คำถามคือ หากคนธรรมดาคนหนึ่งได้รับโอกาสให้กลายเป็นคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง คนคนนั้นจะปฏิเสธมันหรือไม่

 

 

แน่นอนว่าไม่!

 

 

แม้ต้วนจิ่งหงจะอยู่ในวงการเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เธอก็ได้เห็นความดึงดูดใจและความน่าตื่นเต้นของมันมาประมาณหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะยอมรับสภาพของตัวเองในปัจจุบัน หากถังหนิงยินดีที่จะมอบโอกาสให้เธอก้าวข้ามซ่งซินและได้รับชื่อเสียงเงินทองไปพร้อมๆ กัน แม้แต่คนที่โง่เขลาที่สุดก็คงไม่มีวันทิ้งโอกาสอันดีนี้ไป ไม่ต้องพูดถึงคนอย่างต้วนจิ่งหงผู้ถูกซ่งซินกวนใจมาเสมอเลย

 

 

“ฉะ…ฉันต้องทำยังไงบ้าง” ต้วนจิ่งหงประหม่ามากเสียจนพูดไม่ออก

 

 

สำหรับถังหนิงแล้ว นี่อาจเป็นเพียงการตัดสินใจธรรมดาๆ แต่สำหรับต้วนจิ่งหง มันมากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอได้เลย

 

 

“ฉันต้องใช้เวลาสักพักเพื่อวางแผนอย่างเหมาะสม” ถังหนิงกล่าวก่อนจะกดวางสายแล้วหันไปมองหน้าโม่ถิง

 

 

ชายคนนี้ดูจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่เขาเข้าใจแผนการของถังหนิงเสมอ เพราะถึงอย่างไร การข่มเหงในครั้งนี้ก็ได้จุดประกายความคิดในใจของถังหนิงได้มากมาย

 

 

การพาต้วนจิ่งหงเข้าวงการบันเทิงนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ซ่งซินเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด และในเวลาเดียวกัน มันจะช่วยปกป้องท้องของถังหนิงจากแผนการชั่วร้ายด้วยการดึงความสนใจของซ่งซินไปที่อื่น

 

 

ส่วนผู้อาวุโสซ่งนั้น พวกเขาจะจัดการกับเขาหลังจากที่เด็กเกิดมาแล้ว

 

 

สำหรับตอนนี้ ถังหนิงจะรอคลอดลูกด้วยความอดทน

 

 

เช้าวันถัดมา โม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อไปหาข้อมูลเกี่ยวกับต้วนจิ่งหงมาเพื่อดูว่าเธอมีอะไรที่น่าสนใจหรือไม่ หากเธอมีความสามารถอยู่บ้าง พวกเขาก็สามารถเซ็นสัญญาให้เธอเป็นเด็กฝึกงานที่ไห่รุ่ยได้ทันที หากเธอไม่มีความสามารถอะไรเลย พวกเขาก็สามารถหาผู้เชี่ยวชาญสักคนมาช่วยเธอและลองดูสักตั้ง จากข้อมูลที่พวกเขาค้นพบ การทำให้ต้วนจิ่งหงโด่งดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

 

“ต้วนจิ่งหงคนนี้มีหน้าตาและพื้นหลังครอบครัวที่อยู่ในระดับกลางๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรให้ขายเยอะนักยกเว้นเรื่องที่ว่า…เธอเต้นเก่งมาก! ถ้าเราเดบิวต์เธอในวงเกิร์ลกรุป เธอต้องทำได้ดีแน่นอนครับ”

 

 

“งั้นก็เอาแบบนั้นแหละ บอกให้ฟังอวี้เตรียมการและปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็กฝึกงานคนอื่น หากเธอล้มเหลวไม่ว่าจะในแง่ไหนก็ตาม ไล่เธอออกได้เลย!”

 

 

ลู่เช่อรู้สึกสับสน ต้วนจิ่งหงเป็นศัตรูของคุณผู้หญิงไม่ใช่หรือ ถึงอย่างนั้นโม่ถิงกลับไม่ได้สนับสนุนเธอเพียงอย่างเดียว แต่ยังวางแผนที่จะทำให้เธอมีชื่อเสียงอีกด้วย

 

 

โม่ถิงเข้าใจความสับสนของลู่เช่อ ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างเยือกเย็นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า “เพราะความผิดที่ผ่านมา ตอนนี้เธอถึงต้องทำตัวเป็นโล่ยังไงล่ะ”

 

 

“ทำไมเราถึงไม่จัดการกับซ่งซินโดยตรงไปเลยล่ะครับ”

 

 

