การเข้าเวรเช้าวันเสาร์ลำบากกว่าการเข้าเวรกลางคืนมาก

เฉินชางมาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า กดรับภารกิจประจำวันอย่างคุ้นเคย

[ติ๊ง! สื่อสารกับผู้ป่วยให้สำเร็จ 10 คน

เมื่อภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัล: 1. ค่าประสบการณ์ +100 แต้ม 2. เงิน +100 หยวน]

ก็ดีกว่าไม่มีภารกิจอะไร

ทำง่ายมาก

แค่ไปตรวจดูตามห้องผู้ป่วยสักหน่อยก็ทำได้แล้ว

เดิมทีงานรักษาพยาบาลก็เป็นงานที่ต้องสื่อสารกับผู้ป่วยอยู่แล้ว

เหมือนกับประโยคที่ว่า รักษาเป็นบางครั้ง ช่วยเหลือบ่อยๆ ปลอบใจเป็นกิจวัตร

ความจริงงานในฐานะแพทย์ก็คือการติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย สื่อสารและรักษาผู้ป่วยทางด้านจิตใจให้ได้

แต่ตอนนี้การปลอบใจเช่นนี้มีไม่มากแล้วจริงๆ

การกระจายทรัพยากรทางการแพทย์ไม่ทั่วถึง ทรัพยากรทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมักจะรวมตัวกันอยู่ในเมืองใหญ่และโรงพยาบาลใหญ่ ส่วนโรงพยาบาลระดับรากหญ้าขาดแคลนจริงๆ ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างหนึ่งขึ้นมา

โรงพยาบาลใหญ่มีผู้ป่วยมาก ดูแลลำบาก ลงทะเบียนลำบาก!

พอคุณลงทะเบียนสำเร็จแล้วก็ต้องรอทั้งเช้าเพื่อไปพบหมอสามนาที

สามนาทีจะตรวจอะไรได้?

หากบอกว่าตรวจได้ก็ได้ แต่ถ้าจะบอกว่าตรวจไม่ได้ก็ไม่ได้!

สถานการณ์แบบนี้เฉินชางไม่มีความสามารถเปลี่ยนแปลงมัน ทำได้เพียงทำตัวเองให้ดี สื่อสารกับผู้ป่วยให้มากขึ้นเพื่อลดความผิดพลาดและความขัดแย้ง ถึงอย่างไรข้อพิพาททางการแพทย์ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการที่สองฝ่ายขาดการสื่อสารกันนั่นเอง

ขณะที่เฉินชางไปตรวจคนไข้ คนไข้กำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ เฉินชางเหลือบมองโทรทัศน์โดยไม่ตั้งใจแวบหนึ่ง พลันนั้นก็ต้องตื่นตะลึง!

“เมื่อวานนี้ตำรวจเมืองอันหยางจับแก๊งต้มตุ๋น หลอกเงินและแบล็คเมล์ได้แก๊งหนึ่ง พวกเขามักจะออกปฏิบัติการตามร้านอาหาร คลินิกเล็กๆ และโรงแรม…สมาชิกในแก๊งมีทั้งหมดสามสิบเอ็ดคน เงินที่ได้จากการฉ้อโกงมีมากถึงสามร้อยสิบล้านหยวน ขั้นตอนการทำงานไม่เลวเลยจริงๆ…”

“คราวนี้จับแก๊งใหญ่ได้เพราะสมาชิกคนหนึ่ง คือนาง x (นามสมมุติ) เข้ามาให้ความร่วมมือกับตำรวจด้วยตัวเอง พาไปยังฐานที่มั่นและค้นหาเงินที่ถูกฉ้อโกง ทั้งยังช่วยตำรวจของเมืองอันหยางปิดคดีที่ค้างมาหลายปีจำนวนหนึ่ง…เป็นเหตุให้นาง x (นามสมมุติ) ได้ลดโทษ…”

เฉินชางตกตะลึงไปแล้ว!

เพราะเขาพบว่าผู้หญิงในโทรทัศน์ก็คือเฉิงฟาง!

แม้จะเบลอหน้า แต่เฉินชางจำลักษณะร่างกายได้ดี

เขาคิดไม่ถึงว่าเฉิงฟางจะยอมมอบตัว!

ยิ่งไปกว่านั้น เฉิงฟางยังให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อจับขบวนการชั่วร้ายในสังคมอีกด้วย!

นี่เรียกว่ายอมทำร้ายญาติมิตรเพื่อคุณธรรมหรือเปล่านะ?

