ตอนที่94 งานเลี้ยงฉลองวันเกิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่94 งานเลี้ยงฉลองวันเกิด

“ไปร้องคาราโอเกะกันงั้นเหรอ?” ฉีเล่ยถามขึ้น

“ใช่ค่ะอาจารย์ฉี” เหอจื่อร้องตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง

ฉีเล่ยทำสีหน้าท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับไปว่า “แต่ทุกคนในงานต่างก็เป็นนักศึกษากันหมด แล้วผมเป็นอาจารย์เพียงคนเดียว จะไม่ทำให้งานเลี้ยงกร่อยลงเหรอ?”

เหอจื่อหรี่ตามองพร้อมกับยิ้มกว้าง “อาจารย์ฉีคะ อาจารย์ฉีไม่ใช่อาจารย์แก่ๆเจ้าปัญหาไม่ใช่เหรอคะ?”

ฉีเล่ยถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “ฮ่าๆๆ พูดได้ดี! ตกลง ผมรับปากจะไปร่วมงาน”

“เย้ๆๆ! งั้นหนูขอไปแจ้งข่าวเพื่อนๆทุกคนก่อนนะคะ” หลังจากร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เหอจื่อก็รีบวิ่งออกจากห้องไปรายงานผลให้เพื่อนๆทราบทันที

ไม่นานนัก ก็มีเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งห้อง ฉีเล่ยหยิบโทรศัพท์มือถือออก และอาศัยหน้าจอโทรศัพท์มือถือแทนกระจกส่องดูเหตุการณ์ด้านหลังตนเอง

จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงได้กดโทรออกหาหลี่ถงซี และบอกกับหญิงสาวไปว่า เขาจะต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของนักศึกษาในคลาส และไม่ได้กลับบ้านพร้อมกับเธอในวันนี้

จ้าวหยวนหยวนนั้นเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ และยังมีใบหน้าที่เด็กกว่าวัย ทำให้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดู

เนื่องจากในวันแรกของการเรียนการสอน ‘วิชาการวินิจฉัย’ ของฉีเล่ยในวันแรกนั้น มีนักศึกษาเข้าคลาสไม่มากนัก เขาจึงได้ทำการตรวจวินิจฉัยโรคให้กับนักศึกษาในคลาสฟรี และครั้งนั้นเขาก็พบว่า ที่ช่องท้องของจ้าวหยวนหยวนนั้นมีลักษณะคล้ายก้อนเนื้อก่อตัวขึ้น และจำเป็นต้องทำการตัดทิ้งเสีย เพราะหากปล่อยไว้นานเกินไป จากก้อนเนื้อธรรมดาอาจกลายเป็นเนื้อร้ายเช่นมะเร็งได้!

นับตั้งแต่นั้นมา จ้าวหยวนหยวนก็รู้สึกขอบคุณ และซาบซึ้งในตัวฉีเล่ยมาโดยตลอด

เวลานี้ นักศึกษาทั้งหมดสี่สิบสี่คน รวมฉีเล่ยด้วยก็กลายเป็นสี่สิบห้าคน นักศึกษากลุ่มนี้กว่าครึ่งล้วนแล้วแต่เป็นลูกคนร่ำคนรวยที่มีรถยนต์ส่วนตัว กลุ่มนี้จึงขับรถไปที่ร้านคาราโอเกะ ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งนั่งรถแท็กซี่ไปเจอกันที่ร้าน

นักเรียนบางส่วนบอกให้ฉีเล่ยนั่งรถยนต์ส่วนตัวไปกับกลุ่มแรกก่อน แต่เขาปฏิเสธ ในฐานะที่เขาเป็นอาจารย์ เขาจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของนักศึกษาทั้งหมด เขารอให้นักศึกษาขึ้นรถไปจนหมดเสียก่อน จึงค่อยนั่งรถแท็กซี่ไปพร้อมกับเหอจื่อเป็นคันสุดท้าย

และในที่สุด รถแท็กซี่ที่ฉีเล่ยกับเหอจื่อนั่งมา ก็มาจอดอยู่หน้าร้านคาราโอเกะที่นัดหมายกันไว้

“ร้านคาราโอเกะโหย่วเฉียนเหยิน”

หลังจากก้าวเท้าลงจากรถ ฉีเล่ยก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายไฟพร้อมกับพึมพำออกมา “ดูท่าที่นี่คงจะราคาแพงไม่เบาเชียวนะ มากันเยอะขนาดนี้จ้าวหยวนหยวนจะจ่ายไหวเหรอ?”

