ตอนที่95 โลกมันกลม

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่95 โลกมันกลม

“อาจารย์ฉี ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์มางานวันเกิดของหนู!”

จ้าวหยวนหยวนเป็นดาวเด่นประจำงานวันเกิดครั้งนี้ เมื่อครู่เธอเพิ่งจะออกไปชนแก้วกับเพื่อนห้องข้างๆ พอกลับมาก็เห็นว่าทุกคนกำลังดื่มอยู่กับฉีเล่ยพอดี ดังนั้นเธอจึงรีบตรงมาร่วมสนุกทันที

ฉีเล่ยหยิบขวดหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาพร้อมรินไวน์ใส่แก้ว เติมจนเต็ม จากนั้นเขาก็ชูแก้วไวน์ขึ้นเหนือหัวป่าวประกาศขึ้นว่า

“หลังจากกระดกแก้วนี้จบ ถือว่าผมเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจในวันนี้แล้ว แก้วสุดท้ายขอดื่มให้กับจ้าวหยวนหยวน หลังจากนี้พอแล้วครับ งดดื่มแล้ว!”

ทุกคนในห้องต่งาเฮลั่นชูแก้วขึ้นตาม ฉีเล่ยกล่าวอวยพรก่อนดื่มว่า

“สุขสันต์วันเกิด! ดื่ม!”

“ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ฉี”

หลังจากกระดกหมดแก้วไป เท่ากับว่าเขาดื่มไวน์หมดไปแล้วหนึ่งขวด แถมยังมีเบียร์ก่อนหน้าตีกันในท้องเขาอีก ต่อจากนี้เขาจะไม่ดื่มอะไรเข้าไปเพิ่มเติมอีกแล้ว ได้แต่นั่งเฝ้ามองนักศึกษากลุ่มหนึ่งนั่งประจันกระดกไวน์แข่งกันอยู่อย่างเงียบๆ

ทว่าน่าเสียดาย ความตั้งใจนี้ของฉีเล่ยกลับต้องล้มเหลว

ด้านหลังจ้าวหยวนหยวน มีนักศึกษาสาวกลุ่มหนึ่งวิ่งแห่เข้ามา ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับฉีเล่ยทั้งยังขอให้เขาดื่มกับพวกเธอหน่อยอีกสักแก้ว ทีแรกฉีเล่ยปฏิเสธเด็ดขาดว่าจะไม่ดื่มต่อแล้ว ทว่ากลุ่มนักศึกษาสาวเหล่านั้นกลับร้ายกว่าที่คิด ทั้งเย้ายวนต่างๆนานา เป่าหูหว่านถ้อยคำหวานใส่ไม่หยุด จนท้ายที่สุดฉีเล่ยก็ต้านทานไม่ไหว และต้องเปิดขวดที่สองขึ้นมาดื่ม

คราวนี้เบรกแตกแหกโค้งเรียบร้อย พอมีขวดที่สองย่อมมีขวดที่สาม ขวดที่สี่ตามมา…

เมื่อฉีเล่ยรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่าโต๊ะกระจกตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยขวดเปล่า ไม่รู้ตัวเลยว่าซัดไปกี่ขวดแล้วกันแน่

แม้เขาจะเป็นที่คนค่อนข้างคอแข็งอย่างมากกับเรื่องแอลกอฮอล์ แต่โดนเหล่านักศึกษาเข้าจู่โจมนับสี่สิบคน ประเคนไวน์ถึงปากต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เขาคงจะทนได้อีกไม่นานแล้ว

“นี่…นี่จา…จาเป็นแก้วสุดท้าย…จริงๆแล้วนะ!”

ฉีเล่ยยกแก้วไวน์ขึ้นอีกครั้ง ขณะที่กำลังพูดอยู่ จู่ๆพลันรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาฉับพลันและล้มตัวลงไปในอ้อมกอดของเหอจื่อโดยตรง

“อ๊ะ!”

เหอเจื่อเข้าสวมกอดฉีเล่ยตอบทันควัน และเอ่ยถามขึ้นเจือน้ำเสียงติดหวานเล็กน้อยว่า

“อาจารย์ฉีคะ? ยังไหวรึเปล่า?”

