา คุกเข่าทำไมกัน”
“ถ้าเขาไม่รับปากฉันก็ไม่ลุกขึ้น” ตอนนี้อาหญิงกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
“ลุกขึ้นมาก่อนแล้วฉันจะคุยเรื่องต่อจากนี้” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเอาเรื่องจนพอประมาณแล้ว เธอควรพอ
อาหญิงได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้น มองเสี่ยวเชี่ยนด้วยดวงตาพร่ามัว
“จะให้ฉันรักษามีสองเงื่อนไข หนึ่งคือห้ามบอกคนนอกว่าฉันเป็นคนรักษา หลังจากที่หลี่เจิ้นหายแล้วความลับนี้ก็ต้องเป็นความลับตลอดไป ฉันทำให้เขายืนได้ก็สะกดจิตทำให้เขาพิการได้เช่นกัน จะหาเรื่องใครก็อย่าหาเรื่องจิตแพทย์เข้าใจไหม?”
อันที่จริงนี่ก็แค่เป็นการขู่ เรื่องไร้เหตุผลไร้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รับรองเอามาใช้กับอาหญิงก็ยังคงได้ผลดี เธอรีบพยักหน้าใหญ่ คิดแค่ว่าอยากให้ลูกตัวเองหายไวๆ
“ข้อสอง ฉันจะแบ่งการรักษาออกเป็นหลายขั้นตอน ราคาต่อชั่วโมงคือสองหมื่น เอาเงินส่วนตัวของคุณมาจ่าย ห้ามใช้เงินจากรายได้ของอาเขย”
“เท่าไรนะ?”