แม้ว่าฉีเล่ยจะไม่เคยมาสถานบันเทิงแบบนี้มาก่อน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะโง่จนกลายเป็นหมูให้ใครเชือดได้ง่ายๆ เพียงแค่มองปราดเดียวชายหนุ่มก็รู้แล้วว่า สถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ที่ทำเงินต่อคืนได้มากขนาดไหน?

เหอจื่อหันไปยิ้มให้กับฉีเล่ยพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์ฉี ครอบครัวของหยวนหยวนร่ำรวยมาก พวกเราถล่มได้เต็มที่!”

นักศึกษาที่มาถึงก่อนบางส่วน ต่างก็พากันวิ่งออกมารับฉีเล่ยกับเหอจื่อ และเมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องส่วนตัวที่จองไว้ ฉีเล่ยก็พบว่า ภายในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่โตนั้นกลับไม่มีคนหนาแน่นอย่างที่คิด

จ้าวหยวนหยวนรีบวิ่งออกมาทักทายฉีเล่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อาจารย์ฉีคะ เชิญนั่งตรงกลางเลยค่ะ”

“หยวนหยวน สุขสันต์วันเกิดนะ”

หลังจากทักทายหยวนหยวนแล้ว ฉีเล่ยก็พูดต่อทันที “อาจารย์เพิ่งจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ ก็เลยไม่มีเวลาไปหาซื้อของขวัญมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ฉี! แค่อาจารย์ยอมมางานเลี้ยงวันเกิดก็นับเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของหนูแล้ว”

จากนั้น จ้าวหยวนหยวนก็พูดต่อด้วยแววตาเป็นประกาย “อาจารย์รู้ไหมคะว่า หนูเชิญอาจารย์มาได้นี่ เพื่อนๆผู้หญิงของหนูก็พากันอิจฉาตาร้อนกันหมดแล้ว!”

เหอจื่อรีบร้องขัดขึ้นทันที “เอาล่ะๆ มัวแต่พิธีรีตรองกันอยู่นั่นล่ะ น่ารำคาญชะมัด! ว่าแต่มีอะไรกินบ้างล่ะหยวนหยวน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!”

จ้าวหยวนหยวนรีบคว้าแขนของเหอจื่อพร้อมกับลากออกไปทันที “มาตรงนี้เลย ฉันสั่งสเต๊กเตรียมไว้ให้ทุกคนแล้ว อาหารยังไม่พร้อมดี แต่อีกประเดี๋ยวก็จะมีทั้งบาบีคิวแล้วก็อาหารว่างอื่นๆตามมาจ้ะ ถึงตอนนั้นใครอยากกินอะไรก็เลือกกินกันตามสบายเลย”

“นี่หยวนหยวน บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่เกรงใจ”

เหอจื่อร้องบอกพร้อมกับหัวเราะร่วน ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย  “ว่าแต่ทำไมในห้องถึงได้มีคนน้อยนักล่ะ?”

