เผยเยี่ยนมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?

เขาไม่ควรดื่มชาแล้วนั่งเป็นประธานให้ผู้คนรุมล้อมอยู่ที่โถงด้านหลังหรือ?

สีหน้าของเขาไม่น่ามอง คงมิใช่เพราะได้ยินคำที่นางพูดไปเมื่อครู่กระมัง?

แต่เมื่อครู่นางไม่ได้พูดอะไรสักหน่อยนี่!

อวี้ถังหวนนึกสิ่งที่ตนพูดออกไปก่อนหน้านี้ หูซิ่งที่อยู่ด้านข้างกลับทำท่าเกินจริง เขากระเด้งตัวยืนขึ้นทันควัน พูดจาอึกอักด้วยความหวาดกลัวว่า “นาย นายท่านสาม ท่าน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ? ท่านต้องการสิ่งใดหรือมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”

อวี้ถังได้สติกลับคืนมา

จริงด้วย บางทีเผยเยี่ยนอาจมีเรื่องอื่นถึงเดินมาที่นี่ก็เป็นได้?

นางรีบยิ้มเอ่ยว่า “นายท่านสาม ท่านมีเรื่องอันใดจะสั่งหรือ?”

ต้องทำให้เผยเยี่ยนรู้สึกถึงความกระตือรือร้นในการต้อนรับแขกของนางให้ได้

ต้องรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า ตามคำบอกเล่าของหูซิ่งนั้น เขาถูกลากให้มาลำบากเพราะความเข้าใจผิดของหูซิ่งเอง และเพื่อรักษาหน้าตาของสกุลอวี้จึงจำเป็นต้องมา ไม่ต้องพูดถึงคนที่เย่อหยิ่งอย่างเผยเยี่ยน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ย่อมจะเดือดดาลหนัก จึงไม่แปลกที่สีหน้าเขาจะดูไม่ได้เช่นนี้

อวี้ถังคิดแล้วก็รู้สึกเห็นใจเผยเยี่ยน ท่าทีที่แสดงต่อเขาจึงนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม

“นายท่านสาม ท่านมีเรื่องใดก็สั่งข้ามาตามตรงได้เลย” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

เผยเยี่ยนแม้สักประโยคก็ไม่อยากเปิดปาก

หูซิ่งคนบัดซบผู้นี้ตัดสินใจตารางงานของเขาโดยพลการไม่เท่าไร เขาคิดว่าอย่างไรต้องไว้หน้าสกุลอวี้สักหลายส่วนถึงได้ข่มกลั้นความไม่พอใจแล้วเดินทางมา ผลสุดท้ายคุณหนูอวี้ไม่เพียงไม่รับยอมรับน้ำใจ ยังพูดอีกว่า ‘ส่งพ่อบ้านสกุลเผยคนไหนมาล้วนไม่ต่างกัน’

ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นเช่นนี้ แม้แต่พ่อบ้านสักคนเขาคงไม่ส่งมาแน่ ให้ใครก็ได้ถือของขวัญมาส่งก็สิ้นเรื่องแล้ว

ไม่เห็นต้องสนใจว่าหน้าตาของสกุลอวี้จะอยู่ดีหรือไม่ ถึงขนาดต้องมาด้วยตนเองเช่นนี้…

เขาคร้านจะสนใจอวี้ถัง จึงเดินออกจากประตูห้องน้ำชาไปโดยสายตาไม่เหลียวแล

ด้านหลังที่ตามมาคือเผยหม่านที่ทำหน้ารู้สึกผิด

เขาเอ่ยขอโทษอวี้ถังเสียงเบาว่า “นายท่านสามเมื่อวานแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ใกล้รุ่งเช้าไม่ง่ายที่คิดจะนอนสักงีบ แล้วต้องมาถูกพ่อบ้านหูรบกวนจนตื่น คนจึงไม่ค่อยสบอารมณ์ขอรับ ขอคุณหนูอวี้อย่าได้ถือสา”

ไม่ได้นอนทั้งคืน?

เพราะเรื่องแผนที่รึ?