“นับจากซ่งซินไปจนถึงตระกูลซ่งและความสัมพันธ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว” พูดอีกความหมายหนึ่งก็คือ เด็กน้อยผู้ล้ำค่าของตระกูลโม่กำลังจะลืมตาดูโลกและชายหนุ่มก็ไม่มีเวลาไปจัดการกับคนเหล่านี้ ไม่ว่าปัญหานั้นจะสำคัญแค่ไหน ก็ต้องรอจนกว่าลูกของเขาจะเกิดมา

 

 

“รับทราบแล้วครับ!” ลู่เช่อเปล่งเสียงออกมาอย่างหนักแน่น ตามนิสัยของโม่ถิงแล้ว เขามักจะเป็นคนที่หาทางแก้แค้นในที่ที ทว่าสิ่งนี้ก็ได้อธิบายว่าทำไมเขาถึงจงใจฝึกฝนต้วนจิ่งหงให้ไปแตกหักกับซ่งซิน

 

 

เพราะเด็กน้อยผู้ล้ำค่าของตระกูลโม่กำลังจะลืมตาดูโลก!

 

 

“ท่านประธานคงจะกังวลใจมากเลยสินะครับ”

 

 

โม่ถิงไม่ตอบ ชายหนุ่มเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาชำเลืองมองลู่เช่ออย่างเยือกเย็น เขาพูดไม่ชัดพอหรือไงนะ ไม่ว่าโม่ถิงจะสงบนิ่งแค่ไหน หญิงผู้เป็นที่รักของเขาก็กำลังจะมอบชีวิตให้กับลูกน้อยที่ล้ำค่าของเขา มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ชายหนุ่มจะกังวล

 

 

“จดจ่อกับสิ่งที่นายต้องทำเถอะ อีกอย่าง ช่วยฉันเตรียมนัดกับเจ้าหน้าที่เหลิ่งจากกรมวัฒนธรรมด้วย…”

 

 

“ท่านประธานโม่วางแผนจะพบเขาเป็นการส่วนตัวหรือครับ”

 

 

โม่ถิงไม่ตอบอะไร ทว่าลู่เช่อเข้าใจคำสั่งแล้วรีบถอยออกไปจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายอย่างรวดเร็ว

 

 

ถังหนิงกำลังจะคลอด ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะป้องกันไม่ให้ข่าวใดๆ ก็ตามแพร่ออกไป ในเมื่อซ่งซินชอบการแข่งขันนัก เขาก็จะให้เธอได้แข่งกับเพื่อนรักของตัวเอง

 

 

แน่นอนว่าต้วนจิ่งหงไม่สมควรได้รับความสงสาร ตอนที่ถังหนิงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นครั้งแรก ถังหนิงไม่เคยบังคับให้ต้วนจิ่งหงตกลงยอมรับมันเลย ต้วนจิ่งหงมีทางเลือกที่จะปฏิเสธเสมอ ทว่าหญิงสาวก็ยังเลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้ ดังนั้นจากนี้ไป เธอจึงต้องรับมือกับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง

 

 

ไม่ช้าต้วนจิ่งหงก็ได้รับเอกสารสัญญาจากไห่รุ่ย แม้มันจะระบุเอาไว้ว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานและสามารถถูกไล่ออกได้ทุกเมื่อ เธอก็ยังเห็นคุณค่าของโอกาสนี้

 

 

หญิงสาวอยากจะเห็นเหลือเกินว่าซ่งซินจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้เข้า

 

 

แน่นอนว่าในระหว่างนี้ซ่งซินเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เธอฟ้องร้องไห่รุ่ยและเรียกร้องให้พวกเขายกเลิกสัญญากับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวยังเรียกร้องค่าชดเชยอีกด้วย

 

 

ซ่งซินกล้าพอจะทำเช่นนี้เพราะเธอมีทั้งเซียวอวี่เหอและตระกูลซ่งคอยหนุนหลังอยู่

 

 

ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสซ่งก็ไม่สามารถสั่งให้ซ่งซินทำตามที่สัญญาเอาไว้กับเขาได้ เพราะชายชรายังไม่ได้ทำตามข้อตกลงของตัวเองเช่นกัน ซ่งซินรู้ว่าคุณปู่ของเธอติดค้างสัญญาของเขาอยู่ ดังนั้นเธอจึงแสร้งเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไปพบกับเซียวอวี่เหออยู่เรื่อยๆ เพื่อเตรียมที่จะเริ่มต้นใหม่ในเอเจนซี่ของเขาหลังจากที่ยกเลิกสัญญากับไห่รุ่ยได้แล้ว

 

 

