บทที่ 91 ห้องน้ำชา

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ดูจากความเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจของเผยเยี่ยนแล้ว เขาสามารถกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้แน่ แต่จากความทะนงและปราดเปรื่องของเผยเยี่ยนแล้ว เขาไม่สมควรทำเช่นนี้

อวี้ถังคิดถึงเรื่องบังเอิญต่างๆ ระหว่างนางกับเผยเยี่ยน

ไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องอะไรที่นางไม่รู้อีกแล้วรึ?

อวี้ถังในใจเริ่มลนลาน ยิ่งเห็นว่าท่านลุงใหญ่ย่ำเท้าไปมา เบือนหน้าไปมองทางตรอกเสี่ยวเหมยอยู่หลายครั้ง

มองว่าเหตุใดเผยเยี่ยนยังมาไม่ถึง?

ถ้าเผยเยี่ยนไม่มาจริงๆ จะทำอย่างไรต่อเล่า?

ต้องหาทางรับมือล่วงหน้าหรือไม่?

อวี้ถังไตร่ตรองในใจ ทันใดนั้นก็เห็นเถ้าแก่ใหญ่ถงพาเด็กรับใช้สองคนมาส่งของขวัญแสดงความยินดีให้

นางถึงถอนหายใจเฮือก

เถ้าแก่ใหญ่ถงดีชั่วอย่างไรก็นับเป็นคนสกุลเผย หากว่าวันนี้เผยเยี่ยนไม่โผล่มาจริงๆ ก็ยังพอพูดกลบเกลื่อนไปได้

ทว่า เหตุใดเผยเยี่ยนจึงยังไม่มาอีกเล่า?

เป็นหูซิ่งถ่ายทอดคำพูดคลาดเคลื่อน? หรือว่าเขาเกิดเรื่องจนทำให้ล่าช้า?

อวี้ถังมองท่านลุงใหญ่ยิ้มหน้าบานเข้าไปต้อนรับประสานมือทักทายเถ้าแก่ใหญ่ถง สนทนากันอย่างสนิทสนมยิ่ง

พวกนายท่านอู๋เห็นดังนั้นก็ล้อมวงกันเข้าไป

ซย่าผิงกุ้ยเบียดตัวเองเข้าไปแล้วกระซิบข้างหูท่านลุงใหญ่หลายคำ ท่านลุงใหญ่ขมวดคิ้วแล้วหันหน้ามามองที่หน้าร้าน ก่อนจะสั่งการกับซย่าผิงกุ้ยอย่างจนปัญญา หว่างคิ้วของซย่าผิงกุ้ยก็ปรากฏความจนใจไม่ต่างกัน จากนั้นอวี้ถังก็เห็นเขาหมุนตัวขึ้นไปยืนบนเวทียกพื้นที่ตั้งอยู่ข้างประตูร้าน แล้วตะโกนเสียงดังก้องว่า “ได้ฤกษ์แล้ว”

ประทัดที่เตรียมตัวรออยู่ด้านข้างเนิ่นนานส่งเสียง ‘เปรี้ยงปร้าง’ ทันที

เขม่าควันลอยทั่วทิศ เด็กเล็กๆ ปิดหูวิ่งหนี พวกผู้ใหญ่ก็หลบไปยืนด้านข้าง

อวี้ถังถูกเขม่าควันรมจนต้องปิดหน้าต่าง

ไม่นานก็ได้ยินเสียงตีกลองเคาะฆ้องดังขึ้น

สิงโตเริ่มกระโดดไปมา

อวี้ถังหันไปสั่งซวงเถาว่า “เจ้าลงไปดูเร็วเข้า นายท่านสามมาแล้วหรือยัง?”

ซวงเถารับคำ แล้ววิ่งตึงๆ ลงบันได้ไป

อวี้ถังยืนเงียบๆ ตรงนั้นพักหนึ่ง ซวงเถาก็วิ่งตึงๆ ขึ้นบันไดมาอีกครั้ง สีหน้าค่อนข้างเศร้าหมอง “ยังเจ้าค่ะ! นายท่านสามยังไม่มา”

“สกุลเผยคนอื่นๆ เล่า?” อวี้ถังถามต่อ

ซวงเถาตอบว่า “ไม่มาเจ้าค่ะ ยังไม่เห็นคนของสกุลเผยเลย”