อวี้ถังค่อนข้างแปลกใจ จากนั้นก็กลายเป็นความรู้สึกซาบซึ้ง นางรีบฉีกยิ้มเอ่ยว่า “ขอบคุญพ่อบ้านใหญ่ที่บอกกล่าว เมื่อครู่พ่อบ้านหูเล่าเรื่องให้ข้าฟังส่วนหนึ่งแล้ว จะว่าไป เป็นสกุลอวี้ของข้าเองที่จัดการเรื่องราวยังขาดประสบการณ์ ในเมื่อรู้ว่านายท่านสามจะมา ก่อนหน้านี้ก็ควรจะส่งคนไปขอคำชี้แนะจากพ่อบ้านใหญ่สักหน่อยว่านายท่านสามชอบดื่มชาชนิดใด ชอบกินอะไรบ้าง พวกเราจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า ตอนนี้ลุกลี้ลุกลน ก็มิแปลกที่นายท่านสามจะขุ่นเคือง”

วาจาที่พูดออกมาช่างชวนให้คล้อยตาม ทั้งไม่ถ่อมตนเกินงามหรือเย่อหยิ่งเกินเหตุ เผยหม่านคิดว่าเขาต้องมองอวี้ถังใหม่เสียแล้ว

มิน่านายท่านอวี้มีเรื่องอะไรก็ชอบพาบุตรสาวผู้นี้ติดตามไปด้วย

เผยหม่านจึงตัดสินใจชี้ทางสว่างให้แก่อวี้ถัง

“คุณหนูอวี้เกรงใจเกินไปแล้ว” เขายิ้ม “นายท่านสามแต่ไหนแต่ไรเป็นคนรักษาสัจจะ ครั้งนี้นายท่านสามมาถึงช้า อย่างไรต้องขอให้คุณหนูอวี้ช่วยอธิบายต่อเถ้าแก่ใหญ่อวี้ฟังสักหลายคำ ตามหลักแล้ว นายท่านสามของข้าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง แต่นายท่านสามรู้สึกว่า แม้พวกท่านจะไม่ได้ส่งคนไปสอบถามล่วงหน้า แต่นั่นก็เพราะพ่อบ้านหูได้ตอบตกลงไปแล้ว นี่ย่อมเป็นความผิดของพ่อบ้านหู เป็นความผิดของจวนสกุลเรา นายท่านสามลังเลว่าแค่ส่งพ่อบ้านสักคนมาร่วมแสดงความยินดีก็ใช้ได้แล้ว แต่กลัวว่าพวกท่านจะจดจ่อตั้งใจรอให้เขามาร่วมงาน เกรงจะทำให้พวกท่านผิดหวัง และผู้อื่นเห็นเป็นเรื่องขำขันไป ถึงได้ตัดสินใจมาด้วยตนเอง เพียงไม่คิดว่าจะมาถึงช้าไปสักหน่อย”

หมายความว่าที่เผยเยี่ยนรีบร้อนเดินทางมา ก็ต้องข่มความยากลำบากเอาไว้ และที่มาด้วยตนเองก็เพราะไม่อยากให้สกุลอวี้ต้องเสียหน้า

อวี้ถังถึงค่อยได้คิดเชื่อมโยงสิ่งที่นางเพิ่งพูดออกไป

จริงแท้ว่าสกุลนางออกจะไม่รู้ดีชั่วอยู่บ้างจริงๆ

ใครทำเรื่องดีๆ ล้วนอยากทิ้งชื่อเสียงเอาไว้ โดยเฉพาะนายท่านสามที่เป็นคนทำสิ่งใดล้วนแยกรักชังออกจากกันอย่างชัดเจน

อวี้ถังเหงื่อตก รีบพูดขึ้นว่า “พ่อบ้านใหญ่ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่รู้ว่านายท่านออกมาเพื่ออะไร แต่ข้าจะไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!”

เผยหม่านเห็นว่านางเข้าใจแล้วก็ดีใจมาก นับว่าตัวเองไม่ได้เปลืองแรงเปล่า ก็ชี้ไปที่ห้องบัญชีแล้วกระซิบยิ้มๆ ว่า “นายท่านสามของข้ายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ จึงไม่เข้าร่วมพิธีตัดผ้าสีเปิดร้าน ข้าจะไปนั่งเป็นเพื่อนนายท่านสามที่ห้องบัญชีของท่านสักครู่ รอให้ตัดผ้าสีเสร็จ ก็คงไปเจอมือปราบจางที่ดูแลถนนฉางซิ่งสักหน่อยแล้วค่อยกลับขอรับ”

อวี้ถังลังเล ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรไปกล่าวทักทายเผยเยี่ยนสักหน่อยหรือไม่

หูซิ่งซึ่งแกล้งตายอยู่ข้างๆ พอได้ยินคำว่า ‘ย่อมเป็นความผิดของพ่อบ้านหู’ ก็คิดว่าตนคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว แต่ใครจะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ เล่า?

