ตอนที่ 74 ละครของหญิงสาว (3)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

ชุยอวี่เฟยชอบซั่งกวนเจวี๋ย ตระกูลชุยหมายมั่นปั้นมือจะให้ชุยอวี่เฟยแต่งงานกับซั่งกวนเจวี๋ยในฐานะภรรยารอง แม้จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจนก็ตาม(แน่นอนว่าพูดชัดเจนไม่ได้ ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้รับเมียบ่าวก่อนแต่งงานกับภรรยาอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงยังไม่มีทายาท ยิ่งแต่งภรรยารองไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกรักชอบชุยอวี่เฟยอะไรทำนองนั้น หากพูดไม่สำเร็จ ชุยอวี่เฟยจะถูกมองว่าไม่อาจหาคนดีๆ มาแต่งงานได้) แต่ทุกคนก็รู้ลึกตื้นหนาบางเรื่องนี้อยู่ในใจ ทว่าก็ไม่ได้มองเรื่องนี้ในแง่ดีนัก ตระกูลชุยเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ จึงย่อมไม่ยัดเยียดเรื่องนี้ให้หลิงหลงที่ยังไม่ออกเรือน

ชุยอวี่เฟยจะว่าไปก็เป็นลูกสาวแท้ๆ แต่ไม่ได้เกิดจากฮูหยินชุย ฮูหยินชุยเป็นคนค่อนข้างมีโชควาสนา ในบรรดาหญิงสูงศักดิ์ในตระกูลมีเพียงนางเท่านั้นที่มีลูกชายสามคนติดต่อกัน คนอื่นๆ มากสุดก็มีลูกชายเพียงสองคน แต่นางก็นึกเสียใจอยู่เรื่อยมาที่ตัวเองไม่มีลูกสาว ลูกสาวสองคนแรกจากสามคนเกิดจากภรรยาน้อยของตระกูลชุย ชุยอวี่เฟยจึงเป็นลูกของอนุภรรยา

แม่ผู้ให้กำเนิดชุยอวี่เฟยเป็นสาวใช้สินเดิมของฮูหยินชุย แม้จะได้รับการเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของฮูหยินชุย แต่ก็ถือว่าเป็นลูกสาวแท้ๆ ในตระกูลชั้นสูง คุณหนูเช่นนางนี้จะถูกเรียกว่า ‘ลูกสาวจากภรรยาน้อย’ ฐานะสูงส่งกว่าลูกนอกสมรส แต่ก็ไม่ดีเท่าลูกสาวของห้องอื่นที่ถูกเลี้ยงดูอย่างลูกชายคนโต พวกนางจึงเลือกสามีได้จากหลายตระกูล แต่ไม่รวมภรรยาเอกที่จะให้กำเนิดคุณชายของตระกูลสูงศักดิ์ ลูกสาวแบบนี้มีไว้สำหรับตระกูลที่ทรงเกียรติ ส่วนมากจะมีฐานะสูงส่ง จะแต่งงานกับตระกูลเล็กๆ ที่ค่อนข้างดีเหล่านั้น รักษาความสัมพันธ์พิเศษระหว่างตระกูลใหญ่และตระกูลเล็ก

เป็นเพราะเหตุนี้ หลิงหลงจึงวางตัวกลางๆ กับนางเสมอมา หากซั่งกวนเจวี๋ยเต็มใจ นางจะกลายเป็นภรรยารองหรืออนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยก็ถือว่าเกี่ยวดองกันได้ หากล้มเหลวก็ไม่เป็นไร แน่นอนว่าตระกูลชุยจะไม่ให้หลิงหลงน้อยเนื้อต่ำใจเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้เด็กขาด เพราะถ้าส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างหลิงหลงกับชุยฮ่าวหรันขึ้นมามันจะได้ไม่คุ้มเสีย

ด้วยเหตุนี้ หลิงหลงจึงทนคำพูดของหวังเหมยเสียนได้ แต่จะไม่เพิกเฉยต่อการก้าวก่ายที่ไม่เหมาะสมของชุยอวี่เฟย สีหน้าจึงบึ้งตึงเล็กน้อย ต้องการจะโต้กลับไป

“น้องอวี่เฟยเป็นคนใจกว้างและอ่อนหวาน ใครจะไม่ชอบเล่า? ถ้าหลิงหลงกลายเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้า จะต้องชอบเจ้ามากขึ้นแน่นอน!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ชิงพูดก่อนที่หลิงหลงจะปริปาก ใบหน้าแสดงออกอย่างสุดแสนจะจริงใจ แล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปว่า “แต่จะไม่ทำกับเจ้าเหมือนอย่างพี่สะใภ้ตระกูลชุยแน่นอน!”