อวี้ถังเริ่มเย็นวาบในใจ

ไม่ว่าหูซิ่งจะถ่ายทอดคำพูดอย่างไร แต่เทียบเชิญจากสกุลอวี้ได้ส่งถึงจวนสกุลเผยแล้ว งานเปิดร้านของสกุลอวี้อย่างไรเผยเยี่ยนต้องรับรู้ ต่อให้ตัวเขาเองมาไม่ได้ หรือไม่อยากมา ก็สมควรส่งคนมาแทนถึงจะถูก

เขาทำเช่นนี้ หรือเพราะมีเรื่องอะไรที่นางยังไม่รู้แล้วทำให้เผยเยี่ยนเกลียดชังสกุลอวี้?

แล้วเรื่องแผนที่จะทำอย่างไร?

อวี้ถังเริ่มกระวนกระวาย รีบร้อนวิ่งลงไปด้านล่าง

การแสดงเชิดสิงโตด้านนอกจบลงแล้ว ท่านลุงใหญ่กับพวกเถ้าแก่ใหญ่ถงกำลังเตรียมตัวตัดผ้าสีเปิดงาน

อวี้ถังคิดจะหนีไปหาเผยเยี่ยนทางด้านหลังร้าน

แต่ด้านนอกพลันมีเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น มีเสียงคนตะโกนว่า “นายท่านสามมาแล้ว!”

อวี้ถังตื่นเต้นดีใจ ไม่ทันสนใจถึงความเหมาะสม ยกกระโปรงแล้ววิ่งออกไปทันที

พวกท่านลุงใหญ่ปลาบปลื้มกันถ้วนหน้า ผ้าสีเปิดงานก็ไม่ตัดแล้ว กรูเข้าไปหาเกี้ยวของเผยเยี่ยนทันที ไม่มีใครสังเกตเห็นอวี้ถังที่ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่ถูกกาลเทศะ

“นายท่านสาม!” อวี้ป๋อไม่คิดว่าสถานการณ์จะพลิกผัน ตอนที่เขาผิดหวังและกำลังยอมแพ้นั้นเอง เผยเยี่ยนก็ปรากฏตัวขึ้น ด้วยความตื่นเต้น เขาจึงยื่นมือออกไปจะเปิดม่านเกี้ยวให้เผยเยี่ยน ยังดีที่เผยหม่านซึ่งอยู่ข้างๆ ตาไว จึงชิงเข้าไปเปิดม่านให้เขาเสียก่อน

เผยเยี่ยนสวมชุดคลุมแขนกว้างคอกลมเนื้อละเอียดสีฟ้าอ่อน ด้านนอกคลุมด้วยผ้าคลุมขนเตียวสีเข้ม ขับให้ดวงหน้าเขาซีดขาวราวกับเครื่องลายครามสีอ่อน มองแล้วเยือกเย็นยิ่งกว่าลมเหนือที่พัดมาเสียอีก คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเขามาร่วมงานศพเป็นแน่

อวี้ป๋อสะท้านสั่นไปทั้งตัว คิดว่าที่ตนเองยื่นมือออกไปช่างเสียมารยาทนัก จึงพูดจาติดขัดขึ้นมาทันที “นาย นายท่านสาม…”

“นายท่านอวี้!” เผยเยี่ยนไม่รอให้อวี้ป๋อพูดจบก็ตัดบทเขาทันที “ขออภัยด้วยที่มาช้า ท่านก็รู้ว่าข้ายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ บางโอกาสไม่สะดวกมาปรากฏตัวในทันทีได้”

สีหน้าของเผยเยี่ยนยังเยียบเย็นดังเก่า ทว่าน้ำเสียงที่ใช้ค่อนข้างราบเรียบ อีกอย่างคำอธิบายยังสมด้วยเหตุและผล อวี้ป๋อจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที “สมควรแล้ว สมควรแล้ว” พูดจบ เขาถึงตกใจว่าตอบไปเช่นนี้ไม่เหมาะสม…ในเมื่อรู้ว่านายท่านสามอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ต่อให้นายท่านสามตอบรับมาร่วมงานเปิดร้านตามมารยาท เขาก็ควรหาทางลงให้นายท่านสาม แล้วปฏิเสธทางอ้อมถึงจะถูก