เวลานี้เขาต้องใช้โอกาสที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้เป็นประโยชน์ เขาเดินก้มหน้าไปยืนข้างเผยหม่านกับอวี้ถัง ประสานมือแล้วก้มตัวลงต่ำพลางเอ่ยว่า “ขอทั้งสองท่านโปรดชี้แนะ มอบทางรอดให้ข้าสักสาย ช่วยไว้ชีวิตคนในครอบครัวนับสิบของข้าด้วยขอรับ”

เผยหม่านรู้สึกว่าหูซิ่งชอบแสดงละครมากเกินไป ตอนที่เผยเยี่ยนได้ขึ้นเป็นผู้นำสกุลก็ไล่สองพ่อบ้านที่ท่านผู้เฒ่าเคยใช้งานตอนยังมีชีวิตออกไปหมด โดยเฉพาะพ่อบ้านใหญ่คนเก่าที่ถูกไล่ออกไปอย่างน่าอับอาย ถ้าต้องไล่หูซิ่งออกอีกคน อาจทำให้คนในจวนอกสั่นขวัญหาย ถึงได้ยอมเก็บเขาเอาไว้ก่อน

ครั้งนี้เขาทำพลาดอย่างใหญ่หลวง คิดว่าต่อให้เผยเยี่ยนไม่ลงโทษเขา ต่อไปก็คงไม่มีทางให้เขาได้รับผิดชอบงานสำคัญในจวนสกุลเผยอีก

เผยหม่านคำนึงว่าอวี้ถังอยู่ตรงนี้ด้วย ไม่อยากเปิดเผยความขัดแย้งในจวนต่อหน้าคนนอก จึงตอบอย่างขอไปทีว่า “มีอะไรกลับไปคุยที่จวน!”

รอให้กลับไป เช่นนั้นคงไม่เหลือหนทางให้แก้ไขอะไรแล้ว

หูซิ่งแทบร้องไห้ออกมาเต็มแก่

เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไป หันไปขอร้องอวี้ถังราวกับคนป่วยหนักที่ไม่เลือกหมอ “คุณหนูอวี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นายท่านสามของพวกเราเบื้องหน้าเย็นชาแต่ในใจกลับอบอุ่น นับแต่ที่นายท่ามสามเข้ามาดูแลสกุล ทั่วทั้งเมืองหลินอันก็มีแต่นายท่านอวี้ที่พอมีหน้ามีตาได้พบนายท่านสามของข้าบ่อยๆ ข้าถึงได้เข้าใจผิด…”

คำพูดของเขายังพูดไม่ทันจบ เผยหม่านก็ขมวดคิ้วแน่น

หูซิ่งผู้นี้ เหตุใดพูดจาเช่นนี้เล่า?

แม้เขาจะรู้สึกว่าเผยเยี่ยนปฏิบัติต่ออวี้เหวินอย่างปกติทั่วไป แต่เมื่อหูซิ่งพูดจาเช่นนี้ออกมาต่อหน้าคุณหนูอวี้ มิใช่ทำให้สกุลอวี้เข้าใจว่าสกุลเผยไม่เคยเห็นสกุลอวี้อยู่ในสายตาหรือ? เช่นนั้นที่นายท่ามสามรีบร้อนเดินทางมาจะมีความหมายอันใดเล่า?

เผยหม่านตัดบทหูซิ่งอย่างไม่พอใจ “ข้าบอกว่ามีเรื่องอะไรค่อยกลับไปคุย? ไม่อย่างนั้นเจ้าก็กลับไปก่อนเถิด ในจวนยังมีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ”

จะเชิญใครเข้าร่วมงานประมูลแผนที่บ้างนั้น หลายวันนี้เผยเยี่ยนได้กำหนดรายชื่อออกมาแล้ว ขอเพียงรอสกุลเถาลองเดินเรือว่าไม่มีปัญหา ถึงค่อยกระจายข่าวออกไป เวลานั้นสกุลเผยค่อยส่งเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านั้นพวกเขายังต้องเตรียมสถานที่ที่จะใช้ประมูลให้พรักพร้อม จัดการเรื่องที่พักของแขก เพื่อป้องกันไม่ให้สองสกุลที่เป็นศัตรูเกิดปะทะกันขึ้นเป็นต้น ยังมีธุระอีกนับไม่ถ้วนที่ต้องวุ่นวาย เขาหาได้มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับหูซิ่งอยู่ตรงนี้

