ตอนที่ 81.2 ห้องน้ำอันฮึกเหิม (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เดิมทีเล่อเหยาเหยาที่คิดจะหนี เพียงรู้สึกว่ามีบางอย่างที่หนักทับลงมา จนร่างกายถูกกดทับไว้บนพื้น ศีรษะกระแทกจนเกิดเสียง ‘ปั๊ก’ ดังขึ้น ก่อนจะเห็นดวงดาวหมุนวนไปมาไม่หยุดอยู่ตรงหน้า

เมื่อล้มลงเช่นนี้ กระดูกทั่วร่างกายแทบหักแยกออกจากกัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยังมีร่างกายอันหนักอึ้งทับลงมาบนตัวอย่างรุนแรง จนจู่ๆ เล่อเหยาเหยาอยากตายขึ้นมา

ตรงข้ามกับความทรมานของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีที่ทับอยู่บนตัวเธอกลับดูสบายกว่า

แม้ภาพตรงหน้าจะทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

รู้สึกเพียงคนด้านล่างตน เล็กบอบบางยิ่งนัก ส่วนร่างกายก็นุ่มนิ่มราวกับขนมสายไหมที่แฝงไปด้วยความหอมหวาน…

สำหรับการใกล้ชิดกับร่างกายนุ่มนิ่มด้านล่างนั้น ทำให้หนานกงจวิ้นซีตกตะลึงจริงๆ

นอกจากนี้ในใจยังเกิดความคิดไม่อยากปล่อยไป

เมื่อก้มลงมอง เห็นเพียงขันทีน้อยด้านล่าง เพราะเจ็บปวดจึงขมวดอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าเล็กน้อย ใบหน้าเรียวนั้นเล็กอย่างยิ่ง อีกทั้งอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้ายังประณีตยิ่งนัก

นอกจากนี้ไม่รู้เพราะใกล้ชิดกับ ‘เขา’เกินไปหรือไม่ เขาจึงได้กลิ่นหอมจางๆ ของดอกกุหลาบที่น่าสูดกลิ่นยิ่งนักจากตัว‘เขา’ !

ดังนั้นหนานกงจวิ้นซีจึงอดสูดดมโดยไม่รู้ตัว โดยลืมไปทันทีว่าเวลานี้ตนยังเปลือยกายอยู่…

ส่วนเล่อเหยาเหยาหลังได้สติและฝืนความเจ็บปวดบนร่างกายเอาไว้ รับรู้ว่าหนานกงจวิ้นซียังทับตนอยู่ โดยไม่คิดที่จะลุกขึ้นไปเลยสักนิด ก่อนพลันโมโหขึ้นมา

“น่าตายนัก เจ้ารีบลุกขึ้นนะ เจ้ามันคนวิปริต!”

เล่อเหยาเหยาทั้งกัดฟันร้องตะโกนใส่หนานกงจวิ้นซีที่ทับอยู่บนตัวเธอ ทั้งยื่นมือคิดจะผลักชายหนุ่มบนตัวนั้นออกไป

เพราะเธอยังไม่ลืมว่าบนตัวหนานกงจวิ้นซีเวลานี้ไม่มีสิ่งใดเลย เขาเปลือยกายนอนทับเธออยู่

เธอตอนนี้ไม่เพียงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ยังเป็นขันทีน้อย!

ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งโมโห แต่แรงของผู้หญิงจะสู้ผู้ชายได้เช่นไร ไม่ว่าเธอจะผลักหนานกงจวิ้นซีอย่างไร หนานกงจวิ้นซีกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาโมโหจนหน้าอกเหมือนมีกองไฟกำลังลุกโหมขึ้นมาไม่หยุด

สำหรับการโมโหของเล่อเหยาเหยา เมื่อหนานกงจวิ้นซีได้ยินคำพูดของเธอ ก็โมโหอย่างยิ่งช่นกัน

“เจ้าบ่าวรับใช้สมควรตาย เจ้าว่าผู้ใดวิปริต!”

“เจ้า เป็นเจ้า เจ้ามันวิปริต เจ้ารีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

เล่อเหยาเหยาโมโหหนานกงจวิ้นซี จนดวงตางดงามที่เบิกกว้างนั้น ปรากฏเปลวไฟวาบขึ้นมา

เจ้าคนน่าตายนี้ !ยังไม่ลุกขึ้นอีก เธอจะถูกเขาทับตายแล้ว!

อีกอย่างหรือเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเปลือยกายทับอยู่บนตัวขันที มีปัญหาอันใดกันแน่!