เรื่องนี้ เป็นเขาที่ทำไม่ถูก

เพื่อจะสานสัมพันธ์กับสกุลเผยแล้ว พวกเขาออกจะกระตือรือร้นเกินไปหน่อย

“นายท่านสาม เชิญดื่มชาด้านในโถงเถอะ!” อวี้ป๋อแม้ไม่ใช่คนหัวไว แต่มีประสบการณ์ค้าขายมานับสิบปี เขาจึงหาทางรับมือได้ทันการ รีบหลีกทางแล้วทำท่าเชิญเผยเยี่ยนเข้าไปในร้าน

เผยเยี่ยนไม่ได้เกรงใจ เชิดหน้ายืดไหล่เดินตรงเข้าด้านในทันที

เผยหม่านที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็ส่งยิ้มน้อยๆ ให้คหบดีในเมืองที่รู้จักไม่ก็ทักทายเหล่าเถ้าแก่ หูซิ่งที่ตามหลังเผยหม่านอีกทีกลับก้มหน้าชิดอกเหมือนกับนกกระทา คล้ายกลัวจะได้สบสายตากับใคร

แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนที่รับใช้ตอนที่ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยยังมีชีวิตอยู่ คนที่อยู่ตรงนั้นต่อให้เขาไม่รู้จัก แต่ผู้อื่นก็รู้จักเขาอยู่ดี ต่างก็เข้ามาเอ่ยทักทายเขาอยู่เนืองๆ

เขาได้แต่ฝืนยิ้มก้มหน้าก้มตาทักทายกลับ หาได้รู้เลยว่า รอยยิ้มของเขาน่าเกลียดกว่าหน้าร้องไห้เสียอีก

ทุกคนต่างสนใจอยากรู้ แต่เพราะเผยเยี่ยนก็อยู่ตรงนี้ จึงไม่มีเวลาสนใจเขา ทั้งไม่มีใครเข้าไปถามว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่

เผยเยี่ยนทางนั้นลงจากเกี้ยวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันไปเห็นอวี้ถังที่ยืนอยู่ตรงมุมประตูใหญ่พอดี นางสวมเสื้อคลุมผ้าเนื้อละเอียดสีคราม ผมดำขลับมวยเป็นทรงก้นหอยสองข้าง ประดับด้วยดอกบัวผ้าสีเหลืองห่าน หากมิใช่บนดอกไม้ผ้ายังมีหยดน้ำค้างที่ไม่รู้ทำจากสิ่งใดประดับไว้ขับให้คนดูแปลกตาอยู่บ้าง มองผาดๆ คงไม่ต่างอะไรกับสาวใช้ที่รดน้ำและชงชาคนหนึ่ง

ในใจของเผยเยี่ยนพลันมีโทสะพุ่งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เหตุใดเห็นคำพูดเขาเป็นเพียงลมพัดผ่านหู

ทำไมจึงไม่รู้จักหยุดหย่อนเสียที

เขาเบิกตากว้างแล้วถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง

อวี้ถังกำลังจมอยู่ในความยินดีที่เผยเยี่ยนปรากฏตัวอย่างกะทันหัน พอถูกเผยเยี่ยนขึงตาใส่ นางพลันโง่งมไปชั่วขณะ

นางไปกวนอารมณ์อะไรเขาอีกหรือ?

อวี้ถังพลันพิจารณาตนเอง…นางก้มหน้ามองชุดคลุมสีเรียบๆ บนตัว…ก็นึกถึงคำที่เขาบอกว่า ‘แต่งตัวให้ถูกต้องเรียบร้อย’ เวลาไปพบเขา…

นางวิ่งหายวับเข้าไปที่โถงด้านหลัง คิดว่าหากตนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนตอนนี้จะทันการหรือไม่ ทันใดนั้นเผยเยี่ยนก็เดินตรงดิ่งมาที่ห้องโถงแล้วเช่นกัน

ท่านลุงใหญ่คิดจะรับรองแขกตั้งน้ำชาให้เขาดื่มที่โถงด้านหลังรึ?

ฐานะอย่างเช่นเผยเยี่ยนนี้ เมื่อมาแล้วย่อมต้องนั่งเป็นประธาน ถ้าไม่มานั่งดื่มชาอยู่โถงด้านหลัง แล้วจะให้เขาไปยืนให้ผู้อื่นชื่นชมอยู่หน้าร้านหรืออย่างไร?

