บทที่ 37 ชื่อเสียงป่นปี้ ถูกขับไล่ออกจากราชวิทยาลัย

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

ไม่นาน ก็มีโต๊ะเตี้ยอีกโต๊ะวางอยู่ที่ด้านล่างขวาของนาง และนางกำนัลก็พาเย่เฟิงเข้ามานั่ง

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วขึ้น

เย่เฟิง เขาเป็นแค่ชาวบ้านก็มีที่นั่งด้วยเหรอ?

งั้นทำไมกู้ชูหยุนถึงไม่มีที่นั่งล่ะ?

มือสองข้างของกู้ชูหยุนกำหมัดแน่นใต้แขนเสื้อ ใบหน้าที่อ่อนโยนและสวยงามนั้นเต็มไปด้วยความร้อนรน

นางคิดว่า ข้ารับใช้จะเตรียมโต๊ะเตี้ยอีกโต๊ะ แต่นางรออยู่นานสองนานก็ยังไม่มีใครพานางไปนั่ง นางจึงถามนางกำนัลข้างๆ

“ข้าขอถามได้ไหมว่า เจ้าลืมวางโต๊ะเตี้ยอีกโต๊ะหรือเปล่า”

นางกำนัลส่ายหน้าอย่างงุนงง “ไม่ได้ลืมนะเจ้าคะ ด้านบนจัดที่นั่งตามนี้เลยเจ้าค่ะ”

“คนที่เข้ารอบชิงชนะเลิศไม่มีที่นั่ง? ข้าเห็นแต่ละแคว้นผู้ที่เข้ารอบสามคนสุดท้ายมีที่นั่งกันหมด” ด้วยตำแหน่งและฐานะ นางไม่ได้ด้อยไปกว่าชิวเฟิงเลย แต่ทำไมชิวเฟิงถึงมีที่นั่ง แต่นางกลับไม่มีที่นั่งล่ะ

“ข้าน้อยก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ”

ผู้คนมากมายต่างก็มองไปที่กู้ชูหยุน และสุมหัวซุบซิบกัน

กู้ชูหยุนแม้จะเป็นบุตรอนุภรรยา แต่นางมีพรสวรรค์หลายด้าน ไปไหนก็มีแต่คนชื่นชมนาง ยังไม่เคยมีใครว่านางไม่ดีเลย

และวันนี้เป็นเพราะกู้ชูหน่วนกับกู้ชูหลัน นางถึงได้โดนคนอื่นว่าไปด้วย นางรู้สึกโมโหมาก

กู้ชูหน่วนกะพริบตาเป็นประกาย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่รอง พี่ยังไม่มีที่นั่งเหรอ มานั่งกับข้าไหม”

นางพูดอย่างไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย แต่สายตาของกู้ชูหยุนกลับประกายไปด้วยความเย็นชา

ถ้านางนั่งลงไปจริงๆ พรุ่งนี้คนทั่วพระนครไม่รู้ว่าจะแพร่เรื่องนี้ออกไปยังไงอีก

ข่มอารมณ์แค้นในใจไว้ นางพูดตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอก ข้ายืนแบบนี้ได้ ขอบใจน้องสามนะ”

กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มอย่างได้ใจ

ด้านหลังของนางมีพวกนักเรียนราชวิทยาลัยยืนอู่ไม่น้อย

มองแค่แวบเดียว นางก็เห็นกู้ชูหลันในหมู่ผู้คนแล้ว

ตอนนี้กู้ชูหลันกำลังปิดหน้าค่าตา ก้มหน้า เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะจำนางได้

กู้ชูหน่วนตะโกนอย่าง ‘เป็นห่วง’ ว่า “น้องห้า พี่รองไม่มานั่ง เจ้ามานั่งไหม ยังไงที่นั่งก็มีเหลือเฟือเลย”

พอพูดแบบนี้ออกไป ทุกคนต่างมองกู้ชูหลันด้วยสายตารังเกียจ บางคนก็ด่าออกไปซึ่งๆหน้ากันเลยทีเดียว

“กู้ชูหลันยังอยู่อีกเหรอ? นังคนไร้ยางอายอยู่ที่นี่ด้วย ข้าเห็นแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน”

“ไสหัวไปเลยนะ ไสหัวออกจากราชวิทยาลัยไป เรียนที่เดียวกับเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกอยากอ้วก”