เขาใช้สายตาคมกริบจ้องหูซิ่ง บังคับให้หูซิ่งรีบปิดปาก

อวี้ถังเข้าใจชัดเจนถึงต้นสายปลายเหตุแล้ว นางส่งยิ้มให้เผยหม่านด้วยความรู้สึกผิด แล้วหยั่งเชิงไปว่า “พ่อบ้านใหญ่ ท่านว่าข้าสมควรไปขอโทษนายท่านสามเป็นการส่วนตัวหรือไม่? เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ สกุลข้าก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ”

แม้นางจะรู้สึกว่าความผิดของสกุลเผยจะมากกว่าหน่อย แต่อยู่ใต้ชายคาคนอื่น จำเป็นต้องก้มหัว นางได้แต่แบกหม้อใบนี้ไว้ แล้วยอมรับผิดก็เท่านั้น!

เผยหม่านนับว่าเข้าใจนิสัยของเผยเยี่ยนดี เขาพูดอะไรออกมาตั้งมากมาย ก็เพราะหวังให้อวี้ถังแสดงท่าที ทำให้เผยเยี่ยนอารมณ์เบิกบานขึ้นมาหน่อย เช่นนี้การร่วมมือของสองสกุลก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น

“สมควรขอรับ” เขาเอ่ยอย่างชี้เป็นนัยๆ “นายท่านสามชอบความสงบเงียบ เถ้าแก่ใหญ่อวี้จึงไม่ได้ให้คนอยู่เป็นเพื่อนขอรับ”

ก็หมายความว่า เผยเยี่ยนในเวลานี้อยู่เพียงลำพังน่ะสิ!

อวี้ถังรับน้ำใจจากเผยหม่าน ขอบคุณเขาซ้ำไปมา แล้วพุ่งไปที่ห้องบัญชี

เผยเยี่ยนนั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือในห้องบัญชี มีเพียงเด็กรับใช้หนึ่งคนคอยดูแลอยู่ข้างๆ

อวี้ถังรีบเดินเข้าไปคารวะเบื้องหน้าเผยเยี่ยน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านสาม คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาร่วมงานเปิดร้านของสกุลข้า ตระเตรียมสิ่งใดไม่รอบด้าน ขอท่านอย่าได้ถือสา เมื่อครู่ข้าเพิ่งถามจากพ่อบ้านใหญ่และพ่อบ้านสามมาว่าท่านไม่ชอบกินสิ่งใดบ้าง แต่พ่อบ้านใหญ่บอกข้าว่าอีกสักครู่ท่านก็จะกลับแล้ว คงไม่อยู่กินข้าวที่นี่ด้วย ข้าให้คนเตรียมอาหารมังสวิรัติส่งไปที่จวนท่านหนึ่งโต๊ะ หากท่านไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้รับเอาไว้ด้วย”

เผยเยี่ยนยกคางเหลือบมองอวี้ถังแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบว่า “คุณหนูอวี้ไม่ต้องเกรงใจ ข้าดื่มชาสักถ้วยก็จะกลับแล้ว อาหารมังสวิรัติอะไรนั่น ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายหรอก” พูดจบ ก็หันไปมองเผยหม่านทีหนึ่ง

เผยหม่านรีบส่ายหน้าเบาๆ แสดงชัดว่าตนไม่ได้เป็นคนพูด

เผยเยี่ยนรู้สึกว่าความหงุดหงิดในใจค่อยๆ หายไปเล็กน้อยแล้ว

อวี้ถังลองชวนเผยเยี่ยนคุยเรื่องสัพเพเหระ “ของที่ดีที่สุดในเรือนก็คือใบชาซิ่นหยางเหมาเจียน[1]แล้ว ไม่รู้ว่าท่านดื่มได้คุ้นเคยหรือไม่? ดีที่ร้านชาที่ใหญ่และดีที่สุดของเมืองหลินอันอยู่ไม่ไกลจากเรือนข้า หากว่าท่านไม่ชอบชาซิ่นหยางเหมาเจียน ข้าจะให้คนไปซื้อชาที่ท่านชอบดื่มมาให้”

พูดถึงตรงนี้ เผยเยี่ยนก็รู้สึกถึงกองไฟที่ลุกไหม้อยู่กลางอก

เขาอดจะแสยะยิ้มเอ่ยเสียงเย็นไม่ได้ “ซื้อใบชาที่ข้าชอบจากร้านค้าสกุลข้า?”