ทางด้าน ‘คนรักที่สาบสูญ’ ขั้นตอนการตรวจสอบนั้นใช้เวลาไม่นานนักก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง แม้จะไม่น่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน แต่สาธารณชนก็ยังประทับใจกับการแสดงของถังหนิงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

แม้ว่าเหล่าแฟนคลับจะไม่พอใจ พวกเขาก็ไม่ได้ไม่พอใจเพราะนักแสดงหรือตัวภาพยนตร์เอง และแม้ว่ายอดขายตั๋วจะไม่ได้สูงเหมือนช่วงที่ภาพยนตร์ออกมาในตอนแรก มันก็ยังข่มภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ฉายอยู่ในตอนนั้นได้มากพอควร

 

 

ซ่งซินสรุปเอาว่าศึกระหว่างเธอกับถังหนิงนั้นสร้างความเสียหายให้ทั้งสองฝ่าย แม้เธอจะไม่ได้กำไรจากมันเลย แต่ถังหนิงเองก็ไม่ได้อะไรเช่นเดียวกัน สถานการณ์ในขณะนี้เพียงแค่ดูไม่สู้ดีนัก

 

 

แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะของขวัญชิ้นใหญ่ที่ถังหนิงเตรียมเอาไว้ให้ซ่งซินนั้นยังไม่ถูกจัดส่ง

 

 

ระหว่างที่ซ่งซินและไห่รุ่ยกำลังสู้กันอยู่ในชั้นศาล ถังหนิงก็ได้ย้ายเข้าไปในแผนกผดุงครรภ์ของโรงพยาบาลแล้ว ลูกคนแรกของเธอและโม่ถิงกำลังจะออกมาลืมตาดูโลกใบนี้! ทว่าเหล่าสื่อมวลชนไม่ได้ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้เพราะโม่ถิงปิดข่าวเอาไว้อย่างแน่นหนา และเพราะการต่อสู้ในชั้นศาลของซ่งซิน ความสนใจของเหล่าสื่อมวลชนจึงไปอยู่ที่อื่นโดยสมบูรณ์จนลืมเรื่องที่ถังหนิงกำลังจะคลอดลูกไปชั่วคราว

 

 

ไป๋ลี่หวาและซย่าอวี้หลิงทิ้งทุกอย่างที่บริษัทเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงที่โรงพยาบาล ผู้หญิงทั้งสองคนนี้มีสามีที่ห่วยแตกด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นพวกเขาจึงสนิทกันอย่างรวดเร็วราวกับพี่สาวน้องสาวและรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบกันให้เร็วกว่านี้

 

 

ถังจิ้งเซวียนยังเชิญสวี่ชิงเหยียนมาเหมือนทุกครั้งและตั้งตารอการมาถึงของหลานชายหรือหลานสาวของเขา ทว่าเจ้ามนุษย์ตัวน้อยกลับไม่ยอมออกมา

 

 

เป่ยเฉินตงเองก็ถูกหันซินเอ๋อร์ลากมาที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน หลังจากที่เหลือบมองท้องของถังหนิงอย่างไวๆ แล้ว ชายหนุ่มก็พูดเย้ยหยันว่า “เราสองคนไม่ต้องมีลูกกันเถอะ”

 

 

หันซินเอ๋อร์สวนกลับอย่างรวดเร็ว “ใครจะไปอยากมีลูกกับนาย”

 

 

“ฉันรับพวกคนอ้วนไม่ไหวน่ะ เป็นแบบที่เธอเป็นตอนนี้นั่นละดีแล้ว…”

 

 

ถังหนิงหัวเราะลั่นกับคำพูดของเป่ยเฉินตงพลางถามหันซินเอ๋อร์ว่า “ตานี่เลิกนิสัยขี้เกียจหรือยัง”

 

 

“ฉันไม่คาดหวังกับเขาหรอกค่ะ!” หันซินเอ๋อร์ยักไหล่

 

 

การตอบโต้ของโม่ถิงงั้นหรือ ชายหนุ่มรีบไล่เป่ยเฉนตงออกจากห้องอย่างรวดเร็วแล้วอธิบายว่า “ผมไม่อยากให้เขามาส่งผลกระทบต่อกรรมพันธุ์อันสมบูรณ์แบบของลูกผมน่ะ”

 

 

หลังจากนั้นเฉินซิงเหยียนก็เข้ามาเยี่ยมเช่นกัน แม้ว่าเธอจะยังเขินอายเวลาอยู่ใกล้โม่ถิง หญิงสาวก็ทักทายเขาว่า ‘พี่ใหญ่’ เธอไม่ได้ทำเช่นนี้เพื่อตัวเองแต่เพื่ออันจื่อเฮ่า โม่ถิงจะได้เลิกทำให้ชายหนุ่มต้องลำบากเสียที…