บทที่ 95 คนอย่างหยางชุ่ยฮวา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 95 คนอย่างหยางชุ่ยฮวา

ที่หยางชุ่ยฮวาร้ายกาจแบบนี้ใช่ว่าไม่มีเหตุผล ใครใช้ให้ความเป็นอยู่ของตระกูลโจวยากจนแร้นแค้นล่ะ?

ถึงแม้เมื่อก่อนแม่โจวจะไม่พอใจหยางชุ่ยฮวาบ้าง แต่ในใจนางไม่เคยโทษหยางชุ่ยฮวา

ถึงหยางชุ่ยฮวาจะโอหังไปบ้างตอนมาอยู่ในตระกูลโจว แต่นางทำทุกอย่างเพื่อตระกูลโจวเสมอ ชีวิตคนตระกูลโจวที่อยู่กันแบบแทบไม่พอกินก็ไม่ใช่เพราะหยางชุ่ยฮวา หากไม่มีหยางชุ่ยฮวาคอยจัดการสิ่งต่าง ๆ ทั้งนอกบ้านในบ้าน ทุ่มเทแรงกายตัวเองราวกับบุรุษผู้หนึ่ง ตระกูลโจวคงอยู่ไม่ได้ถึงวันนี้

ทุกครั้งที่แม่โจวกลับมา นางแทบไม่เคยเอาอะไรมาด้วยเลย มาอยู่บ้านตระกูลโจวผู้เดียวยังไม่เท่าไรนัก เพราะฟืนอุ่นเตียงไม่ได้เปลืองเงินอะไรมากมาย แต่ถ้านางพาลูกเต้ามาอยู่กินเปล่า ๆ ที่ตระกูลโจวด้วย หยางชุ่ยฮวาไม่ทนแน่นอน

แม่โจวก็รู้เรื่องนี้ เวลานางกลับมาแต่ละครั้งแม่เฒ่าโจวมักจะนำของดี ๆ มาให้นางกิน แต่ถ้านางกิน คนตระกูลโจวก็ต้องอดและทนหิว

หลายปีมานี้นางจึงไม่ได้ผ่านเข้าประตูบ้าน ถึงจะพูดไม่ได้ว่าไม่โกรธเคืองหยางชุ่ยฮวาเลยสักนิด แต่พอไตร่ตรองดี ๆ นางก็เข้าใจดีว่าตัวเองไม่อาจเป็นที่พึ่งอะไรให้ที่บ้านได้ รู้สึกผิดอยู่เต็มอกเหมือนกัน

แม่โจวเป็นคนดีต่อทุกคน นิสัยอ่อนแออยู่แล้ว พอได้ยินแม่เฒ่าโจวพูดแบบนี้ จะโทษหยางชุ่ยฮวาอีกได้อย่างไรกัน?

แม่โจวเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ ข้าเข้าใจที่ท่านพูดเจ้าค่ะ พี่สะใภ้เป็นคนดี”

พูดมาถึงตรงนี้ แม่โจวคล้อยตามคำพูดของแม่เฒ่าโจวและนึกถึงเรื่องตอนนั้น “เรื่องของหนีจื่อข้าต้องขอบคุณนางไปชั่วชีวิต ถ้าไม่มีพี่สะใภ้ ตอนนี้หนีจื่อจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”

แม่เฒ่าโจวพยักหน้าและกล่าว “เจ้าคิดได้แบบนี้ข้าก็ดีใจจริง ๆ ตอนนี้ข้าไม่ขออะไรมาก หวังแค่ครอบครัวเราจะมีแต่ความสงบสุข”

แม่โจวบอกยิ้ม ๆ “ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลเรื่องหนีจื่อหรอกเจ้าค่ะ เมื่อก่อนนี้ข้าไม่รู้ความ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ทางบ้านได้ หลังจากข้ากลับไปหนนี้จะลองหาครอบครัวที่เหมาะสมในหมู่บ้านดู แล้วให้หนีจื่อแต่งเข้าไป”