อวี้ถังอึ้งไป ก่อนจะยิ้มแป้นส่งให้เขา

นางลืมไปว่าร้านค้าใบชาที่ใหญ่และดีที่สุดของเมืองหลินอันเป็นของสกุลเผย

แต่ถ้านางไม่ไปซื้อที่ร้านค้าใบชาของสกุลเผย แล้วจะให้นางไปหาซื้อจากที่ใดเล่า?

อวี้ถังค่อยเอ่ยเอาตัวรอดไปก่อนว่า “เช่นนั้นรอวันไหนญาติผู้พี่ข้าไปเมืองหังโจวจะให้เขาซื้อกลับมาหน่อยก็แล้วกัน”

สกุลอวี้กับสกุลเซียงกำหนดวันแต่งงานไว้แล้วคือวันที่สิบหก เดือนสาม ก่อนวันงานคนสกุลหวังคิดจะไปหังโจวเพื่อเตรียมของใช้วันแต่งงานให้อวี้หย่วน คนสกุลเฉินนับแต่เข้าหน้าหนาวก็ไม่เคยล้มป่วยอีก สุขภาพแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก จึงคิดว่าถึงเวลานั้นจะพาอวี้ถังติดตามคนสกุลหวังไปเดินเล่นซื้อของที่เมืองหังโจวด้วย

เผยเยี่ยนรู้สึกว่าคุณหนูอวี้ผู้นี้ช่างหัวรั้นไม่รู้มารยาท จึงแสยะยิ้มใส่ทีหนึ่ง แล้วไม่แยแสนางอีก

อวี้ถังงุนงงไปหมด

เป็นอะไรไปอีกล่ะ?

หรือว่าพูดจาเช่นนี้ก็ไม่ได้?

นายท่านสามสกุลเผย ช่างอารมณ์แปรปรวนเสียจริง!

อวี้ถังก็คร้านจะเอาใจเขาแล้ว อย่างไรต่อให้พูดดีไปเขาก็ไม่คิดยอมรับ ไม่สู้มีงานอะไรก็ออกไปจัดการเสีย

อีกอย่าง ดูจากเรื่องที่เผยเยี่ยนยอมมาร่วมงานแสดงความยินดีวันเปิดร้านสกุลนางด้วยตนเองเช่นนี้ นางยิ่งเชื่อว่าเผยเยี่ยนไม่เพียงเป็นคนพูดจาคำไหนคำนั้น ทั้งยังเป็นคนรักษาสัจจะยิ่งชีพ ขอเพียงเป็นเรื่องที่เขารับปาก ไม่ว่าจะด้วยตนเองก็ดีหรือผ่านผู้อื่นก็ช่าง แม้เขาจะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ก็จะทำตามนั้น

ดังนั้นเรื่องแผนที่ ไม่ว่าเผยเยี่ยนจะมองสกุลอวี้ด้วยสายตาเช่นไร เขาก็ย่อมจะจัดการเรื่องราวได้อย่างเรียบร้อยเหมาะสมเป็นแน่

อวี้ถังพลันมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นหลายส่วน

นางเลิกสนใจแล้วว่าเผยเยี่ยนจะอารมณ์ดีหรือไม่ สั่งการซวงเถาทันทีว่า “ไปบอกซย่าผิงกุ้ยที ให้เขาไปซื้อใบชาชั้นเลิศสักหลายชนิดจากร้านชาข้างๆ แล้วสั่งอาหารมังสวิรัติชั้นเยี่ยมหนึ่งโต๊ะจากหอสุราไปส่งที่จวนสกุลเผย”

เผยเยี่ยนจะรับหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ส่วนจะมอบหรือไม่มอบให้นั้นเป็นมารยาทของพวกนางสกุลอวี้

————————————————————-

[1]ชาซิ่นหยางเหมาเจียน เป็นชาคุณภาพสูง เป็นชาเขียวปลูกบนภูเขาสูง มีรสชาติและกลิ่นหอมชั้นเลิศ น้ำชาที่ได้จะมีสีเขียวนวลสดใส กลิ่นหอมสดชื่นละมุนละไม รสเข้ม