หากภาพเช่นนี้ถูกคนอื่นเห็นเข้า จะคิดเช่นไร เธอบริสุทธิ์มาตลอดชีวิต…

ขณะที่เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนอยู่ในใจ ทางหนานกงจวิ้นซีนั้นกลับไม่รู้สึกถึงความกังวลในใจของเล่อเหยาเหยาเลย เขาเพียงเอาแต่โมโหที่เล่อเหยาเหยาด่าท่อว่าตนวิปริต

เพราะตั้งแต่เด็กจนโต ทุกคนต่างประจบสอพลอเขา พินอบพิเทากับเขา แต่ขันทีตรงหน้านี้ล่ะ!

ตอนแรกเพราะไม่รู้สถานะจริงของเขาจึงลงมือทำร้าย แต่เวลานี้หลังจาก ‘เขา’ รู้สถานะของตนแล้ว กลับยังกล้าด่าท่อเช่นนี้!

ตายหรือ วิปริตหรือ คนเลวหรือ!

เมื่อเอ่ยว่าเขาเช่นนี้ เช่นนั้น เขาจะ…วิปริตให้ ‘เขา’ดู!

‘เขา’ ยิ่งอยากให้เขาลุก เขาจะยิ่งไม่ลุก ให้ ‘เขา’ โมโหตายไปเลย!

หนานกงจวิ้นซีคิดแผนร้ายในใจ อีกทั้งเขาก็คิดว่า ความจริงนอนบนร่างกายอ่อนนุ่มด้านล่างนั้นช่างสบายมากเสียจริง!

อย่างน้อยก็สบายกว่าเตียงหนานุ่มขนาดใหญ่ที่เขาเคยนอนมาก่อนหน้านี้

อีกทั้งยังมีกลิ่มหอม อ่อนนุ่ม…

ยิ่งคิดหนานกงจวิ้นซียิ่งไม่รู้สึกตัวว่า ระหว่างคิ้วของตนค่อยๆ ปรากฏความพอใจอย่างยิ่งขึ้นมา

เขาเพียงคิดอยากนอนอยู่บนนี้ ยั่วให้ขันทีน้อยโมโห

คิดไม่ถึง ยิ่งนอนอยู่บนนั้น สุดท้ายเขารู้สึกว่าความจริงเขากำลังลงโทษตนเอง

เพราะการลงโทษที่โหดร้ายก่อนหน้านี้ ไม่รู้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด

จากนั้นเขาค่อยๆ รู้สึกว่าเลือดบนร่างกายเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา

กระแสความร้อน ไหลวิ่งออกมาจากร่างกายส่วนล่างไม่หยุด ก่อนจะไปรวมอยู่ที่จุดหนึ่ง

ความรู้สึกที่แปลกประหลาดเช่นนี้ กลับทำให้เขารู้สึกสบายและเจ็บปวดเล็กน้อย ทว่ากลับอยากจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ…

โดยเฉพาะเมื่อบนตัวขันทีน้อยเวลานี้กำลังต่อสู้ดิ้นรน และกำปั้นเล็กของ‘เขา’ ที่ทุบบนหน้าอกของเขาไม่หยุด หนานกงจวิ้นซีรู้สึกเพียงในใจคล้ายมีแมวน้อยตัวหนึ่งกระโดดเข้าไป จนในใจเขาคันยุบยิบไม่หยุด

สำหรับการทุบตีที่ไม่เจ็บไม่คันของเล่อเหยาเหยานั้น ทำให้ดวงตาดอกท้อที่น่ามองของหนานกงจวิ้นซีโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนพลันยิ้มออกมาทั่วใบหน้าอย่างมีความสุข ก่อนหัวเราะพลางเอ่ยว่า

“ใช้แรงให้มากกว่านี้อีกเถิด!เจ้าไม่เพียงรูปร่างเล็ก กระทั่งแรงยังน้อยนิดเช่นนี้ เมื่อครู่เจ้ามิใช่เอ่ยว่าแรงเยอะมาตั้งแต่เกิดหรือ! เหตุใดตอนนี้จึงเหลือแรงเพียงน้อยนิดเล่า! ”

“เอ่อ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา

คนเดียวที่สมควรตายนี้ รังแกกันเกินไปแล้ว!

น่าตายนัก!เธอไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด!

