ตอนที่ 179 กิ่งท้อขจัดเสนียดจัญไรได้

พันธกานต์ปราณอัคคี

“ชิงเฉิน?” ยามที่คุณชายหลี่ได้ยิน ‘ชิงเฉิน’ สองคำก็ชะงักงันเช่นกัน ปากบ่นพึมพำว่า “มั่วชิงเฉิน หา แม่นางมั่ว เจ้า เจ้าคือแม่นางน้อยชุดขาวคนนั้น?” 

 

 

มั่วชิงเฉินตกตะลึงอีกครั้ง นางนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเหตุใดคนคนนี้ถึงจำตนได้ 

 

 

ที่จริงพูดออกมาแล้วกลับไม่ใช่เรื่องแปลก ปีนั้นคุณชายหลี่ก็เพราะเห็นมั่วชิงเฉินและมั่วหนิงโหรวไกวชิงช้า ถึงได้ยินสหายพูดถึงเรื่องตระกูลเซียน และก็ในวันนั้นนั่นเองที่เขาเริ่มต้นวาสนาการเป็นเซียน นับแต่นั้นเข้าสู่เส้นทางที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงสายหนึ่ง 

 

 

สามารถพูดได้ว่า เหตุการณ์มั่วหนิงโหรวและมั่วชิงเฉินไกวชิงช้า เป็นจุดเริ่มต้นของหลักชัยอันหนึ่งในชีวิตเขา สำหรับคำพูดของพวกนางพี่น้องสองคนในปีนั้นได้สลักเข้าไปในสมองของเขาตั้งนานแล้ว พริบตาเดียวยี่สิบกว่าปีผ่านไป เขายังคงจำได้ว่าเด็กผู้หญิงชุดชมพูคนนั้นชื่อมั่วหนิงโหรว เด็กผู้หญิงชุดขาวชื่อมั่วชิงเฉิน  

 

 

“คุณชายหลี่ ไม่คิดว่าเรื่องตั้งหลายปีมาแล้วเจ้ายังจำได้” มั่วชิงเฉินกระดกมุมปาก ในใจกลับยิ่งอยากรู้มากกว่าว่าคนคนนี้ตกลงทะลุมิติมาเหมือนนางใช่หรือไม่ 

 

 

ครั้งนี้คุณชายหลี่พิจารณามั่วชิงเฉินอย่างตั้งใจ ในใจยังจำได้ถึงความตะลึงที่เห็นเด็กผู้หญิงชุดขาวเป็นครั้งแรก วันเวลาต่อจากนั้นยามนึกถึงเรื่องเก่าก่อนเป็นครั้งคราว ก็จะแอบคิดว่าหากเด็กผู้หญิงคนนั้นเติบใหญ่แล้วจะเป็นคนงามหยดย้อยเพียงใด ทุกครั้งที่ถึงเวลานั้น เขาก็จะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่ไม่อาจเห็นกับตา 

 

 

ทว่าบัดนี้ดูแล้ว นางแต่งตัวค้อมต่ำ ความงามไฉไลอ่อนเยาว์บนใบหน้าถูกผมบดบัง คนไม่รู้ดูแล้วก็คิดเพียงว่าเป็นเด็กสาวหน้าตาหมดจดคนหนึ่งเท่านั้น 

 

 

นึกถึงตรงนี้ในใจคุณชายหลี่เหมือนมีแมวข่วนขึ้นมาทันที คนเช่นเขามีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่ง ต้านทานแรงดึงดูดของความงามไม่อยู่ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้แค่เอื้อมยังไม่อาจเห็นได้ นอนไม่หลับสิ้นดี 

 

 

“คุณชายหลี่ แม่นางมั่ว พวกท่านนี่คือ?” เห็นสองคนเริ่มประสานสายตากันอีกแล้ว คุณชายสี่ออกปากพูดแทรก 

 

 