ทำไมเฉิงฟางทำเช่นนี้ เฉินชางไม่รู้ อาจเป็นเพราะรู้สึกผิด หรืออาจเป็นเพราะอยากแก้แค้นผู้ชายที่ทิ้งเธอไปก็เป็นได้

เมื่อดูถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกดีใจ บางทีนี่อาจเป็นเรื่องที่เฉินชางอยากเห็นที่สุดก็เป็นได้

สังคมควรมีกฎเกณฑ์และกฎหมายเช่นนี้ และควรจะมีคุณธรรมด้วยเช่นกัน

แต่คนบางคนกลับชอบเดินบนปลายมีด ท้าทายขอบเขตของคุณธรรมและกฎหมาย

เฉิงฟางเป็นคนดีหรือเปล่า?

แน่นอนว่าไม่นับเป็นคนดี

ที่มีผลลัพธ์เช่นนี้ อาจเป็นเพราะค้นพบความดีในใจตนก็เป็นได้

ตอนนี้นักข่าวในโทรทัศน์กำลังสัมภาษณ์เฉิงฟาง นักข่าวถามว่า “ทำไมคุณทำแบบนี้ครับ?”

เฉิงฟางพูดเสียงเบา “เพราะว่า…เพราะว่าในตอนที่ทุกคนคิดว่าฉันเป็นคนหลอกลวง มีคนคนหนึ่งคิดว่าฉันไม่ได้หลอก เขาช่วยฉันไว้ ตอนนั้นฉันจึงค่อยรู้ตัวว่าฉันทำเรื่องผิดๆ ไปมากแค่ไหน ทำเรื่องแย่ๆ ไปแค่ไหน ฉันรู้สึกผิด ทุกการกระทำของฉันทำให้เกิดผลกระทบที่เลวร้ายกับสังคม ทำให้คนเราไม่เชื่อใจกันและกัน…ฉันผิดไปแล้ว! หลังจากฉันออกจากคุก ฉันจะใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อทำความดีและช่วยเหลือคนอื่น…ถ้าคนคนนั้นฟังอยู่หน้าโทรทัศน์ ฉันหวังจะได้พูดขอบคุณเขาสักคำ!”

ตอนนี้นักข่าวนิ่งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย “สะดวกบอกไหมครับว่าคนคนนั้นเป็นคนยังไง?”

เฉิงฟางไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงส่ายหน้า คำบางคำก็พูดมั่วๆ ไม่ได้

……

……

เฉินชางยิ้ม บางครั้ง การกระทำอันดีงามก็ใช่ว่าจะไร้ความหมาย

ในตอนที่ความดีงามถูกสร้างขึ้นมา ทั้งโลกก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

คนเป็นหมอจำเป็นต้องมีจิตใจเมตตา

คำโบราณกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ไม่มีใจดั่งโพธิสัตว์ไม่อาจเป็นหมอได้ ผู้ไม่มีจิตใจดั่งเซียนไม่อาจเป็นหมอได้

เฉินชางก็ไม่ได้เป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งขนาดนั้น แต่เขาหวังว่าตนจะเป็นหมอที่ดีคนหนึ่ง ทำเรื่องดีๆ ที่เหมาะกับตำแหน่งฐานะของตน

ตอนนี้เอง จู่ๆ หญิงสูงวัยเตียงเบอร์เก้าที่กำลังดูโทรทัศน์ก็ทอดถอนใจออกมา “คนพวกนี้สมควรโดนจับแล้ว! เป็นโรคร้ายในสังคมจริงๆ! ทำลายภาพลักษณ์ของเมืองทั้งเมือง ตอนนั้นฉันหกล้มบนถนน นอนอยู่บนถนนชั่วโมงกว่าก็ยังไม่มีใครสนใจ แดดร้อนแบบนี้ ทำเอาฉันเกือบสลบไปเลย”

เฉินชางเป็นที่ยอมรับในหมู่คนชรามาก ตอนนี้คนที่ยินดีพาคนแก่มาส่งโรงพยาบาลมีน้อยลงทุกที

ตอนนี้หมอหูแห่งฝ่ายอายุรกรรมที่เป็นหมอเวรกำลังตรวจคนไข้ เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชราก็หัวเราะ “ตอนผมทำงานช่วงปีเก้าแปด ผู้คนแตกต่างจากปัจจุบันจริงๆ พอเห็นคนล้มบนถนนก็จะเข้ามาช่วยพยุงไปที่โรงพยาบาล พูดไปพูดมา ยุคสมัยกำลังก้าวไปข้างหน้า แต่ใจคนกลับก้าวตามเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ไม่ทัน”

เฉินชางเข้าไปทักทายหมอหู

เหล่าหูสูงกลางๆ ใบหน้ากลม คิ้วหนา ตาโต ปากเล็ก พอยิ้มก็คล้ายกั๋วเต๋อกัง!

