บทที่ 94 ทำให้หวาดกลัว

พอเดินเข้ามาในป่าจริง ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่มีใครเดินป่ามาหลายปี ฟ้าข้างนอกเพิ่งจะมืดไม่มาก แต่ด้านในกลับมืดสนิทเพราะถูกต้นไม้บดบังไว้จนมิด ดูมืดครึ้มน่าขนลุกยิ่งนัก

แต่เวลานี้ทุกคนต่างมาถึงที่นี่แล้ว จึงไม่มีใครอยากถอย!

ทั้งหมดยืนอยู่ตรงรั้วกำแพงหัก ๆ แล้วมองลอดเข้าไปข้างใน!

แม่เถาเห็นเสื้อตัวนั้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฟ้ามืดจึงมองเห็นแค่เงาของเสื้อ เสื้อนี่ดูเหมือนมีคนแขวนคอตายตรงนั้น!

นางจึงกรีดร้องเสียงแหลม!

พอแม่เถากรี๊ด คนอื่น ๆ ที่ยังไม่เห็นเสื้อก็ตื่นตกใจไปกับนางด้วย

แม่เฒ่าจางสบถลั่น “เจ้าจะร้องหาอะไร?”

แม่เถาชี้เสื้อผ้าตัวนั้น “ท่านแม่…..ดูสิเจ้าคะ……”

แม่เฒ่าจางมองตามแล้วก็ผงะตัวสั่นอยู่ที่เดิม นางผู้งมงายยิ่งกว่าใครในเวลานี้ลงไปคุกเข่าหมอบกราบเป็นที่เรียบร้อย

“ท่านเซียน ท่านเซียน พวกเราไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน ท่านเซียนโปรดอภัยด้วย” แม่เฒ่าจางโขกศีรษะกับพื้นปะหลก ๆ

ส่วนจางอวี่หมินนั้นอยากได้เสื้อผ้าและดอกไม้ผ้าของจางซิ่วเอ๋อมากจนใจกล้าเดินเข้าไป พอนางมองเห็นเสื้อผ้าบนต้นไม้จนชัดก็มีสีหน้ามืดครึ้มและโวยวายขึ้น “พวกท่านไม่ต้องกลัว! เสื้อนี่แขวนกับเชือกบนต้นไม้อยู่ ตัวขาดทุนจางซิ่วเอ๋อเป็นคนทำแน่ ๆ!”

ทุกคนได้ยินก็รู้สึกว่าเป็นไปได้จริง ๆ แม่เฒ่าจางได้สติกลับมาก็โมโหจนไม่สนเรื่องกลัวไม่กลัวแล้ว!

พอทุกคนเดินเข้าไปเห็นเสื้อแล้ว แม่เถาพูดอย่างระวัง “เหมือนจะมีเลือดบนเสื้อตัวนี้นะ”

“ใครจะไปรู้ว่าตัวขาดทุนนั่นเอาเลือดอะไรย้อมเสื้อ คงเอามากันพวกเราล่ะสิ อย่างไรซะเสื้อผ้านี่ก็จับต้องได้นะ ถ้าเป็นเสื้อผีจริง ๆ เราจะเห็นจะจับต้องได้แบบนี้เหรอ?” จางอวี่หมินพูดพลางใช้ไม้จิ้มเสื้อตัวนั้น

ทุกคนรู้สึกว่ามีเหตุผล

ครั้นแม่เฒ่าจางเห็นว่าไม่ใช่ผีจริง ๆ ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้น

“เราไปหาของกัน! อะไรที่มีมูลค่าเอาไปให้หมด!” แม่เฒ่าจางพูดอย่างองอาจ ตั้งใจจะทำตัวเหมือนฝูงตั๊กแตน*กวาดของทุกอย่างของจางซิ่วเอ๋อไปจนเรียบ

*สำนวนเปรียบเทียบกับตั๊กแตนที่กินทั้งพืชผักทั้งต้นหญ้า

แต่โชคดีที่จางซิ่วเอ๋อเตรียมการไว้แล้วด้วยการขนข้าวของตัวเองไปฝากที่บ้านบัณฑิตจ้าว

บัณฑิตจ้าวนอนติดเตียงมาหลายปี ไม่มีใครไปบ้านเขาแน่ ๆ จางซิ่วเอ๋อจึงไม่กลัวว่าใครจะจับได้

ทุกคนค้นบ้านผีสิงจนแทบพลิก นอกจากโต๊ะเก้าอี้ผุ ๆ พัง ๆ กลับไม่มีอย่างอื่นเลย!