คุณชายหลี่ได้สติกลับมา “หลายปีก่อน ข้าและแม่นางมั่วมีวาสนาได้พบกันครั้งหนึ่ง พูดไปแล้ว พวกเรายังเป็นคนบ้านเดียวกัน” 

 

 

คุณชายหกคิดไปเองว่ามีคำอธิบายต่อความผิดปกติก่อนหน้านี้ของมั่วชิงเฉินแล้ว ถอนใจว่า “เช่นนี้แล้ว คุณชายหลี่และแม่นางมั่วมีวาสนามากนะ” 

 

 

“ก็นั่นน่ะสิ ถูกแล้ว แม่นางมั่ว เหตุใดเจ้าถึงมาทะเลขนาบใจได้ล่ะ? ข้าจำได้ว่าปีนั้นแม่นางน้อยที่อยู่ด้วยกันกับเจ้าคือพี่สิบสี่ของเจ้าสินะ บัดนี้นางอยู่ไหน?” คุณชายหลี่สีหน้าเปิดเผย ถามติดๆ กันว่า 

 

 

มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปากแล้วถึงว่า “ชิงเฉินออกมาฝึกตน มาถึงที่นี่ด้วยความบังเอิญเท่านั้น” ข้ามคำถามข้างหลังไป 

 

 

“ฮ่าๆ พบสหายเก่าในต่างแดนเป็นความอภิรมย์ของชีวิต ทั้งสองท่านยิ่งต้องดื่มหนึ่งจอกใหญ่” คุณชายสี่พูดพลางดันสุราทิพย์ข้ามมา 

 

 

ทุกคนดื่มกันอย่างรื่นรมย์ ผลไม้ทิพย์สุราเซียนบนโต๊ะยาวกระจ่างหมดไปกว่าครึ่ง ทันใดนั้นคุณชายสี่ลุกขึ้น สองสามก้าวเดินไปถึงข้างต้นท้อแก่หักกิ่งท้อลงมากิ่งหนึ่ง เดินกลับมาเนิบๆ ยื่นให้มั่วชิงเฉินว่า “แม่นางมั่ว ดอกท้อสาวงาม ส่งเสริมกันให้งามยิ่งขึ้น กิ่งดอกท้อนี้ก็ขอมอบให้แม่นางมั่วแล้ว ขออย่าได้รังเกียจ” 

 

 

มั่วชิงเฉินในใจบีบรัดคราหนึ่ง ที่หยางปี้อู่เตือน ก็คือตรงนี้ใช่หรือไม่? 

 

 

เห็นมั่วชิงเฉินลังเล คุณชายสิบเจ็ดพูดแทรกว่า “แม่นางมั่วไม่รู้อะไร ต้นท้อต้นนี้เป็นพันธุ์ประหลาด กิ่งท้อมีฤทธิ์ในการไล่เสนียดจัญไร แม้ถูกหักลงมาแล้วกลับดอกบานไม่รู้โรย พกติดตัวไว้กลิ่นหอมไม่หาย ต่อให้เป็นหยกหานเซียงก็เทียบไม่ติด เป็นของที่หญิงสาวในทะเลขนาบใจของเราละเมอเพ้อหา” 

 

 

มั่วชิงเฉินเหลือบมองคุณชายหกปราดหนึ่ง กลับเห็นคุณชายหกพยักหน้าแผ่วเบา เห็นชัดว่าบอกใบ้ให้นางรับไว้ ดูแล้วคำพูดของคุณชายสิบเจ็ดไม่ผิด 

 

 

มั่วชิงเฉินยอมรับ ตนใจหวั่นไหวแล้ว สามารถทำเป็นถุงหอมอะไรประเภทนั้นนางกลับไม่ใส่ใจ ที่สำคัญคือความสามารถในการไล่เสนียดจัญไรช่างยากจะปฏิเสธโดยแท้ 

 

 