ที่จริงแม่โจวมีความคิดนี้นานแล้ว แต่แม่เฒ่าจางไม่ยอมให้นางยุ่งเรื่องของตระกูลโจว นางจึงไม่กล้าทำอะไร แต่ครั้งนี้แม่โจวก็เด็ดขาดขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

คนตระกูลจางอยากจะมองอย่างไรก็มองไป อยากจะคิดอย่างไรก็คิดไป นางต้องหาที่ไปดี ๆ ให้น้องสาวตัวเองให้ได้

ได้ยินแม่โจวพูดแบบนี้จางซิ่วเอ๋อก็ไม่กล้ารับคำ ไม่ใช่เพราะนางคิดว่าหนีจื่อไม่ดี แต่เรื่องแต่งงานนั้นเป็นเรื่องพูดยาก

อย่างแม่โจวที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีอยู่แล้วในหมู่บ้านชิงสือ ไม่ใช่ว่าแม่โจวไปยุ่งกับใครหรอก แต่แม่โจวนั้นคลอดบุตรสาวติดกันเป็นพวง แถมบุตรสาวคนโตยังมีดวงกินสามีอีกต่างหาก

คนในหมู่บ้านก็งมงาย เรื่องแบบนี้จึงง่ายต่อการที่คนจะคิดกันไปว่าบุตรสาวตระกูลโจวล้วนอับโชค

บ้านไหนแต่งภรรยาแล้วไม่อยากมีลูกชายบ้าง ต่อให้ไม่ติดเรื่องอายุของหนีจื่อ แต่ก็ติดที่หนีจื่อจะมีลูกชายได้หรือไม่…..

เห็นสีหน้าจริงจังของแม่โจวแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ได้พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป

นางคิดไตร่ตรองในใจ ถึงตอนนี้ยังทำเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ในอนาคตยังมีโอกาส

ตอนนี้ตระกูลโจวรู้วิธีจับปลาแล้ว ในวันข้างหน้าความเป็นอยู่จะมีแต่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

พอความเป็นอยู่ดีขึ้น ให้สินสอดหนีจื่อได้มากขึ้น ต่อให้เป็นสตรีที่แต่งยากแค่ไหนก็แต่งออกไปได้ นางช่วยออกเพิ่มอีกหน่อย ต้องหาสามีดี ๆ ให้หนีจื่อได้แน่

ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อเพิ่งจะเคยมาบ้านตระกูลโจวครั้งแรก แต่นางก็เห็นคนตระกูลโจวเป็นครอบครัวตัวเองจากใจจริง

นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของร่างหรือไม่ที่ทำให้เป็นแบบนี้ หรือเพราะเจอเรื่องร้าย ๆ กับคนตระกูลจางมามาก จึงรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้เห็นคนตระกูลโจว

แต่ไม่ว่าอย่างไร จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าในเมื่อตัวเองกลายเป็นเจ้าของร่างแทน เช่นนั้นการทำอะไรเพื่อบ้านยายของเจ้าของร่างบ้างก็เป็นเรื่องเห็นสมควร

อีกอย่าง นางชอบคนตระกูลโจวมาก

ต่อให้เป็นหยางชุ่ยฮวาที่ตัดสินคนด้วยเงินทอง ก็ไม่ได้เลวไปถึงสันดานเหมือนแม่เฒ่าจาง!

และจางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าตรรกะโลกแคบของหยางชุ่ยฮวาเกิดจากการบีบคั้นของสภาพความเป็นอยู่โดยสิ้นเชิง หากชีวิตดีขึ้น หยางชุ่ยฮวาอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

แม่เฒ่าโจวได้ยินคำพูดแม่โจวก็เศร้าขึ้นมา “แม่รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของหนีจื่อ แต่ตอนนั้นเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้ว คนละแวกนี้มีใครไม่รู้บ้าง? เรื่องแต่งงานของหนีจื่อคงเป็นไปได้ยาก……”

“ช่วงก่อน พี่สะใภ้เจ้าหาคนขาเป๋ให้หนีจื่อ หนีจื่อไม่ได้ตอบว่าตกลงหรือไม่ตกลง แต่ต่อให้หนีจื่อตกลง ข้าก็ไม่มีทางยอมให้หนีจื่อแต่งงานกับคนขาเป๋ไปลำบากด้วยกันหรอก!” แม่เฒ่าโจวพูดไปพลางเริ่มปาดน้ำตา

จางชุนเถาเห็นแบบนั้นเริ่มร้อนใจ พูดขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง “ท่านยาย ป้าสะใภ้ใหญ่จะให้น้าเล็กแต่งงานกับคนขาเป๋แล้วนะ ท่านยายยังจะบอกว่าป้าใหญ่ดีอีก!”