“ทำไมเล่า?” ชุยอวี่เฟยมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยความข้องใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้เจวี๋ยคิดว่าพี่หลิงหลงแตกต่างจากพี่สะใภ้ใหญ่อย่างนั้นหรือ?”

ดีมาก! ไม่นึกเลยว่าจะเริ่มยุแหย่หลิงหลงกับหวังเหมยเสียนให้แตกแยกแล้ว!

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มขบขันพลางกล่าวว่า “ย่อมแตกต่างกันแน่! คำโบราณว่าไว้ พี่สะใภ้ใหญ่ประหนึ่งมารดา พี่สะใภ้ตระกูลชุยคือพี่สะใภ้ใหญ่ หน้าที่ความรับผิดชอบก็แตกต่างกันไป จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่พี่สะใภ้ตระกูลชุยเท่านั้น รวมถึงข้าด้วย ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลต่างๆ เป็นพี่สะใภ้ใหญ่กันทั้งนั้น พวกเขาย่อมห่วงใยน้องชายน้องสาวของสามีมากกว่าสะใภ้คนอื่นๆ อยู่แล้ว นี่คือความรับผิดชอบของพี่สะใภ้ คนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับหลิงหลงคือคุณชายสามของตระกูลชุย นางจึงเป็นได้เพียงพี่สะใภ้สามเท่านั้น และหลังจากที่นางกลายเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้าแล้ว ก็จะไม่เหมือนพี่สะใภ้ตระกูลชุย นั่นเป็นการดูหมิ่น ไม่เคารพพี่สะใภ้ตระกูลชุยมากขึ้น นางน่ะ เป็นได้แค่พี่สะใภ้สามเท่านั้น”

“เป็นอย่างนั้นหรือพี่หลิงหลง?” ชุยอวี่เฟยมองหลิงหลงด้วยรอยยิ้มกริ่ม นางรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่สามารถพูดอะไรที่เป็นขี้ปากชาวบ้านได้ที่นี่ จึงทำได้เพียงแค่หันไปหาหลิงหลงเท่านั้น แม้นางกับหลิงหลงจะไม่ได้ใกล้ชิดกันมากนัก แต่ก็รู้ดีว่าหลิงหลงไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไป และไม่มีแผนการอะไรนัก ตอนนี้จึงต้องดูว่านางจะพูดอย่างไร

“ใช่แล้ว!” หลิงหลงเข้าใจเหตุผลที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์รีบชิงพูดต่อหน้านาง โดยยึดตามคำอธิบายก่อนหน้านี้ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ว่า ‘เพียงแค่มีหูไม่มีปาก ฟังมากขึ้นพูดน้อยลงไม่ต้องเถียง’ แล้วตอบสั้นๆ เท่าที่จะทำได้

ชุยอวี่เฟยมีน้ำโห ไม่คาดคิดว่าหลิงหลงจะเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างกะทันหัน แม้สีหน้าจะบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้ และเห็นด้วยกับคำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้นางรับมือไม่ทันอยู่บ้าง

“พี่หลิงหลง ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไม่เหมือนใคร!” ชุยอวี่เฟยแสร้งทำเป็นเศร้าอาดูรแล้วพูดว่า “ข้าคิดเสมอว่าเราสองคนอายุไล่เลี่ยกัน ใช้เวลาร่วมกันมาก็มาก ต่างรู้ใจกันที่สุด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแค่ข้าที่คิดอยู่ฝ่ายเดียว” ในขณะที่พูดก็สะอึกสะอื้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าถ้าหลิงหลงหรือเยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังรักษาการพูดก่อนหน้านี้ไว้ แล้วแสดง ‘ความใกล้ชิด’ อย่างไม่เหมาะสม’ นางก็ไม่ถือสาจะแสดงละคร ‘เศร้าเคล้าน้ำตา’ ในวันมงคลเช่นนี้ ต่อให้จะไม่มีการพัฒนาอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ต้องรังเกียจเยี่ยนมี่เอ๋อร์เสียหน่อย ทำลายบรรยากาศงานเฉลิมฉลองนี้

สีหน้าของหลิงหลงและจิงอิ๋งเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ นึกไม่ถึงว่าชุยอวี่เฟยจะกล้าพูดแตกหักออกมาเช่นนี้ ถ้านางหลั่งน้ำตาที่นี่จริงๆ นั่นคงแย่มากสำหรับพี่สะใภ้…ที่นี่คือเรือนหอ วันนี้ยังเป็นวันแรกของงานแต่งงาน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเคราะห์ร้ายแค่ไหน! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสมาชิกในตระกูลทั่วป๋าและคนอื่นๆ ที่จ้องตาเป็นมันรอชมละครฉากเด็ดอยู่