จ้าวหยวนหยวนตอบกลับไปทันที “ฉันกลัวว่าจองห้องเดียวมันจะแออัดเกินไปน่ะสิ ก็เลยสั่งให้เปิดห้องข้างๆด้วย ตอนนี้เพื่อนๆส่วนหนึ่งก็อยู่ในห้องนั่นแล้ว”

“หืมม ช่างรอบคอบซะจริงๆ!” เหอจื่อหันไปบอกจ้าวหยวนหยวน พร้อมกับใช้ฝ่ามือทั้งสองขยำแก้มของหญิงสาวเล่นอย่างมันมือราวกับกำลังนวดแป้ง

ไม่นานนัก บริกรก็นำเค้กเข้ามาเสริฟให้

แม้ว่ารสชาติของอาหารจะไม่ได้ถึงกับอร่อยล้ำเลิศอะไรนัก แต่สำหรับคนที่กำลังหิวโซมา ไม่ว่ากินอะไรก็คงอร่อยทั้งนั้น ส่วนฉีเล่ยนั้นดูเหมือนนี่จะเป็นการกินสเต๊กครั้งแรกของเขา เขาจึงไม่มีไอเดียว่ารสชาติสเต๊กที่อร่อยควรต้องเป็นรสชาติแบบไหน ก็ได้แต่กินๆเข้าไป

หลังจากกินจนอิ่มแล้ว นักศึกษาชายบางส่วนก็เริ่มรินเหล้าดื่ม และนักศึกษาหญิงบางส่วนที่มั่นใจความสามารถในการดื่มแอลกอฮอล์ของตัวเอง ก็ร่วมดื่มกับนักศึกษาชายด้วยเช่นกัน ในขณะที่บางส่วนก็กำลังเลือกเพลง และบางส่วนก็กำลังร้องเพลงกันอย่างมีความสุข

จากนั้น เหอจื่อก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาประกาศเสียงดัง “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหยวนหยวนวันนี้ ฉันขอเป็นตัวแทนเพื่อนๆอวยพรวันให้กับหยวนหยวน ขอให้หยวนหยวนของเรามีแต่ความสุข สวยๆรวยๆแบบนี้ตลอดไป แล้วก็ขอแนะนำแขกคนพิเศษของงาน – อาจารย์ฉีของพวกเรา!”

หลังจากนั้น เหอจื่อก็เริ่มร้องเพลงของนักร้องที่ชื่อหยางเฉียนเม่ย เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองอ่อนหวานปนเศร้า เหอจื่อนับเป็นคนที่ร้องเพลงได้ดีมากคนหนึ่ง และทันทีที่หญิงสาวอ้าปากร้องเพลง เธอก็ดูเปลี่ยนไปจากเหอจื่อคนเดิมราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว

และเมื่อหญิงสาวร้องจบ ภายในห้องคาราโอเกะก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น เพื่อนๆผู้ชายต่างก็พากันผิวปากพร้อมกับร้องกริ๊วกร๊าวกันไม่หยุด

เหอจื่อวางไมโครโฟนลง ก่อนจะวิ่งกลับไปนั่งข้างๆฉีเล่ยพร้อมกับร้องบอกเขาว่า  “อาจารย์ฉีคะ หนูเลือกเพลงให้อาจารย์ร้องดีกว่า อาจารย์ถนัดร้องเพลงแบบไหนคะ? หรืออาจารย์มีเพลงอะไรที่ชอบร้อง?”

ฉีเล่ยรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ๆ ผมร้องเพลงไม่เป็น!”

“ฮ่าๆๆๆ หนูก็คิดอยู่แล้วว่าอาจารย์ต้องร้องเพลงไม่เป็น หนูแค่ล้อเล่นเท่านั้นล่ะ เสียงเป็นเป็ดอย่างอาจารย์ ขืนปล่อยให้ร้องแค่ประโยคแรก ทุกคนในห้องคงลุกขึ้นวิ่งหนีแทบไม่ทัน ฮ่าๆๆ”

“เห็นจะใช่ ฮ่าๆๆ” หลินหนานเห็นด้วยกับคำพูดของเหอจื่อ

“อาจารย์จะดื่มเบียร์ หรือว่าไวน์แดงดี?” เหอจื่อร้องถามพร้อมกับชูขวดเบียร์กับขวดไวน์แดงในมือทั้งสองข้างขึ้น

ฉีเล่ยส่ายหน้าและตอบกลับไปทันที “ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ขอเป็นน้ำผลไม้จะดีกว่า”

“จริงเหรอครับอาจารย์ฉี? นี่อาจารย์ไม่ดื่มแอลกอฮอล์จริงๆน่ะเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย?”

