ตอนที่ 81.1 ห้องน้ำอันฮึกเหิม (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ฮิ ๆ มีคำกล่าวว่า ยอมล่วงเกินผู้น้อย อย่าล่วงเกินสตรี!

เล่อเหยาเหยาปกติเป็นคนใจกว้างไม่ถือสาคนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าชายชั้นต่ำน่าชังตรงหน้านี้จะเหมือนกัน!

ชายหนุ่มน่าตายนี้ อยากให้เธออับอาย อยากเห็นเธอโมโห ฮึฮึ เธอไม่ทำให้เขาสมปรารถนาแน่!

ยิ่งเขาอยากเห็นเธอโมโห เธอจะยิ้มให้เขาดู!

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงยิ้มอย่างจริงใจ อีกทั้งรอยยิ้มบนใบหน้ายังดูสดใสเป็นที่สุด

ราวกับดอกฉยงฮวาพันสิบล้านดอกกำลังเบ่งบานอยู่ตรงหน้าหนานกงจวิ้นซี

ทำให้หนานกงจวิ้นซีที่เห็นหัวใจพลันเต้นระรัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เห็นเพียงขันทีน้อยที่เล็กกะทัดรัดสดใสตรงหน้านี้ มวยผมบนศีรษะเปียกชื้นไปไม่น้อย บางครั้งยังมีหยดน้ำไหลจากหน้าผากขาวนวลของ ‘เขา’ ลงมาสู่ข้างแก้ม ภายใต้แสงเรืองรองของไข่มุกราตรีที่สาดส่องแสงอย่างอ่อนโยนออกมา

ทำให้ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของ ‘เขา’นั้นดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น

อีกทั้งดวงตาที่ยิ้มจนเป็นเส้นโค้งของ ‘เขา’ภายในเบ้าตาสว่างไสว งดงามน่าประทับใจอย่างมิอาจกล่าวได้หมด

ตามมาด้วยจมูกงามเฉิดฉาย ด้านล่างมีริมฝีปากชมพูที่เดิมทีเบ้ขึ้นสูง เวลานี้กลับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว

รอยยิ้มดุจบุปผานั้น ช่างงดงามยิ่งนัก งดงามจนน่าใจหายใจคว่ำ!

ทันใดนั้น ในใจหนานกงจวิ้นซีพลันรู้สึกราวไฟดูดขึ้นมา

คล้ายกับว่ามีกระแสไฟฟ้าทะลุเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว จนทำให้กระดูกของเขาชาจนแทบหัก

สำหรับความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ ทำให้ดวงตาหนานกงจวิ้นซีปรากฏความแปลกใจแวบขึ้นมา ใบหน้ายังตกตะลึงเล็กน้อย พร้อมทั้งคล้ายไม่ได้สติ

จนกระทั่งเล่อเหยาเหยาหยิบผ้าขึ้นมา พลางเอ่ยกับเขาด้วยรอยยิ้มดุจบุปผาว่า

“องค์ชายเจ็ด เช่นนั้นให้บ่าวปรนนิบัติท่านนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม แต่เมื่อเอ่ยถึงคำสุดท้าย น้ำเสียงดูลึกล้ำยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่เวลานี้หนานกงจวิ้นซีกำลังถูกเล่อเหยาเหยาจ้องมองด้วยหน้าตายิ้มแย้มราวบุปผานั้น กลับไม่รู้สึกตัวถึงสิ่งนี้เลยสักนิด

หลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ก็พยักหน้าอย่างงงงัน ดวงตาดอกท้อดูเคลิบเคลิ้มนั้นไม่ละไปจากใบหน้าของเล่อเหยาเหยาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

จนกระทั่งแผ่นหลังคล้ายเจ็บปวดราวถูกถลกหลังอย่างรุนแรงขึ้นมา จึงทำให้หนานกงจวิ้นซีพลันได้สติ ก่อนอดขมวดคิ้วน่ามองนั้นแน่นไม่ได้ เห็นชัดว่าทนกับแรงขัดของเล่อเหยาเหยาที่คล้ายช่วยขัดผิวหนังของเขาออกไปนั้นไม่ได้