กู้ชูหลันกำหมัดแน่น อยากจะตบกู้ชูหน่วนใจจะขาด

กู้ชูหน่วนตั้งใจแน่นอน กู้ชูหน่วนอยากทำให้ชื่อเสียงของนางป่นปี้

“โครม……”

ไม่รู้ว่าใครผลักนาง ดูหนักอยู่พอสมควร จนนางล้มลงไปกับพื้น ฝ่ามือถลอกจนมีเลือดซึมไหลออกมา

“กู้ชูหลัน เจ้าจะหน้าด้านไปไหน เจ้าทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนั้นแล้ว ยังกล้าอยู่ที่ราชวิทยาลัยนี้อีก”

“ข้า……ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้ามาเรียนที่ราชวิทยาลัย ทำไมข้าถึงมาไม่ได้”

กู้ชูหลันมองอ๋องเจ๋ออย่างน้อยใจ หวังอยากให้อ๋องเจ๋อช่วยตัวเองพูดหน่อย แต่แววตาที่เย็นชาคู่นั้นของอ๋องเจ๋อ ไม่เคยมองนางเลยสักครั้ง ทำให้หัวใจนางดึงลงเหว

พวกนักเรียนในราชวิทยาลัยก็ไม่สนใจว่ามีคณะทูตจากแคว้นอื่นอยู่ด้วย ต่างก็รุมด่ากู้ชูหลันกันหมด

และกู้ชูหน่วนที่เริ่มก่อนกลับกินผลไม้สดใหม่อย่างเพลิดเพลิน

เซียวหยู่เซวียนยืนอยู่ด้านหลังกู้ชูหน่วน

เขาแทบจะหัวเราะทั้งน้ำตา

ยัยขี้เหร่นี่ ร้ายกาจจริงๆนะ

แววตาของเย่เฟิงเย็นชาจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าดูอย่างละเอียดแล้ว ก็มองออกว่า แววตาของเขามีการครุ่นคิดเล็กน้อยแอบแฝงอยู่

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น มองไปที่ใบหน้าบึ้งตึงของกู้เฉิงเซี่ยง พวกขุนนางข้างๆต่างก็พากันหัวเราะเยาะเขา ทำเอาเขาโกรธจนเส้นเลือดปูด กำหมัดแน่น

กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟัง ได้ยินพวกเขาพูดกันรางๆ

“กู้เฉิงเซี่ยง ท่านสอนลูกสาวได้ดีมากเลยนะ ลูกสาวทั้งสามคนเยี่ยมมากเลย ต่างก็เข้ามาเรียนในราชวิทยาลัยได้ คุณหนูสามกับคุณหนูห้าก็ยอดเยี่ยมไปอีก น่านับถือจริงๆนะขอรับ”

คำพูดประชดประชันเช่นนี้ ทำเอากู้เฉิงเซี่ยงโกรธจนไฟลุกท่วมอกไปหมด แต่ก็ต้องตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้งๆว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอกขอรับ”

“ดูสิ ข้าบอกแล้วไงว่าลูกสาวของกู้เฉิงเซี่ยง ไม่ว่าจะเป็นคนไหน เดินไปที่ไหนก็ต้องเป็นจุดเด่นทั้งนั้น พวกเจ้ายังไม่เชื่ออีก” ขุนนางบางคนชี้ไปที่ตรงข้าม

กู้เฉิงเซี่ยงพยายามข่มอารมณ์โกรธไว้ในใจให้ได้มากที่สุด

เขาไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย คนตรงข้ามของราชวิทยาลัยกำลังรังแกกู้ชูหลันอยู่ เขาจะมองไม่เห็นได้ยังไงกัน

เขาโมโหจัด

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น กู้ชูหลันยังมีหน้ามางานชุมนุมแข่งขันบุ๋นอีก

เขายิ่งหงุดหงิดกับคนที่ปากมากประกาศเรื่องที่หลันเอ๋อร์เสียความบริสุทธิ์ออกมา ทำให้จวนเฉิงเซี่ยงต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง เขายังกลายเป็นที่เยาะเย้ยของเพื่อนร่วมงานด้วย