ต้องรู้ว่าโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมหัศจรรย์พันลึก เรื่องประหลาดมากมี บัดนี้สถานที่ที่นางเดินทางไปฝึกตนยังน้อย วันหลังยากจะหลบเลี่ยงต้องพบเจอภูตผีบ้าง และอาวุธเวทสมบัติวิเศษประเภทสามารถพิชิตภูตผีได้ ล้วนเป็นของค่อนข้างนอกลู่นอกทาง ปกติผู้บำเพ็ญเพียรยากจะพบเจอ หากมีกิ่งท้อกิ่งนี้แล้ว เมื่อใดที่เจอภูตผี นางก็ไม่ต้องอับจนหนทางโดยสิ้นเชิงแล้ว  

 

 

“พวกเจ้าสัมผัสได้ว่ากิ่งท้อนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่?” มั่วชิงเฉินแอบสื่อสารกับผึ้งวิญญาณเลือดมรกต 

 

 

ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตส่งความรู้สึกปีติยินดีมา มั่วชิงเฉินรู้ว่าผึ้งวิญญาณเลือดมรกตปัญญาวิญญาณไม่สูง ส่งผ่านความรู้สึกเช่นนี้มาให้ก็หมายความว่ากิ่งท้อนี้ไม่มีปัญหา 

 

 

ความกังวลในใจยังคงมีอยู่ ของล้ำค่าที่มอบให้ถึงมือเห็นชัดว่าไม่ควรรับ ทว่าเพียงเพราะกลัวหลุมพรางก็ปฏิเสธของล้ำค่า นี่ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการปฏิบัติตัวตลอดมาของนาง หากไม่ว่าเรื่องอะไรก็หดมือหดเท้าเพราะกลัวมีอันตราย เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องบำเพ็ญเพียรแล้ว 

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอขอบคุณคุณชายสี่แล้ว” มั่วชิงเฉินที่แอบกลั้นหายใจไว้ยื่นมือรับกิ่งท้อมา กลับยังคงมีกลิ่นหอมของดอกท้อจางๆ ระลอกหนึ่งมุดเข้าจมูก นางรีบเก็บกิ่งท้อเข้าถุงเก็บวัตถุ 

 

 

คุณชายสี่และคุณชายสิบเจ็ดแอบแลกเปลี่ยนสายตากันปราดหนึ่ง แล้วยิ้มอย่างรู้กัน 

 

 

พูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง มั่วชิงเฉินลุกขึ้นกล่าวลา ที่จริงเดิมทีนางคิดจะโยงหัวข้อไปที่มั่วหนิงโหรวนั่น จะได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ในยามนี้ของมั่วหนิงโหรวสักหน่อย ทว่าคนคำนวณไม่สู้ฟ้าคำนวณ คุณชายหกพาคุณชายหลี่มาแล้ว และคุณชายหลี่ผู้นี้ดันเคยพบนางและมั่วหนิงโหรวมาก่อน 

 

 

ส่วนมั่วชิงเฉินกลับไม่ยินยอมให้คุณชายสี่รู้ความสัมพันธ์ของนางและมั่วหนิงโหรวในยามนี้ เช่นนั้นก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเกินไป 

 

 

คุณชายสี่และคุณชายสิบเจ็ดลุกขึ้นส่งพวกมั่วชิงเฉินสามคนออกไป ยามที่เพิ่งเดินออกจากป่าดอกท้อ ทันใดนั้นเห็นเด็กผู้หญิงผิวขาวเนียนเหมือนแกะสลักจากหยกคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหัวมุม ปากก็เรียกเสียงหวานว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ…” 

 

 

มั่วชิงเฉินตัวสั่น เด็กผู้หญิงที่วิ่งมาอายุเจ็ดแปดขวบ ใส่ชุดสีชมพู เป็นลักษณะของมั่วหนิงโหรวในปีนั้นชัดๆ นาง…นางต้องเป็นบุตรสาวของพี่สิบสี่แน่! 