ทั่วป๋าฉินซินยิ้มระรื่นในใจ อยากให้ชุยอวี่เฟยร้องไห้ทันที ชุยอวี่เฟยที่ยามปกติมองอย่างไรก็ขัดหูขัดตาเกิดดูน่ารักขึ้นมาทันที นางแทบรอไม่ไหวอยากจะเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ชักสีหน้า…

เยี่ยนมี่เอ๋อร์เหลือบมองอย่างรวดเร็ว การแสดงออกบนใบหน้าและดวงตาของทุกคนตกไปอยู่ที่หางตา นางมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกแล้วเอ่ยว่า “น้องอวี่เฟยเป็นอะไรไป? เจ้าดูท่าจะไม่ดี ถ้าปล่อยให้คนที่ไม่รู้จักเห็นเข้า จะคิดว่าเจ้าไม่ชอบหลิงหลง ไม่อยากให้หลิงหลงว่าที่พี่สะใภ้ผู้นี้แต่งเข้าเรือนนะ”

ชุยอวี่เฟยยังไม่มีปฏิกิริยา หวังเหมยเสียนตกตะลึง เมื่อรู้ถึงพลังของประโยคนี้ หากชุยอวี่เฟยกล้าจะหลั่งน้ำตาหลัง จากเยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดเช่นนี้ แล้วยังจะร่ำไห้อีก ก็จะถูกตราหน้าว่าไม่ต้อนรับหลิงหลงที่จะแต่งเข้ามา ชุยฮ่าวหรันผู้หลงรักหลิงหลงจะขึ้งโกรธด้วยเรื่องหยุมหยิม แต่ฮูหยินชุยจะเกิดเรื่องใหญ่ ฮูหยินชุยผู้มีหน้าตา มีมารยาทและให้ความสำคัญหลิงหลงที่มีฐานะโดดเด่นจะเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่เพียงชุยอวี่เฟยเท่านั้นที่ไม่สามารถขออะไรได้ แต่นางจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย จึงรีบพูดว่า “น้องสะใภ้เจวี๋ยมองผิดไปในครานี้ อวี่เฟยดูเหมือนจะเชื่อฟังดีแล้ว อันที่แค่จริงซุกซนเป็นนิสัย นางเพียงเล่นหยอกล้อกับหลิงหลงก็เท่านั้น อวี่เฟย วันนี้หายากที่ทุกคนจะมารวมตัวกัน จะเป็นเด็กดื้อไม่ได้!”

ต่อให้ชุยอวี่เฟยอยากจะส่งเสียงดัง แต่หลังจากฟังคำพูดของหวังเหมยเสียนแล้วก็ทำได้เพียงร่วมมืออย่างไม่เต็มใจเท่านั้น ในขณะนี้ได้ขจัดความเศร้าบนใบหน้า แล้วฝืนตีสีหน้ายิ้มแย้มกล่าวว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าแกล้งทำเหมือนไหม?”

“แกล้งทำได้เหมือนมาก” ทั่วป๋าฉินซินชิงพูดตัดหน้า นางผิดหวังไม่น้อย ทำไมชุยอวี่เฟยถึงไม่ร้องไห้ออกมาเล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่เพียงเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะน่าขยะแขยงเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นไร้ความสามารถ ชุยอวี่เฟยคนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ เล่นละครเสียเปล่าตั้งพักใหญ่ ขายหน้าตัวเองและตระกูลชุยนัก!

“เจ้า…” ชุยอวี่เฟยและทั่วป๋าฉินซินเหมือนกับหวงฝู่อวี๋หลิงและหวังเหยียนซิน ฉากการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีความหึงหวงมักเกิดขึ้น แม้จะไม่มีใครแสดงออกตรงๆ ว่ารักชอบซั่งกวนเจวี๋ย แต่ต่างก็รู้ความคิดของอีกฝ่าย ไม่ชอบกันมาเนิ่นนานแล้ว และต่อสู้ทั้งซึ่งหน้าและลับหลังกันมาหลายหน ด้วยคำพูดประโยคนี้ของทั่วป๋าฉินซินก็กระตุ้นความโกรธในส่วนลึกที่สุดในใจของนางได้

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับทุกคน? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเราอยู่ที่ไหน?” หยางหานยวนสะใภ้ใหญ่ตระกูลมู่หรงส่งเสียงดังออกมาในที่สุด ชุยอวี่เฟยและทั่วป๋าฉินซินจ้องหน้ากันแวบหนึ่ง และระงับความโกรธไว้ในใจทันที