แม่เฒ่าจางอัดอั้นตันใจ นางไปดูที่สวนหลังบ้าน ก็เห็นเพียงผักกาดขาวที่เพิ่งงอกออกมาและยังเป็นแค่ต้นอ่อน

แม่เฒ่าจางโมโหจนลงมือเด็ด ปกติไม่มีบ้านไหนกินต้นอ่อนเล็ก ๆ แบบนี้หรอก แต่ตอนนี้แม่เฒ่าจางเด็ดโดยไม่เสียดาย! ไม่ลังเลเลยสักนิด!

รอจนทุกคนทำลายแปลงผักนี่ไปแล้ว แม่เฒ่าจางถึงได้พาทุกคนมาอยู่ลานหน้าบ้านและเตรียมกลับ

“กรี๊ด!” แม่เถาร้องขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าโหวกเหวกตื่นตูม! เจ้าเป็นอะไรเนี่ย?” แม่เฒ่าจางด่ากราดเกรี้ยว

แม่เถาบอกตะกุกตะกัก “เสื้อ…..เสื้อ…..เสื้อตัวนั้น…..หายไปแล้ว”

“อะไรหายนะ?” แม่เฒ่าจางยังไม่รู้สึกตัว

แม่เถาตัวสั่น “สะ….สะ…..เสื้อ”

แม่เฒ่าจางมองตามสายตาหวาดผวาของแม่เถา ก็เห็นว่าเสื้อที่เดิมทีแขวนอยู่บนต้นไม้ได้หายไปแล้ว นางมองไปที่พื้นก็ไม่พบเสื้อตัวนั้น

“พวกเจ้าเอาเสื้อลงมาแล้วรึ?” แม่เฒ่าจางแกล้งทำเป็นถามอย่างใจเย็น

ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกัน จางอวี่หมินหน้าซีด เมื่อกี้นางยังเห็นเสื้อตัวนั้นอยู่บนต้นไม้อยู่เลย ผ่านไปครู่เดียวเสื้อหายไปได้อย่างไร?

“หรือจางซิ่วเอ๋อจะกลับมา? แล้วเป็นคนเอาเสื้อไป?” จางอวี่หมินพูดเบา ๆ

ทันใดนั้นเอง ยอดต้นหวายฉู่สูงใหญ่ก็สั่นไหวทั้งที่ไร้ลม เสื้อเปื้อนเลือดร่วงลงบนพื้น

แม่เฒ่าจางลนลานขึ้นมาทันที นางรีบวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่สนคนอื่น

ทุกคนเห็นแม่เฒ่าจางวิ่งไปแล้วก็ยิ่งกลัว ไม่มีใครอยากรั้งท้าย ด้วยกลัวว่าผีจะไล่ตามมา

พอในสวนไม่มีคนแล้ว ชายชุดดำยาวก็ขมวดคิ้วและกระโดดลงจากต้นไม้

เมื่อครู่นี้เขาแค่มาแวะมาดู เห็นเสื้อเปื้อนเลือดนี่ก็นึกแปลกใจจึงหยิบขึ้นไป

ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ จะมีคนกลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ใต้ต้นไม้

มันกะทันหันเสียจนไม่เป็นการดีที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน จึงรออยู่บนต้นไม้

ที่ไหนได้เขาไม่ทันระวังจับเสื้อไม่อยู่ พอเสื้อหล่นลงไปทุกคนก็วิ่งออกไปอย่างตื่นกลัว!