 

 

“เอ๊ะ แม่นางน้อยคนนี้…” เห็นชัดว่าคุณชายหลี่นึกขึ้นได้แล้ว 

 

 

มั่วชิงเฉินรีบส่งเสียงทางจิตว่า “คุณชายหลี่ อย่าพูด!” 

 

 

คุณชายหลี่ชะงักแผ่วเบา กลับเอ่ยต่อว่า “แม่นางน้อยคนนี้เป็นลูกบ้านใครน่ะ ช่างน่ารักยิ่งนัก” 

 

 

คุณชายสี่ตอบนิ่งเรียบว่า “เป็นบุตรสาวของข้าน้อย นิสัยดื้อรั้น ทำให้ท่านทั้งสองต้องหัวเราะเยาะแล้ว” พูดพลางสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยมองเด็กผู้หญิงว่า “เยี่ยนเยี่ยน ใครให้เจ้าเข้ามา?” 

 

 

เด็กผู้หญิงหดไหล่ กลับรวบรวมความกล้ายื่นมือเล็กๆ ออกไปกระตุกชายเสื้อของคุณชายสี่ เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านพ่อ เยี่ยนเยี่ยนคิดถึงท่านแล้วเจ้าค่ะ ท่านอุ้มเยี่ยนเยี่ยนได้หรือไม่?” 

 

 

“เหลวไหล!” คุณชายสี่เอ็ดว่า 

 

 

ดวงตากลมโตรูปผลซิ่งของเด็กผู้หญิงรื้นด้วยน้ำตาทันที กลับพยายามกะพริบไม่ให้ร่วงลงมา 

 

 

มั่วชิงเฉินดูจนไฟโกรธลุกโชติช่วง อดกลั้นความรู้สึกอยากเอาก้อนอิฐซัดคุณชายสี่ไว้ แล้วก้มลงอุ้มเด็กผู้หญิงขึ้นมา 

 

 

เด็กผู้หญิงตกใจร้องเสียหนึ่ง เสียงกลับเล็กๆ ชวนให้คนเอ็นดู 

 

 

มั่วชิงเฉินในใจยิ่งอ่อนยวบขึ้นอีก รีบตบแขนของเด็กผู้หญิงว่า “เจ้าชื่อเยี่ยนเยี่ยนสินะ น่ารักจริงๆ น้าเห็นแล้วก็อยากอุ้มมากเลยน่ะ ให้น้าได้สมหวังหน่อยได้หรือไม่นะ?” 

 

 

ความคิดของเด็กบริสุทธิ์ที่สุด ปกติยิ่งสามารถสัมผัสได้อย่างเฉียบขาดว่าใครดีต่อนางจากใจจริง จึงอดยิ้มหวานให้มั่วชิงเฉินไม่ได้ว่า “ได้เจ้าค่ะ ท่านน้าสวยจริงๆ” พูดพลางมือเล็กๆ คู่หนึ่งกลับกอดมั่วชิงเฉินไว้ เงยหน้ามองไปที่บิดาของนาง 

 

 

“เยี่ยนเยี่ยน รีบลงมา เจ้าทำเช่นนี้เหมือนอะไร?” คุณชายสี่สีหน้าไม่เห็นอารมณ์หวั่นไหวสักนิด 

 

 

มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปาก ทนไม่ไหวว่า “คุณชายสี่ ข้าถูกชะตากับเด็กคนนี้มากเลยนะ นางเป็นบุตรสาวของท่านหรือ?” 