เมื่อกี้ต้องเผชิญหน้ากับคำประชดและดูถูกมากมาย เฉิงเซี่ยงก็พูดด้วยโมโหว่า “พวกลูกสาวของข้าอย่างน้อยก็ได้เข้าเรียนราชวิทยาลัย โดยเฉพาะลูกคนรองของข้า ความสามารถโด่งดังไปทั่วแคว้นเย่ เทียบกับใครบางคนได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”

บรรดาลูกสาวทุกคนของเขา ลูกคนรองทำให้เขาภูมิใจมากที่สุด ขอแค่ลูกสาวของเขากู้ชูหยุนได้ที่หนึ่งในวันนี้ งั้นเขาก็ได้หน้ากลับมาแล้วล่ะ

กู้เฉิงเซี่ยงตั้งความหวังไว้ที่กู้ชูหยุนทั้งหมด

ทันใดนั้นหม่ากงกงก็เดินเข้ามาโดยไม่มีปี่มีขลุย ดับความหวังสุดท้ายของเขาจนสิ้น

ไม่สมควรที่จะอยู่ในราชวิทยาลัยอีกต่อไป มีรับสั่งว่า โบยห้าสิบที ถูกไล่ออกจากราชวิทยาลัย เข้ามาเรียนไม่ได้ตลอดกาล คุณหนูรองกู้ชูหยุนเป็นถึงพี่สาว ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิด ถูกตัดสิทธิ์จากงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นครั้งนี้ และออกไปจากที่นี่ทันที คุณหนูสามกู้ชูหน่วนเพราะตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับกู้เฉิงเซี่ยงแล้ว

กู้เฉิงเซี่ยงทรุดลงกับพื้น สีหน้าซีดเซียว

กู้ชูหลันนังลูกทรพีนั่นถูกไล่ออกไปก็ช่างเถอะ แต่หยุนเอ๋อร์ทำอะไรผิดกัน?

ถ้าถูกตัดสิทธิ์ เขาจะเอาอะไรมากู้ศักดิ์ศรีของเขากลับมา?

กู้เฉิงเซี่ยงร้อนรนใจ กู้ชูหยุนยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่

นางเตรียมตัวสำหรับงานวันนี้มาหลายวันหลายคืน นางยังอยากพึ่งงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นครั้งนี้และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว เพื่อได้ใจของอาจารย์ซ่างกวนด้วย

ถ้าถูกตัดสิทธิ์ไป นางจะพอใจได้ยังไง?

กู้ชูหยุนมองพ่อตัวเองด้วยแววตาร้องขอ

หัวใจของกู้เฉิงเซี่ยงเจ็บปวดจนเหมือนมีเลือดไหล

เขาก็อยากขอร้องฮ่องเต้อยู่หรอก แต่เรื่องผิดศีลธรรมที่หลันเอ๋อร์ทำ ถ้าขอร้องฮ่องเต้ เกรงว่าจะทำให้ฮ่องเต้เกรี้ยวไปมากกว่านี้ ถึงตอนนั้นจวนเฉิงเซี่ยงจะเป็นอันตรายเอาได้

กู้เฉิงเซี่ยงจึงต้องหันหน้าไปทางอื่นอย่างหมดหนทาง

หัวใจของกู้ชูหยุนจมลงสู่ก้นบึ้ง

นางมองดูอาจารย์ซ่างกวนที่สวมชุดสีขาวเป็นประกาย อ่อนโยนและสง่างามอย่างเสียดาย กัดฟันแน่น

“คุณหนูรอง รับพระราชโองการเถอะ” หม่ากงกงพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ

ไม่รอกู้ชูหยุนพูด กู้ชูหลันก็วิ่งเข้ามา ชี้หน้ากู้ชูหน่วนด่าฉอดๆอย่างโมโห

“ข้าถูกใส่ร้าย พวกท่านเชื่อข้าเถอะ กู้ชูหน่วน นางวางแผนใส่ร้ายข้า พวกท่านน่าจะไล่นางออกไปสิ”

“ยังอาจ เจ้ากล้าเพิกเฉยต่อพระราชโองการงั้นเรอะ”

“ข้ามิกล้าเพคะ ข้าแค่……”

“ฮ่องเต้มีรับสั่ง ถ้าคุณหนูห้ากู้ขัดขื่น ก็ลากออกไปประหารเสีย”

พวกทหารเดินเข้ามา ยกกู้ชูหลันขึ้นจากซ้ายขวา แล้วลากออกไปด้านนอกทันที