แต่นิสัยของเหล่าหูไม่มีอะไรให้พูดถึง ในแผนกฉุกเฉิน เขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนแก่นิสัยดี เฉินชางไม่เคยเห็นเขาโกรธเลยสักครั้ง

เฉินชางเป็นแพทย์เจ้าของไข้ ตอนนี้มีผู้ป่วยหกคนอยู่ในความดูแล ไม่ถือว่ามาก

เตียงสิบสองเป็นหญิงชราคนหนึ่ง อายุเจ็ดสิบกว่าปี ใบหน้าเหี่ยวย่น ทำงานหนักในชนบทมาชั่วชีวิต ต้องเลี้ยงดูส่งเสียนักศึกษามหาวิทยาลัยสามคน ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

เลี้ยงลูกจนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนี้จึงเกษียณตัวออกมาใช้ชีวิตวัยชราอยู่ที่ชนบท

เดือนที่แล้วเธอมีอาการจุกเสียดบริเวณถุงน้ำดีซึ่งอยู่ด้านขวาของท้องซ้ำๆ หลายครั้ง กินยาแก้ปวดแล้วก็ยังไม่เห็นผล จึงโทรหาลูกชายคนโตที่อยู่ในเมืองมณฑล ลูกทั้งสามคนได้ฟังเรื่องราวก็รีบพามาส่งที่โรงพยาบาลอันดับสองทันที

เมื่อเฉินชางเดินเข้ามา หญิงชราก็รู้สึกเคร่งเครียด อย่างไรเสียนี่ก็เป็นการเข้าโรงพยาบาลครั้งแรกในชีวิต

ตอนหญิงชราอยู่ในหมู่บ้านชนบท พอชาวบ้านได้ยินคำว่านอนโรงพยาบาลก็จะหวาดกลัว ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องนั่งรถฉุกเฉิน 120 มาอีกด้วย

หญิงชรารู้สึกเครียดมาก!

กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายแรงอะไร

เธอไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ความกังวลอย่างเดียวก็คือ…กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายแรงอะไร และทำให้ลูกๆ ต้องลำบาก

“หมอคะ…ฉันไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไรใช่หรือเปล่าคะ?” หญิงชราพูดสำเนียงบ้านเกิด เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

เฉินชางยิ้ม “คุณยายครับ คุณไม่ได้เป็นอะไร แค่มีนิ่วเล็กน้อย ไม่ต้องกลัวนะครับ!”

หญิงชราได้ยินดังนั้นก็อุทานเสียงยาว “อ่า…พ่อหนุ่ม คุณอย่าหลอกฉันเลย ฉันแก่แล้ว ไม่มีอะไรไม่เคยเห็นหรอก แข็งแรงหรือ? ตอนนี้ร่างกายฉันยังปวดอยู่เลย! คุณอย่าปิดบังฉันเลย บอกหญิงแก่ๆ คนนี้มาเถอะ ตกลงฉันเป็นอะไรกันแน่?”

เฉินชางชะงักไป ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร “เป็นนิ่วจริงๆ ครับ ผมไม่ได้หลอกคุณ”

หญิงชราฟังจบก็ถอนใจออกมา ส่ายศีรษะพลางพูดขึ้นว่า “พ่อหนุ่ม ร่างกายของฉัน ฉันเข้าใจดี ฉันอายุเจ็ดแปดสิบแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงนอนรอความตายอยู่ข้างหลุมศพบรรพบุรุษที่บ้านแล้ว แข็งแรงอะไร! แข็งแรงอะไร!”

เฉินชางเข้าใจโดยพลัน!

หญิงชราคนนี้ได้ยินคำว่านิ่วเป็นแข็งแรง[1]

เขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ทันใดนั้น คนไข้ที่เพิ่งเย็บแผลเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังจนแผลเย็บเกือบฉีก!

คนไข้หัวเราะพลางร้องโอดโอย “หมอ…ด้ายนี่ไม่แข็งแรงเอาซะเลย!”

เพื่อนผู้ป่วยแต่ละคนอยากหัวเราะก็ไม่กล้า ทำได้แต่กลั้นเอาไว้

แต่เฉินชางยังคงอดทนเป็นเลิศ ค่อยๆ อธิบายไป!

ถึงอย่างไรคนแก่ก็ไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่เคยออกมาจากหมู่บ้านชั่วชีวิต ไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรม จะรู้ได้อย่างไรว่านิ่วคืออะไร

เฉินชางใช้เวลาตรวจเยี่ยมคนไข้ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เฉินชางค่อนข้างมีความอดทนสูง สื่อสารกับคนไข้ไปได้ด้วยดี

[1] ในภาษาจีน คำว่านิ่ว กับ แข็งแรง ออกเสียงคล้ายกัน