หยางหานยวนมีสถานะที่แตกต่างกันมากในหมู่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลชนชั้นสูง ดูเหมือนนางจะเกิดมาต่ำต้อยกว่า

หลี่ฉยงอวี่และหวังเหยียนหย่าเล็กน้อย แต่นางเป็นต้นตระกูลของเมืองโยวโจว แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ตระกูลหยางยังเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายร้อยปีในโยวโจว ทรงอำนาจติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรกของโยวโจว ในราชวงศ์ต้าเยียนถือเป็นตระกูลชนชั้นสูงสุด แต่ตระกูลดังกล่าวกลับเคราะห์ร้าย…ไร้ทายาทสืบสกุล!

              ในช่วงแรกตระกูลหยางก็เจริญรุ่งเรืองเช่นกัน แต่เนื่องจากเกิดเรื่องภายในบ้าน ผู้หญิงในเรือนหลังบ้านต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ตัวเองเป็นที่โปรดปรานและลูกๆ เลื่อนฐานะ แก่งแย่งกันไม่หยุดหย่อน เมื่อนายท่านพบเรื่องนี้ เด็กๆ ในครอบครัวก็ตายและพิการ อาจกล่าวได้ว่าคนเก่งถูกกำจัด หลังจากรู้ต้นสายปลายเหตุทะลุปรุโปร่งนายท่านก็แก้ไขกฎของตระกูล นั่นคือลูกหลานที่ไม่ใช่สายตรงจากภรรยาเอกจะไม่ได้สืบทอดกิจการของตระกูล ลูกสาวที่ไม่มีลูกจะได้รับมรดกแทน ถ้าสวรรค์ไม่มีตาไม่มีทั้งลูกชายลูกสาว จะยอมหักไม่ยอมงอ แต่ไม่ยอมให้ทรัพย์สินของตระกูลตกไปอยู่ในมือของลูกหลานที่เกิดจากภรรยาน้อย

การแก้ไขกฎของตระกูลที่ผิดพลาดนี้ ทำให้หลังบ้านของตระกูลหยางอยู่ได้อย่างเงียบสงบ การต่อสู้ระหว่างผู้หญิงไม่เคยถูกขัดจังหวะ แต่ตำแหน่งของนายหญิงที่ดูแลบ้านก็ตั้งอยู่บนหิ้งนับจากนั้นมา ตราบใดที่นางยังคงให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูลูกหลาน ก็ไม่ต้องกังวลว่าความเป็นเลิศของลูกชายภรรยาน้อยจะมาพรากทุกอย่างไปจากลูกของนางเอง ยามนั้นตระกูลหยางสามารถฟื้นคืนอำนาจมาได้ แต่เนื่องจากกฎของตระกูลที่แตกต่างกันนี้ ตระกูลหยางจึงเกิดเหตุการณ์ที่ผู้อุปถัมภ์เป็นนายหญิงหลายครั้ง และหยางหานยวนก็เป็นนายหญิงคนต่อไปของตระกูลหยาง ต่อให้นางจะแต่งเข้าตระกูลมู่หรงแล้ว แต่สถานะของนางก็มิอาจลบเลือนไปได้

แม้ตระกูลหยางจะไม่ได้ให้สินเดิมกับหยางหานยวนเมื่อแต่งเข้าตระกูลมู่หรง แต่หยางหานยวนได้ทำข้อตกลงกับผู้หลักผู้ใหญ่ตระกูลมู่หรงแล้วว่า นั่นคือลูกชายหรือลูกสาวคนรองของนางจะอยู่ในโอวาทแม่ สืบทอดเชื้อสายตระกูลหยาง สิ่งนี้หมายความว่ากระไร? หมายความว่าตระกูลหยางจะกลายเป็นอีกหน่วยหนึ่งของตระกูลมู่หรง เป็นเรื่องง่ายที่จะรวมตระกูลหนึ่งเข้ามาเป็นหน่วยของตระกูลมู่หรง สำหรับตระกูลมู่หรงแล้วก็ไม่ต่างกับได้รับของขวัญที่ประทานจากฟากฟ้า ไหนเลยตระกูลอื่นๆ จะไม่อิจฉาตาร้อน นี่เป็นเรื่องดีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่สามารถปฎิบัติตามได้