เขามองสวนว่างเปล่าแห่งนี้ พลางเดินเข้าไปด้านในอย่างคุ้นทาง

บ้านถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง สะอาดเหมือนไม่มีใครอาศัยอยู่ แม้แต่จานชามกะละมังก็ไม่มีให้เห็น

คนชุดดำเลิกคิ้ว คิดว่าจางซิ่วเอ๋อคงไม่อยู่เพียงชั่วคราว น่าจะกลับมาอีก ถ้าย้ายบ้านจริงคงไม่เก็บกวาดที่พักที่จะไม่อยู่แล้วจนสะอาดขนาดนี้

พอคิดได้แบบนี้ปมคิ้วของเขาก็คลายออก

กล่าวถึงแม่เฒ่าจางที่กลัวจนปัสสาวะราด ครั้นวิ่งถึงบ้านได้ก็ตัวเหม็นหึ่งคละคลุ้ง

คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าไม่สู้ดี หน้าซีดเผือดไร้สีเลือดกันหมด!

ทุกคนนึกถึงภาพเมื่อครู่นี้แล้วก็ยังหวาดกลัวกันอยู่เลย

การไปบ้านผีสิงคราวนี้ นอกจากไม่ได้อะไรแล้วยังต้องตกใจกลัวกันอีกด้วย ถือว่าพวกเขาแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง

จางซิ่วเอ๋อที่ตอนนี้อยู่บ้านตระกูลโจวนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าที่บ้านจะเกิดเรื่องสนุกแบบนี้

นางแขวนเสื้อผ้าไว้ที่นั่นก็เพื่อทำให้พวกนางกลัว คิดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของคนชุดดำจะเกิดผลดีเยี่ยมเป็นพิเศษขนาดนี้

ถ้าจางซิ่วเอ๋อรู้ นางต้องหัวเราะลั่นแน่ ๆ

เวลานี้ตระกูลโจวเพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จ หยางชุ่ยฮวาและโจวอู่ต่างไปลงลอดจับปลาอย่างกระตือรือร้น

ส่วนแม่เฒ่าโจวนั่งคุยกับแม่โจว

จางซิ่วเอ๋อและชุนเถาก็อยู่ด้วย ส่วนจางซานหยาและคนอื่น ๆ เล่นกันอยู่ในลานบ้าน

ตอนซานหยาอยู่บ้านตระกูลจาง นางต้องทำงานทุกอย่าง พอมาอยู่บ้านตระกูลโจวและได้เจอเด็กที่อายุไล่เลี่ยกันถึงได้เผยธรรมชาติของเด็กออกมา

แม่เฒ่าโจวมองแม่โจวแล้วกล่าว “เหมยจื่อ แม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่บ้านตระกูลจางด้วยความทุกข์ทน ในเมื่อกลับมาแล้วหนนี้ก็อยู่หลาย ๆ วันเลยนะ”

แม่โจวไม่พูดอะไร

แม่เฒ่าโจวจึงกล่าวต่อ “เจ้ายังโกรธพี่สะใภ้เจ้าอยู่ใช่ไหม? ที่จริงพี่สะใภ้เจ้าก็เป็นคนแบบนั้นแหละ ปากร้ายใจดี…..นางมาอยู่บ้านเราก็อยู่อย่างลำบาก ต้องมีขุ่นเคืองในใจอยู่บ้าง”

“ถ้าตอนนั้นไม่ได้พี่สะใภ้เจ้าออกค่าสินเดิมให้ เรื่องหนีจื่อจะจบง่ายแบบนี้ได้อย่างไรกัน?” หญิงชราพูดขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็มองแม่เฒ่าโจวอย่างสงสัย มีเรื่องอะไรที่คนอื่นไม่ควรรู้อย่างนั้นหรือ?

คนขี้งกอย่างหยางชุ่ยฮวาหรือจะยอมออกค่าสินเดิมให้?

แม่โจวส่ายหัว “ท่านแม่ ข้าไม่โทษพี่สะใภ้หรอกเจ้าค่ะ หนนี้ข้าจะอยู่นานหน่อย แต่ท่านแม่ ช่วงนี้ขอให้ข้าเป็นคนซื้อข้าวนะเจ้าคะ”

…………………………………………