ขณะที่หนานกงจวิ้นซีกำลังจะเอ่ยบางสิ่งกับเล่อเหยาเหยา เล่อเหยาเหยากลับเอ่ยปากอีกครั้ง

อีกทั้งน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความอิจฉาเลื่อมใส

“สวรรค์! ผิวองค์ชายเจ็ดดีมากเลย ร่างกายกำยำ บ่าวเห็นว่าทั่วแคว้นเทียนหยวนนี้ ไม่มีผู้ใดมีร่างกายสมบูรณ์เทียบกับองค์ชายเจ็ดได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

คำพูดประจบประแจงเช่นนี้ หนานกงจวิ้นซีฟังจนเบื่อมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่คำพูดนี้ที่ออกมาจากปากเล่อเหยาเหยา รวมเข้ากับสีหน้าที่เผยความเลื่อมใสออกมาของเธอ กลับทำให้เขาพอใจยิ่งนัก

เพราะทุกคนต่างรักสวยรักงาม เขาก็ไม่มีข้อยกเว้น

อีกทั้งไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเขาเห็นดวงตางดงามกลมโตวิบวับคู่นั้นของขันทีน้อยตรงหน้า ก็ทำให้อารมณ์ของเขามีความสุขขึ้นมา

นอกจากนี้ ทั่วร่างเหมือนกับเริ่มอิ่มอกอิ่มใจ

เพียงแต่หากไม่มีแรงราวเชือดหมูนั้น ตอนนี้เขาอาจจะมีความสุขกับช่วงเวลานี้จริงๆ ก็เป็นได้!

ทว่าน่าเสียดาย ขณะที่เขาคิดจะเอ่ยปากให้เล่อเหยาเหยาเบาแรงลงอีกครั้ง เล่อเหยาเหยามักตัดบทเขา และบนใบหน้างดงามนั้น คล้ายกับไม่รู้ว่าเขากำลังได้รับความทุกข์ทรมานอยู่แม้แต่นิดเดียว ออกแรงขัดถูไม่หยุดราวกับแปรงขนม้า

แม้บนร่างกายจะถูกขัดจนเจ็บระบม แต่เล่อเหยาเหยากลับพูดจาได้น่าฟังยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นคำพูดประเภทหวานจนต้องร้องขอชีวิต

ดังนั้นทุกครั้งที่หนานกงจวิ้นซีคิดจะเอ่ยปาก ล้วนถูกคำพูดหวานหูราวอาบน้ำผึ้งของเล่อเหยาเหยาทำให้เคลิบเคลิ้มอย่างถึงที่สุด

การขัดหลังที่ทั้งหวานชื่นและเจ็บปวดนี้ กินเวลายาวนานไปกว่าหนึ่งชั่วยาม จนกระทั่งน้ำในถังไม้เย็นจึงจบลง

เวลานั้น แม้เล่อเหยาเหยาจะพูดจนคอแห้งเจ็บมือ แต่ในใจกลับรู้สึกดียิ่งนัก

เพราะเมื่อเห็นแผ่นหลังขององค์ชายเจ็ดที่ดื้อรั้นถูกเธอขัดถูจนแดงก่ำ และความเจ็บปวดที่ปรากฎออกมาตรงระหว่างคิ้ว ทว่ากลับอดกลั้นเอาไว้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมส่งเสียงออกมาของเขา ทำให้เธอเบิกบานใจยิ่งนัก

ผู้ชาย มักรักศักดิ์ศรีและชอบฟังคำหวานรื่นหู ฮิฮิ ก็ไม่ดูว่าเธอคือใคร เธอน่ารังแกขนาดนั้นเลยใช่หรือไม่

ในใจแอบยิ้มอย่างภูมิใจ แต่เล่อเหยาเหยากลับมีใบหน้าเรียบเฉย ก่อนเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีว่า

“องค์ชายเจ็ด ขัดหลังเสร็จแล้ว น้ำก็เย็นแล้ว องค์ชายเจ็ดลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“อืม”