 

 

คุณชายสี่พยักหน้า สีหน้าอบอุ่นเล็กน้อย “ดูไม่ออกว่าแม่นางมั่วชอบเด็กถึงเพียงนี้” 

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรผูกสัมพันธ์กัน แม้โอกาสให้กำเนิดชนรุ่นหลังที่มีรากวิญญาณมีมากว่าคนธรรมดาพันหมื่นเท่า ทว่าโอกาสที่ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงตั้งครรภ์กลับน้อยมาก นี่อาจจะสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ฟ้าดินอย่างลับๆ ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ความสามารถในการสืบทายาทก็ยิ่งต่ำ รักษาความสมดุลไว้อย่างอัศจรรย์ 

 

 

คุณชายสี่อนุมากมาย กลับมีบุตรสาวคือหวังเยี่ยนเยี่ยนเพียงคนเดียว จะบอกว่าเขาไม่มีความรู้สึกให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแม้แต่น้อย นั้นกลับเป็นเรื่องขัดต่อใจจริง 

 

 

เพียงแต่คนเช่นคุณชายสี่เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลัก ยามที่ไล่ตามมั่วชิงเฉินถูกพบว่าตนมีบุตรสาว จึงยากจะไม่หงุดหงิด จึงพาลระบายไฟโกรธเต็มท้องไปบนตัวเด็กผู้หญิง 

 

 

บัดนี้เห็นความรักชอบที่มั่วชิงเฉินมีต่อบุตรสาวไม่เหมือนเสแสร้ง ความไม่สบอารมณ์ในใจก็หายไปมากมาย 

 

 

มั่วชิงเฉินอุ้มเด็กหญิงพลางถามไม่หยุด อะไรอายุเท่าไร ชอบอะไร อยู่ที่ไหนต่างๆ เด็กผู้หญิงตอบอย่างว่าไงพลาง แอบเหลือบเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของบิดา นี่ถึงรวบรวมความกล้าเรียกท่านพ่อเสียงหนึ่ง 

 

 

“เป็นอันใด?” คุณชายสี่ถาม 

 

 

เด็กหญิงรีบกวาดสายตามองมั่วชิงเฉินปราดหนึ่ง ถึงเอ่ยเสียงอ่อนหวานว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่สบายแล้ว เยี่ยนเยี่ยนเป็นห่วงมาก ท่านไปดูท่านแม่พร้อมเยี่ยนเยี่ยนได้หรือไม่เจ้าคะ?” 

 

 

สีหน้าคุณชายสี่บึ้งขึ้น กำลังจะพูดก็ได้ยินคุณชายหลี่ว่า “คุณชายสี่ ในเมื่อฮูหยินไม่สบาย ท่านรีบไปดูหน่อยเถอะ มิต้องส่งแล้ว” 

 

 

ฮูหยินอะไรกัน! คุณชายสี่มีใจจะอธิบาย แต่ก็รู้สึกอีกว่าสถานการณ์เช่นนี้อธิบายขึ้นมากลับทำให้เห็นความเลวทรามของตน จึงอดมองมั่วชิงเฉินปราดหนึ่งไม่ได้ 

 

 

มั่วชิงเฉินพยายามกดความสะเทือนอารมณ์ในใจลง วางเด็กหญิงลงแล้วอำลาคุณชายสี่ 

 

 

“ท่านน้า ต่อไปเยี่ยนเยี่ยนยังจะได้พบท่านหรือไม่เจ้าคะ?” เด็กผู้หญิงโบกมือ ถามอย่างอาลัยอาวรณ์ 

 

 

มั่วชิงเฉินยิ้มจนตาโค้งเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “แน่นอนสิ ท่านแม่ของเยี่ยนเยี่ยนไม่สบายมิใช่หรือ ไว้วันหลังน้าไปเยี่ยมพวกเจ้าดีหรือไม่?” 

 

 

“อืม คำนั้นคำนั้นนะ” เด็กผู้หญิงพยักหน้าอย่างดีใจ 

 

 

คุณชายสี่ได้ยินคำสัญญาของมั่วชิงเฉินและบุตรสาว ทันใดนั้นเหมือนคิดอะไรได้ สีหน้าจึงดีขึ้นมา 

 

 

หลังจากพวกมั่วชิงเฉินจากไป คุณชายสิบเจ็ดหัวเราะว่า “พี่สี่ เรื่องนี้ถ้าสำเร็จแล้วท่านจะขอบคุณน้องเช่นไร?” 