แม่โจวก็มีสีหน้าไม่เห็นด้วย “ต่อให้เกิดเรื่องแบบนั้น หนีจื่อของเราก็เป็นหญิงสาวในเรือนดี ๆ ทำไมต้องแต่งงานกับคนแขนขาไม่สมประกอบด้วย?”

แม่เฒ่าโจวปาดน้ำตา “พี่สะใภ้เจ้าก็หวังดีกับหนีจื่อ กลัวว่ายิ่งหนีจื่อยื้อต่อไปก็ยิ่งแต่งไม่ออก หนีจื่อขยัน พี่สะใภ้ของเจ้าไม่ได้อยากให้หนีจื่อแต่งงานเพราะอยู่บ้านกินข้าวเปล่า ๆ หรอกนะ”

จางซิ่วเอ๋อเห็นยายโจวและแม่โจวพูดถึงเรื่องนั้นตลอด จึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ตกลงเป็นเรื่องอะไรกันแน่เจ้าคะ? ที่ทำให้น้าเล็กไม่ได้แต่งงาน?”

แม่โจวและแม่เฒ่าโจวสบตากัน ต่างคนต่างมีหน้าตาเสียใจ

สองแม่ลูกคู่นี้น้ำตาตกไม่หยุด จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วรู้สึกปวดใจไปหมด

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถา จางชุนเถาส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยหน้าตาฉงน ดูท่าทางแล้วไม่รู้เรื่องเช่นกัน

สองคนนี้ไม่ผิดที่ไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องนี้

แถมตอนเรื่องเกิด จางซิ่วเอ๋อยังเป็นเจ้าของร่างคนเดิม ต่อให้รู้ก็ไม่ได้ทิ้งความทรงจำไว้ให้จางซิ่วเอ๋อ ส่วนจางชุนเถา? ตอนนั้นนางยังเด็กเกินไป จะไปรู้อะไร?

ทั้งแม่โจวและแม่เฒ่าโจวต่างไม่มีใครสงสัยว่าทำไมจางซิ่วเอ๋อถึงไม่รู้เรื่องนี้

เพราะตอนนั้นไม่มีใครพูดเรื่องนี้กับเด็กพวกนี้ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อรู้ก็คงรู้จากปากพวกหญิงปากมาก

“ท่านแม่ ท่านยาย เลิกร้องไห้เถอะนะ มีอะไรก็พูดออกมา ตอนนี้เราสองพี่น้องก็โต ๆ กันแล้ว อาจจะช่วยออกความคิดเห็นได้นะ!” จางซิ่วเอ๋อทนดูต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ

นางกลัวแม่โจวร้องไห้ที่สุด พอมาอยู่ตระกูลโจว ไม่ใช่แค่แม่โจวที่ร้องไห้ แม่เฒ่าโจวก็ร้องไปด้วย…..

แม่เฒ่าโจวมองจางซิ่วเอ๋อด้วยน้ำตาเต็มเบ้า “ซิ่วเอ๋อ เดี๋ยวนี้เจ้าเก่ง ดูแลตัวเองได้แล้ว เช่นนั้นยายจะเล่าเรื่องตอนนั้นให้ฟัง”

จางซิ่วเอ๋อเตรียมใจ นางอยากรู้ว่าเหตุผลอะไรกันที่ทำให้หญิงสาวขยันขันแข็ง หน้าตาใช้ได้อย่างหนีจื่อไม่ได้แต่งงานเสียที และตีความจากสิ่งที่พวกนางพูด ตอนนั้นน่าจะเสียเงินไปจำนวนหนึ่งด้วย

…………………………………………