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยพูดด้วยใบหน้านอบน้อม หนานกงจวิ้นซีจึงลุกขึ้นจากถังอาบน้ำ ใครจะรู้ว่าเขากลับไม่ระวังกับผิวหนังบนแผ่นหลัง เจ็บจนต้องกัดฟันกรอดทันที

ก่อนค่อยๆ หมุนตัวไปที่กระจกทองเหลืองด้านข้าง นี่ไม่มองถือว่ายังดี ทว่าพอมองหนานกงจวิ้นซีพลันดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าขึ้นเล็กน้อย ตกตะลึงไปทั่วใบหน้า

เห็นเพียงผิวสีน้ำตาลบนแผ่นหลังของเขา เวลานี้กลับแดงเป็นปื้น มองเช่นไรก็น่าหวาดกลัว

เห็นเช่นนั้น หนานกงจวิ้นซีก็ตกตะลึง เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นใบหน้าตกตะลึงจนพูดไม่ออกของเขา ในใจเบิกบานราวบุปผาขึ้นมา

ฮึฮึ ใครให้ชายผู้นี้ทั้งใจแคบและเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ เธอเพียงถลกผิวหนังของเขาออกมาเล็กน้อย แม้จะดูถูกเธอเกินไปก็ตาม!

ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังคิดอย่างภูมิใจ คิดไม่ถึงว่า หนานกงจวิ้นซีกลับเห็นสายตาภูมิใจที่แวบขึ้นมาของเธอเข้า ก่อนพลันเข้าใจเรื่องราวขึ้นมา

“เจ้าบ่าวรับใช้ผู้นี้ เจ้าตั้งใจทำใช่หรือไม่!”

ตั้งใจพูดคำหวานกรอกหูเขาไม่หยุด จนเขาหลงใหลอิ่มอกอิ่มใจ ความจริงกลับแก้แค้นเขา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี แปลกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดเขาถึงเข้าใจได้รวดเร็วเช่นนี้ เห็นชัดว่าเขาไม่ได้โง่เขลา!

แต่แม้เขาจะรับรู้แล้ว ทว่าเธอต้องไม่ยอมรับแน่นอน!

น่าขัน เธอไม่ได้เบื่อชีวิต เรื่องทำร้ายองค์ชายเจ็ดพวกนี้ เธอจะทำได้เช่นไร เพียงแต่…

“โอ องค์ชายเจ็ดปรักปรำบ่าวแล้ว เรื่องนี้บ่าวไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่บ่าวแรงเยอะมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อครู่บ่าวออกแรงถูหลังให้องค์ชายเจ็ดอย่างเบาที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าร่างกายขององค์ชายเจ็ดจะบอบบางเช่นนี้ เรื่องนี้…”

เมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าโหดเหี้ยมของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาเพียงทำหน้าโศกเศร้า พร้อมเอ่ยพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม

หากคนที่ไม่เข้าใจเธอ ยังจะคิดว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ !

เพราะฝีมือการแสดงของเล่อเหยาเหยาถือว่าฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ แม้จะมีสายตาแหลมคม ก็ดูไม่ออกว่าเธอกำลังเสแสร้ง!

ส่วนหนานกงจวิ้นซีเมื่อเห็นสีหน้าราวผู้บริสุทธิ์ไม่ได้รับความเป็นธรรมของเล่อเหยาเหยา และคำพูดที่เอ่ยออกมานั้น ยิ่งโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา

“อะไรนะ! ร่างกายข้าบอบบาง!”

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีอดยิ้มมุมปากไม่ได้

เพราะคำนี้ใช้บรรยายถึงสตรี เล่อเหยาเหยาพูดเช่นนี้ หากลงโทษ ‘เขา’อาจทำให้คนพูดว่าเขาสู้กระทั่งสตรีไม่ได้แน่

เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษอกสามศอกที่สง่างาม เป็นชายชาตรี กลับถูกคนเอ่ยว่าร่างกายบอบบาง…

ยิ่งคิดหนานกงจวิ้นซียิ่งโมโห แต่เมื่อเผชิญกับใบหน้าเล็กที่ไร้เดียงสาอย่างที่สุดของเล่อเหยาเหยา เขาก็ยิ่งโมโหจนแทบบ้า