 

 

คุณชายสี่อมยิ้มเหล่คุณชายสิบเจ็ดปราดหนึ่ง “เจ้าอยากได้อะไร?” 

 

 

คุณชายสิบเจ็ดหัวเราะแหะๆ ว่า “การทดสอบครั้งนี้ น้องโชคดีได้น้ำตาของปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณ สามารถได้รับแบ่งโอสถในตระกูลก็พอใจแล้ว ดังนั้น แหะๆ น้องขอไม่มาก พี่สี่คิดวิธีเอาพี่น้องฝาแฝดที่อยู่ข้างแม่นางมั่วคู่นั้นมาให้ข้าก็พอแล้ว จิ๊ๆ พี่น้องเหมือนกันอย่างกับแกะ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” 

 

 

คุณชายสี่เอ่ยเสียงเย็นว่า “น้องสิบเจ็ด เจ้าลืมแล้วหรือว่าตนดื่มน้ำเข้าไปเต็มท้องในทะเลสาบน้ำแข็ง พิษเย็นเข้ากระดูก ไม่รักษาตัวดีๆ สักระยะหนึ่งเกรงว่าต่อไปจะกลายเป็นภัยใหญ่” 

 

 

“พี่สี่ ข้ารู้น่ะ นี่ไม่ใช่คิดจะลงมือก่อนได้เปรียบหรือไร จะได้ไม่ปล่อยให้สบายคนอื่น” คุณชายสิบเจ็ดบ่นว่า 

 

 

คุณชายสี่โมโหว่า “สาวใช้ที่เข้าหอว่างไห่ได้ฟูมฟักขึ้นมาไม่ง่าย ตระกูลหวังเราหลายสิบปีมานี้ก็ไม่เห็นจะมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณมาเป็นแขก ด้วยความบังเอิญผู้บำเพ็ญเพียรที่พักอยู่หอว่างไห่คนก่อนเจาะจงชอบทางนี้ ก่อนไปขอสาวใช้แปดคนพาไปด้วย ใครจะรู้ว่าผ่านไปไม่นานศิษย์อาจารย์ผู้บำเพ็ญเพียรปราชญ์คู่นั้นก็มา สาวใช้สี่คนที่เหลืออยู่ไปปรนนิบัติรับใช้หมดแล้ว ไม่คิดว่าแม่นางมั่วก็พักเข้าไปอีก สองสาวพี่น้องคู่นี้ยังเป็นการสมทบเข้าไปชั่วคราว ทว่าด้วยคุณสมบัติของพวกนาง วันหลังมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มาก เจ้าคิดจะขอไปคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” 

 

 

สาวใช้ในหอว่างไห่ ไม่มีสักคนที่ตระกูลหวังไม่ฟูมฟักมาอย่างตั้งใจ รูปโฉม ความสามารถ รากวิญญาณแม้ไม่เห็นว่าโดดเด่น กลับมีที่ที่พิเศษแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ละก็ หากถูกคนถูกตาต้องใจแล้วพาไป ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณพวกนั้นส่วนใหญ่จะทิ้งของไว้บ้าง และของที่พวกเขาเอาออกมาย่อมไม่กระจอก 

 

 

อีกด้านหนึ่ง หลังจากคุณชายหกร่ำลาไปแล้วก็เหลือมั่วชิงเฉินและคุณชายหกเดินไปหอว่างไห่พร้อมกันภายใต้การนำทางของสาวใช้ฝาแฝด 

 

 

“คุณชายหลี่ (แม่นางมั่ว)” สองคนเรียกขึ้นพร้อมกัน 

 

 

จากนั้นสองคนชะงัก เอ่ยพร้อมกันอีกว่า “เจ้าพูดก่อน!”