อวี้ถังอยากจะร้องไห้กับความโง่งมของตนเองนัก

แต่ตอนนี้ไม่มีสถานที่อื่นให้หลบแล้ว

หากต้องหลบๆ ซ่อนๆ ราวกับเป็นโจร มิสู้ออกไปทักทายอย่างเปิดเผย อธิบายเรื่องราวสองสามคำ ไม่แน่อาจจะทวงภาพลักษณ์กลับคืนมาได้

อวี้ถังคิดได้ดังนั้น ก็กระแอมเสียงเบาทีหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปคารวะเผยเยี่ยนทันที “นายท่านสาม!”

เผยเยี่ยนใช้หางตากวาดผ่านนางทีหนึ่ง ส่งเสียง “อืม” อย่างเย่อหยิ่ง แล้วเดินผ่านนางไปนั่งที่เก้าอี้ไท่ซือในโถงหลัก

อวี้ป๋อตกตะลึง รู้สึกว่าเผยเยี่ยนคล้ายไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าโกรธเคืองเรื่องใด เหตุใดต้องโกรธเคือง ได้แต่สั่งอวี้ถังเสียงเบาว่า “ให้คนไปเตรียมน้ำชามาเร็วเข้า” จากนั้นก็กระหืดกระหอบไปดูแลเผยเยี่ยน

ต่อให้ท่านลุงใหญ่ไม่สั่ง อวี้ถังก็ต้องเลือกใช้ชาที่ดีที่สุดเพื่อต้อนรับเขาอยู่แล้ว

นางรีบลากซวงเถาหลบไปที่ห้องน้ำชาด้านข้างทันที

พวกนายท่านอู๋และเถ้าแก่ใหญ่ถงต่างกรูเข้ามาที่โถงด้านหลัง หูซิ่งก้มหน้าเบี่ยงตัวไปห้องน้ำชาอย่างเศร้าสร้อย

เขารู้จักอวี้ถัง พอเห็นว่าอวี้ถังกำลังชงชาอยู่ จึงเอ่ยทักทายนาง “คุณหนูอวี้ ข้าขอยืมห้องน้ำชาของท่านพักหายใจสักหน่อยนะขอรับ”

หูซิ่งเป็นพ่อบ้านของสกุลเผย ต่อให้มีลำดับเป็นที่สาม แต่ก็เป็นตัวแทนหน้าตาของสกุลเผย อวี้ถังย่อมหวังให้เขากับสกุลอวี้สนิทสนมกันมากขึ้น

“ท่านพักหายใจไปเถิด!” อวี้ถังตอบอย่างกระตือรือร้น “ซวงเถา ไปหยิบขนมที่ใส่จานให้นายท่านสามเมื่อครู่มาจัดให้พ่อบ้านหูชิมอีกจานหนึ่ง สิ่งนี้บิดาข้าซื้อกลับมาจากหังโจวเมื่อหลายวันก่อน”

อวี้ถังเล่าไป มือก็รินน้ำชาให้หูซิ่งตามไปด้วย

“มิกล้า มิกล้า!” หูซิ่งรีบลุกขึ้นทันที ค้อมตัวถือถ้วยน้ำชาไว้ แล้วพูดกับซวงเถาที่ไปหยิบขนมให้เขาว่า “แม่นางไม่ต้องวุ่นวายแล้ว ข้าจะกินขนมเหมือนกับนายท่านสามได้อย่างไร เจ้ายกไปให้นายท่านสามก็พอแล้ว”

อวี้ถังตั้งใจจะตีสนิทเขา จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แม้บอกว่าให้นายท่านสาม แต่เถ้าแก่ใหญ่ถงก็มิใช่ชิมเหมือนกันรึ? สกุลเรามิได้มีของดิบดีอะไร ท่านเดินทางไปทั่วทิศ คนที่กินของหนานเป่ย มิรู้ท่านจะเห็นว่าเข้าตาหรือไม่? หากไม่ถูกปาก ก็ต้องขออภัยด้วย!”