ดวงตาดอกท้องดงามคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเท้าพลันก้าวเหยียบออกมาจากถังอาบน้ำ

และจากท่าทางของเขา นกใหญ่ตรงระหว่างขาของเขายังมีหยดน้ำเกาะอยู่และยังโยกย้ายไปมากลางอากาศไม่หยุดอีกด้วย บางครั้งยังมีหยดน้ำหล่นลงมาด้วย ภาพนั้น มองแล้วทำให้คนหน้าแดงใจเต้นและกระดากอายยิ่งนัก

เดิมทีเล่อเหยาเหยาที่แสร้งบริสุทธิ์โดนใส่ร้าย หลังเห็นนกใหญ่ตัวนั้น ดวงตางดงามน่ามองคู่นั้นพลันเป็นประกายขึ้นชั่วขณะ ก่อนรีบก้มหน้าลง

แอบตำหนิตนเองอยู่ในใจ เห็นท่าทางโมโหขนาดหนักขององค์ชายเจ็ด คิดว่าเมื่อครู่เธอเล่นแรงเกินไปหรือไม่!

นอกจากนี้คนในยุคโบราณอนุรักษ์นิยมมากมิใช่หรือ แต่เหตุใดพวกเขาทุกคนจึงชอบเปิดเผยนกน้อยต่อหน้าคนอื่นกันนัก! หรือทุกคนไม่เปิดเผยออกมาไม่ได้

ขณะคิดอยู่ในใจ สองแก้มเล่อเหยาเหยาพลันเขินอาย

เพราะดูเช่นไรถึงเธอจะก่อเรื่องที่ถือว่าไม่ดี แต่เธอยังเป็นสาวน้อยที่ยังถือว่าเป็นพรหมจรรย์  เธอยังรู้จักการเขินอาย!

เพียงแต่ท่าทางก้มหน้าเขินอายของเธอ ในสายตาบางคน เพียงคิดว่าเธอร้อนตัว ก็พลันโมโหยิ่งขึ้น

“เจ้าบ่าวรับใช้ผู้นี้ เจ้าตั้งใจทำ กลับคิดเล่นลิ้น! ข้าว่าเจ้าคงเบื่อชีวิตแล้วใช่หรือไม่!”

หนานกงจวิ้ซีสีหน้าเขียวครึ้ม น้ำเสียงนั้นราวเค้นออกมาตามไรฟัน

ทำให้คนฟังหนังศีรษะชาวาบ ขนลุกชันไปทั้งตัว

เวลานี้เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าตนเองได้ยั่วโมโหชายผู้นี้เข้าแล้ว

ในใจค่อยๆ กังวลขึ้นมา ทันใดนั้นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอคือ…

หนี!

น่าเสียดายที่เมื่อเธอนึกวิธีนี้ได้ พร้อมคิดจะหมุนตัววิ่งหนีไปนั้น หนานกงจวิ้นซีที่ล่วงรู้ความคิดนี้ของเธออยู่ก่อนแล้ว พลันก้าวเข้ามา ยื่นแขนที่ยาวออกไปคิดจะจับเจ้าเด็กน้อยน่าชังเกเรที่คิดจะหลบหนีกลับมา

คิดไม่ถึง เท้าของหนานกงจวิ้นซีที่เดินไปทางเล่อเหยาเหยา กลับไม่ระวังเหยียบจ้าวเจี่ยว[1]ที่ไม่รู้ว่าหล่นอยู่บนพื้นตั้งแต่เมื่อใดเข้า ดังนั้นโศกนาฏกรรมจึงเกิดขึ้น…

ทันใดนั้นเสียง ‘โอ๊ย’สองเสียงก็ดังขึ้น เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีคิดจะหลบหนี พลันถูกหนานกงจวิ้นซีที่เหยียบจ้าวเจี่ยวเข้าจนสูญเสียการทรงตัวล้มทับลงบนพื้นอย่างรุนแรง

เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก ทุกคนต่างไม่คาดคิดมาก่อน

[1] จ้าวเจี่ยว ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gleditsia sinesis เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายฝักถั่ว ฝักสามารถนำมาใช้ทำยาและสบู่ได้