เล่อเหยาเหยาคิดอยู่ในใจ พร้อมทั้งทราบดีว่าตนเองทุบเช่นนี้ต่อไป คนที่ต้องทรมานมีเพียงตนเท่านั้น

มองมือเล็กที่ทุบจนแดงก่ำของตน สำหรับเจ้านั่นกลับคล้ายเพียงแสบๆ คันๆ ทำให้เล่อเหยาเหยาหดหู่ยิ่งนัก

เมื่อมองใบหน้าที่หยิ่งยโสของหนานกงจวิ้นซีอีกครั้ง เล่อเหยาเหยาโมโหจนใกล้จะระเบิดออกมา ดังนั้นจึงคิดไม่ถึงว่าจะอ้าปากกัดลงไปที่อกอันกำยำตรงหน้านั้นเลย!

“โอ๊ย!เจ้าบ่าวน่าตายนี้ เจ้าปล่อยปากเลยนะ!”

หนานกงจวิ้นซีที่เดิมทีกำลังยิ้มอย่างภูมิใจอยู่นั้น ต้องคิดไม่ถึงว่าเล่อเหยาเหยาจะอ้าปากกัดตนเป็นแน่ บนหน้าอกมีความเจ็บปวดวิ่งแล่นขึ้นมา ทำให้เขาต้องกัดฟันกรอด รีบยื่นมือคิดจะผลักเล่อเหยาเหยาที่ปีนจากพื้นขึ้นมา

ทว่าเวลานี้เล่อเหยาเหยาที่โมโหอย่างหนัก กลับมีพละกำลังมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ

ความจริงเมื่อครู่เล่อเหยาเหยาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าตนจะกัดที่หน้าอกของชายหนุ่มตรงหน้า

แต่ตอนนั้นเธอโมโหอย่างหนัก ตอนกัดหน้าอกของชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวว่าตนทำสิ่งใดลงไป

แต่ตอนเธอคิดจะปล่อยปาก กลับเห็นท่าทางของหนานกงจวิ้นซีที่ถูกตนกัดจนทั่ว มีใบหน้าที่เจ็บปวด และกัดฟันกรอด ในใจจึงเบิกบานอย่างยิ่ง

น้ำหนักของปากพลันไม่ผ่อนลงกลับเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

ฮึ ๆ!

ใครให้เขาร้ายกาจเช่นนี้! ฉันตีนายให้ตายไม่ได้ ฉันก็จะกัดนายให้ตายไปเลย!

หลังตัดสินใจ เล่อเหยาเหยาออกแรงกัดอย่างรุนแรง จนกระทั่งภายในปากค่อยๆ รับรู้ถึงรสชาติของเลือดสดๆ จึงทำให้เธอได้สติกลับมา เธอกัดหน้าอกชายหนุ่มนี้จนบาดเจ็บแล้ว…

เมื่อตกตะลึงในใจเล็กน้อย เล่อเหยาเหยาพลันปล่อยปาก กระพริบดวงตางดงามอยู่ชั่วครู่ ก่อนมองไปที่รอยฟันลึกที่อยู่บนหน้าอกด้านบนนั้น

เมื่อครู่เธอกัดแรงอย่างมาก แทบใช้แรงทั้งหมดที่มีกัดลงไป

อันที่จริงเล่อเหยาเหยามีนิสัยเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร สำหรับคนที่เธอเกลียดชัง มักจะต้องถูกสั่งสอนอย่างรุนแรง โดยไม่สนว่าเขาคนนั้นมีสถานะเช่นไร

ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นรอยฟันลึกตรงหน้านี้ ด้านบนค่อยๆ มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

เล่อเหยาเหยาพลันแปลกใจเล็กน้อย ก่อนตกตะลึง ตื่นตระหนก และมากที่สุดคือจบเห่แล้ว…

เอ่อ วู่วามเป็นปีศาจเกินไปจริงๆ!

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้ามีคนรังแกเธอ เธอต้องทำร้ายคนผู้นั้นอย่างรุนแรงยกหนึ่งแน่ แต่เวลานี้หลังกัดเขาเสร็จจึงรู้ว่า ตนไม่ใช่คนเดิมก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว

ที่นี่เธอไม่มีสถานะ ไม่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ด้านหลัง และไม่มีบิดาที่รักเธอเท่าชีวิตคอยหนุนหลัง

เธอตอนนี้เป็นเพียงขันทีน้อยคนหนึ่ง ไม่มีเงินและกำลัง ส่วนฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นถึงองค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นต้าเซี่ยที่สง่างาม สถานะสูงส่ง เวลานี้เธอกลับกัดเขาจนเลือดไหล…

ยิ่งคิดในใจเล่อเหยาเหยาค่อยๆ รู้เสียใจขึ้นมา

เพราะเธอกลัวตาย…

แม้จะย้อนเวลามายังยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคย ถึงเธอไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อยากถูกตัดศีรษะเพราะกัดคน

ขณะที่คิดอยู่ในใจ เล่อหยาเหยาลังเลว่าจะขอโทษชายด้านบนนี้หรือไม่ เพราะระหว่างขอโทษกับชีวิต เธอต้องไม่ลังเลที่จะเลือกอย่างหลังแน่

แต่หากชายด้านบนไม่รับคำขอโทษของเธอล่ะ!

ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งสับสน คิ้วน่ามองนั้นขมวดแน่นเข้าหากัน ภายในดวงตางดงามเต็มไปด้วยความสับสน

ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าท่าทางตอนนี้ของตน ในสายตาของบางคนช่างน่าแปลกใจอะไรเช่นนี้!

ถูกต้อง น่าแปลกใจมาก!

เห็นเพียงหลังเล่อเหยาเหยาล้มลงบนพื้น หมวกบนศีรษะก็ไม่รู้หลุดลงมาตั้งแต่เมื่อใด ทำให้เส้นผมที่รวบรัดไว้อย่างเรียบร้อยเวลานี้หลุดรุ่ยออกมา แต่กลับไม่ส่งผลใดกับความงามของเธอเลย

กระทั่งทำให้เธอดูเกียจคร้านมากยิ่งขึ้น

บนใบหน้าเล็กประณีตของเธอ ยังมีอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่ง ส่วนสีผิวนั้นขาวดุจหิมะน่ามองยิ่งกว่าหยกมันแพะเสียอีก เวลานี้บนริมฝีปากเล็กจุ๋มจิ๋มของเธอยังเต็มไปด้วยเลือด

เลือดสีแดงสดนั้น เมื่อรวมเข้ากับผิวขาวดุจหิมะ ช่างสมบรูณ์แบบอะไรเช่นนี้

คล้ายกับเธอคือมารน้อยที่มีเสนห์เย้ายวนตนหนึ่ง

เดิมทีหนานกงจวิ้นซีโมโหอย่างยิ่งที่ขันทีน้อยนี้กล้ากัดเขาเช่นนี้

ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นคนด้านล่างมีเลือดสดไหลหยดลงมาเป็นทางจากมุมปาก จนทำให้ ‘เขา’ดูคล้ายนางมารน้อยดูดเลือดคน

เย้ายวนน่าหลงใหล ทว่ากลับมีพิษร้ายถึงชีวิต…

ทันใดนั้น หนานกงจวิ้นซีก็มองอย่างตกตะลึง

จนลืมว่าความจริงเวลานี้ว่าเล่อเหยาเหยาได้ปล่อยปากแล้ว เขาสามารถลุกขึ้นได้ และลืมความเจ็บปวดบนหน้าอกของตนไป

เวลานี้เขาคล้ายคนที่โดนพิษ ดวงตาเลื่อนลอย มองคนด้านล่างที่เกียจคร้านน่าหลงใหลอย่างไม่กระพริบตา

บนร่างกายคล้ายมีกระแสไฟฟ้าวิ่งแล่นจากร่างกายของ ‘เขา’ เข้าสู่ร่างกายของตน ทำให้กระดูกทั่วร่างกายตนราวกับจะหลุดออกมา

แต่ในใจเขากลับคล้ายมีบางสิ่งเกิดขึ้นมา พร้อมหยั่งรากลึกลงไป ทำให้เขาอยากได้มากขึ้น…มากขึ้นเรื่อยๆ

หนานกงจวิ้นซีไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเป็นเช่นไร อีกทั้งบนร่างกายมีสิ่งผิดปกติ มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่

พร้อมทั้งไม่รู้ว่าเวลานี้สายตาของเขาที่มองเล่อเหยาเหยา ภายในมีความเลื่อนลอยดูร้อนแรงขึ้นมาหลายส่วน

สีหน้านั้นราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโซตัวหนึ่ง จนอยากถลกหนังเลาะกระดูกกระต่ายน้อยที่ถูกตนกักขังไว้ด้านล่าง

สำหรับความผิดปกติของหนานกงจวิ้นซี เขาไม่รู้ตัวเลย ทว่าไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่รู้

เล่อเหยาเหยาเวลานี้ คล้ายกำลังอึดอัดสับสน รู้สึกเพียงมีสายตาอันร้อนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้กำลังจ้องอยู่บนตัวเธอ

ทว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ เพราะเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เธอรู้สึกคล้ายมีสิ่งที่แข็งและร้อนผ่าวอยู่ตรงระหว่างขาของเธอ…

นั่นคือ…

…………………………………………………………………….