“ไอหยา ฟังคุณหนูอวี้พูดเข้าสิ” หูซิ่งได้ฟัง สายตาก็หมุนไปรอบๆ นึกได้ว่าหลายครั้งที่อวี้เหวินไปจวนสกุลเผยก็มักพาอวี้ถังไปด้วย ในใจเขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

“คุณหนูอวี้ อีกสักเดี๋ยวท่านว่างหรือไม่ขอรับ” เขาถามหยั่งเชิงอวี้ถัง

หากเปลี่ยนเป็นอวี้ถังเมื่อชาติก่อนคงฟังไม่ออกถึงความนัยที่หูซิ่งต้องการพูด แต่อวี้ถังในชาตินี้เข้าใจความเป็นไปของโลกแล้ว

“โถงหลังยังมีซวงเถาอีกคนแน่ะ!” นางเอ่ยพลางยิ้ม “ข้าแค่มาช่วยดูอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น มีอะไรให้วุ่นวายกันเล่า?”

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี!” หูซิ่งแสร้งทำท่าถอนหายใจ ราวกับว่าจะพูดเรื่องความลับบางอย่าง “ท่านรู้หรือไม่ขอรับ! เพื่อสกุลอวี้ของท่าน ข้าได้ล่วงเกินท่านนายสามเสียแล้ว รอจบเรื่องตรงนี้แล้วกลับสกุลเผยไป พ่อบ้านสามของสกุลเผยจะยังเป็นข้าอยู่หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย?”

อวี้ถังฟังแล้วใจสะท้านทันที

ในสมองพลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา หรือหูซิ่งผู้นี้คิดไถเงินจากสกุลอวี้?

“หมายความว่าอย่างไรหรือ?” นางรีบปั้นหน้ามึนงงออกไปทันที ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

หูซิ่งยังแสร้งถอนหายใจอย่างหนักอก “ข้าเห็นว่าบิดาท่านกับนายท่านสามมีความสัมพันธ์ไม่เลว แต่ก่อนก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ ดังนั้นตอนที่บ้านท่านมาส่งเทียบเชิญ ข้าถึงตอบรับแทนไปเองว่านายท่านสามจะมาร่วมงานแสดงความยินดี ใครจะคิดว่านายท่านสาม…”

เขายังจำได้อยู่เลยว่า ตอนที่ไปเตือนนายท่านสามว่าเวลาสายแล้วควรออกเดินทางเสียที นายท่านสามก็ตีหน้าดำทะมึน…เขาอดจะตัวสั่นไม่ได้

“ท่านว่า ข้าใช่เจตนาดีแต่ทำเรื่องเลวร้ายหรือไม่?” เขาพร่ำบ่นกับอวี้ถังต่อไป “นายท่านสามแม้จะยอมมา แต่ใครจะรู้ว่านายท่านสามคิดอะไรอยู่กันแน่?”

ครั้งนี้ที่นายท่านสามมาร่วมงาน เป็นเพราะเขาทำงานผิดพลาด เดิมก็ไม่ใช่เพราะหน้าตาของสกุลอวี้ เขาถือสิทธิใดทำความดีไม่เปิดเผยชื่อ กระทั่งความซาบซึ้งยังไม่ได้รับ

เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องบอกให้คนสกุลอวี้รับรู้

ทั้งยังต้องพูดให้ไร้ที่ติอีกด้วย

อวี้ถังเบิกตาโตอ้าปากค้าง

ดังนั้น ทั้งหมดนี่คือเรื่องเข้าใจผิดหรือ?

เผยเยี่ยนถูกบีบบังคับให้มาร่วมงานเปิดร้านของสกุลอวี้!

อวี้ถังนึกถึงดวงหน้าเมื่อครู่ของเผยเยี่ยนที่เย็นเยียบเหมือนวันที่หนาวที่สุดของปี ก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นบ้าง

“เหตุใดท่านไม่ส่งคนมาบอกให้เร็วหน่อยเล่า พวกเราจะได้แก้ต่างกับทุกคนได้!” อวี้ถังคิดว่าสกุลตนไม่ควรเป็นฝ่ายแบกรับหม้อใบนี้ จึงรีบร้อนเอ่ยออกไป “นายท่านสามมาหรือไม่มิใช่เรื่องใหญ่อะไร ส่งท่านหรือพ่อบ้านสกุลเผยคนไหนมาล้วนแต่ไม่ต่างกัน”

วาจานางยังไม่ทันพูดจบ ก็รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่ด้านหลังทันที

อวี้ถังหันกลับไปมอง

ก็เห็นเผยเยี่ยนยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำชาด้วยสีหน้าดำเมี่ยมเหมือนก้นหม้อ

————————