จินเซิงถึงกับส่ายหน้าไปมาพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง เขายกแก้วเบียร์ในมือขึ้นชูก่อนจะกระดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด ท่าทางของเขาบ่งบอกว่า คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกแน่

“ผมไม่ดื่มจริงๆ!”

ฉีเล่ยตอบพร้อมกับหัวเราะหึๆในลำคอ วันนี้นักศึกษาของเขาต่างก็คึกคักและมีความสุขอย่างมาก และดูเหมือนว่าคงหลีกเลี่ยงเรื่องเมามายไปไม่ได้แน่ ในเมื่อนักศึกษาของเขาตั้งใจจะดื่มกันจนเมามายแบบนี้ เขาในฐานะอาจารย์ก็คงต้องรักษาสติสัมปชัญญะของตัวเองให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อที่จะได้คอยดูแลพวกเขา

แต่ดูเหมือนจินเซิงจะไม่ยอมปล่อยฉีเล่ยไปง่ายๆ “ไม่ได้นะครับอาจารย์ฉี อย่างน้อยๆก็ต้องดื่มให้หมดขวด อาจารย์ดูสาวๆพวกนั้นสิ พวกเธอยังดื่มกันอย่างน้อยคนละขวดเลย!”

เหอจื่อรีบพูดเสริมขึ้นเช่นกัน “จริงด้วยค่ะอาจารย์ฉี วันนี้เป็นวันเกิดของหยวนหยวนทั้งที อีกอย่าง ปกติพวกเราก็แทบจะไม่เคยได้มารวมกลุ่มกันมากขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าอาจารย์เมา เดี๋ยวหนูไปส่งอาจารย์กลับบ้านเอง!”

จินเซิงหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับถามเหอจื่อว่า “นี่! เธออาสาไปส่งอาจารย์ฉีแบบนี้ กำลังที่จะทำอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า?”

ปกติแล้วจินเซิงไม่ค่อยกล้าที่จะพูดจาแซวเหอจื่อแรงๆแบบนี้นัก แต่เพราะวันนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกนาน ทำให้เขามีความกล้ามากขึ้น

“ก็ถ้าอาจารย์ฉีไม่ปฏิเสธ ก็…” เหอจื่อหยุดพูดแค่นั้น ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันก็พร้อมที่จะหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกนะ”

“……”

ฉีเลย่ถึงกับทำหน้าไม่ถูก สีหน้าของเขากระอักกระอ่วน และได้แต่คิดในใจว่า นี่เธอไม่เคยคิดว่าฉันเป็นอาจารย์เลยสินะ! ช่วยปฏิบัติต่อฉันเหมือนเป็นอาจารย์คนหนึ่งจะได้ไหม?

จินเซิงดูเหมือนจะรู้ใจฉีเล่ย แต่เขากลับหันมาหยอกล้อชายหนุ่มด้วยการตบไหล่และพูดขึ้นว่า “นี่อาจารย์ฉี อยู่ในคลาสพวกเราก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์กัน แต่ออกมาข้างนอกแบบนี้ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือไง?”

“ได้สิ!”

“ถ้าได้ก็ดื่มเลย! ดื่มเลยๆๆ”

นักศึกษาชายที่อยู่ในห้องคาราโอเกะ ต่างก็ร้องตะโกนส่งเสียงเชียร์ให้ฉีเล่ยดิ่มเบียร์ในขวดให้หมด

ฉีเล่ยได้แต่ยิ้มขื่นพร้อมกับหันไปคว้าขวดเบียร์มาจากมือของเหอจื่อ และบอกกับทุกคนว่า “เอาล่ะ ผมจะดื่มเบียร์ขวดนี้ให้หมด แต่ตกลงกันก่อนนะว่าแค่ขวดเดียวเท่านั้น!”