และเพียงแค่เท่านี้ ก็สามารถสร้างฐานะที่แตกต่างให้กับหยางหานยวนในตระกูลมู่หรง เช่นเดียวกับมู่หรงปั๋วเย่และหวงฝู่หลินยวน มีอนุภรรยาที่ทรงพลังมาก อนุภรรยาซุนเฟยเสวี่ยของหวงฝู่หลินยวนเคยร่ำลือว่าเป็นหญิงงามรองจากมู่หรงชิงหวั่น มีเสน่ห์ชดช้อย หวงฝู่หลินยวนหลงรักอย่างหัวปักหัวปำ อนุภรรยาซุนผู้นั้นก็เก่งกาจไม่เบา รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง สมาชิกทุกคนในตระกูลหวงฝู่ถูกนางซื้อเกือบทั้งหมด ผู้สนับสนุนหลี่ฉยงอวี่มีเพียงคนเดียวคือหวงฝู่อวี๋หลิงซึ่งก็มีซุนเฟยเสวี่ยเป็นศัตรูเช่นกัน…คู่หมั้นของนาง อิ๋งอี้หังก็มีหญิงงามคนสนิทที่ร้ายกาจอย่างนี้ด้วย ทั้งยังสนิทสนมกับซุนเฟยเสวี่ยคนนั้น แต่เฉินเยียนอวี่อนุภรรยาของ มู่หรงปั๋วเย่ไม่เหมือนกัน วิธีการของนางดีกว่าซุนเฟยเสวี่ยและแสดงได้แนบเนียนกว่า แต่นอกจากมู่หรงปั๋วเย่แล้ว ไม่มีใครเล่นด้วยกับนาง เหตุผลก็คือ…เป็นเพราะหยางหานยวนมีตำแหน่งที่โดดเด่นกว่านั่นเอง

ทันทีที่หลี่ฉยงอวี่ตั้งครรภ์หลังจากเข้าพิธีแต่งงาน หวงฝู่หลินยวนก็รับเฟยเสวี่ยแต่งเข้ามา หลังจากที่หลี่ฉยงอวี่ให้กำเนิดลูกสาวและลูกชายคนโต ไม่นานนักเฟยเสวี่ยก็ตั้งครรภ์ ส่วนมู่หรงปั๋วเย่เล่า? ต้องรอให้หยางหานยวนให้กำเนิดลูกชาย เมื่อลูกชายจากภรรยาเอกอายุได้หนึ่งร้อยวันถึงจะแต่งเฉินเยียนอวี่เข้ามา แม้จะรักใคร่โปรดปรานมากเพียงใด แต่เขาก็อยู่ที่นั่นเพียงเจ็ดแปดวันในช่วงต้นเดือนเท่านั้น เพื่อให้เกียรติหยางหานยวนพอสมควร และตอนนี้ทั้งสองแต่งงานกันมาได้สามปีแล้ว ลูกชายคนโตอายุเกือบสองขวบแล้ว กระนั้นเฉินเยียนอวี่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีข่าวดีอะไร นั่นหมายความว่าอย่างไร หมายถึงว่านางต้องรอให้หยางหานยวนตั้งครรภ์อีกครั้งจึงจะมีสิทธิ์ตั้งท้องได้

สถานะของหยางหานยวนในครอบครัวสามี ทำให้ทุกคน…โดยเฉพาะสะใภ้ใหญ่ทุกคนอิจฉายิ่งนัก และสถานะนั้นก็สูงเหนือชั้นกว่าใครๆ อยู่แล้ว

“น้องสะใภ้เจวี๋ยหัวเราะออกแล้ว” หยางหานยวนเห็นว่าในที่สุดพวกนางก็สงบลงจึงพูดกลั้วหัวเราะว่า “บรรดาสะใภ้ใหญ่และคุณหนูในตระกูลสูงศักดิ์ล้วนเป็นเช่นนี้ หายากที่จะมีคนอยู่เป็นเพื่อนด้วยในยามปกติ เลยรู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อพบกันจึงชอบส่งเสียงทะเลาะ น้องสะใภ้เจวี๋ยอย่าขุ่นเคืองเชียวนะ”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พลันแสดงท่าทีไม่ถือสาพลางกล่าวว่า “ข้ากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องดี อย่างน้อยมองหน้ากันก็จะไม่เงียบ เจ้าเมียงมองข้า ข้าเมียงมองนาง ระดมสมองหาคำมาคุยเล่นกันก็ไม่ว่า”

“ไม่ทราบว่าน้องสะใภ้เจวี๋ยชอบใช้เวลาว่างทำอะไรหรือ?” หยางหานยวนเอ่ยถามตามปกติ ดวงตาของทุกคนสว่างวาบขึ้น ในที่สุดก็มาถึงประเด็นสำคัญในการพบกันวันนี้…

———————————-