ตั้งแต่ฉีเล่ยกระดกขวดที่สามลงคอ เหอจื่อก็เริ่มชะลอการดื่มของตัวเองลงแล้ว เพราะอีกฝ่ายน่าจะเมาหนักแน่เลยในวันนี้ ดังนั้นเธอจำเป็นต้องตื่นตัวตลอดเพื่อดูแลเขา

“ไหวครับ”

ฉีเล่นรู้สึกวินเวียนศีรษะอย่างมาก ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกตัว

“ขอพักสักครู่ น่าจะดีขึ้นครับ”

ทันทีที่พูดจบฉีเล่ยก็พยายามทรงตัวลุกขึ้น ทว่ากลับถูกเหอจื่อกดหัวลงมาให้นอนบนตักของเธอแทนบนโซฟาตัวนั้น ไม่ว่าจะเป็นอ้อมกอดของเหอจื่อหรือตักของเธอ ล้วนแต่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและนุ่มนิ่มแสนสบาย แต่…แต่! เขาจะนอนหนุนตักลูกศิษย์ตัวเองท่ามกลางลูกศิษย์คนอื่นๆได้ยังไง?!

“นอนลงค่ะ”

เหอจื่อที่เห็นว่าฉีเล่ยพยายามขัดขืน ก็พลางยกมือกดศีรษะอีกฝ่ายจนซุกเข้าไปในตักอีกครั้ง ไม่ว่าจะดื้นรนแค่ไหน แต่เขาก็พยุงตัวลุกขึ้นไม่ไหว…

ฉีเล่ยรู้สึกอยากตายเหลือเกิน

ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเอาเปรียบเธอนะ!

คุณ! คุณคนอ่านนั่นแหละ! ต้องเป็นพยานให้ฉันนะ!

โชคยังดีที่สภาพแต่ละคนก็ไม่ค่อยเหลือสติเท่าไหร่เหมือนกัน พวกเขายังคงจับกลุ่มดื่มกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สนใจทางนี้เท่าไหน้

เหอจื่อค่อยๆประคองศีรษะของฉีเล่ยเข้ามากอดในอ้อมอกราวกับคุณแม่วัยใสที่กำลังกอดทารก พลางสะกิดฉีเล่ยเบาๆกล่าวว่า

“อาจารย์ฉีรู้สึกดีขึ้นไหมค่ะ?”

“ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นแล้ว ผมแค่เวียนหัวนิดหน่อย”

ฉีเล่ยพยายามเบี่ยงหน้าไม่ให้สัมผัสโดนหน้าอกของเหอจื่อสุดฤทธิ์ ไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าเธอด้วยซ้ำ

“ผมดื่มเร็วเกินไปหน่อย เลยตกอยู่ในสภาพแบบนี้”

ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะดื่มเร็วเกินไปเท่านั้น ทว่าเขายังดื่มเยอะเกินปริมาณที่ร่างกายรับไหวอีกด้วย เท่าที่ประมาณได้ เขาดื่มไปแล้วเกือบ20ขวด และที่สำคัญที่สุดคือ เขาดันดื่มผสมระหว่าง‘เบียร์’กับ‘ไวน์แดง’

หลังจากพักผ่อนบนตักของเหอจื่อได้ครู่หนึ่ง ฉีเล่ยพลันรู้สึกโชคเข้าข้างแล้ว ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะตอบสนองกับแอลกอฮอล์ที่เข้าร่างกายได้เป็นอย่างดี และเริ่มกระบวนการระบายออกแล้ว

ทันทีทันใดเขาสะดุ้งโหย่วกระโดดขึ้นจากตักและสับตีแตกวิ่งออกจากห้องทันที

ปวดฉี่!

“อ๊ะ! อาจารย์ฉี! ห้องน้ำอยู่..เอ่อ…”

เหอจื่อพยายามตะโกนบอกไล่หลังโดยด่วน แต่กลับสายเกินไป ฉีเล่ยวิ่งลับสายตาหายไปแล้ว…

เธอที่เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกเป็นห่วงแปลกๆ พลางคิดไปว่าเขาน่าจะอยากอ้วก ถึงแบบนั้นเวลาคนเมาจะอ้วกกลับไม่ง่ายเลย ดังนั้นเหอจื่อจึงลุกขึ้นทันทีเตรียมวิ่งตามเขาออกไป

จินเซิงสังเกตเห็นภาพฉากดังกล่าวโดยบังเอิญ และมั่นใจอย่างยิ่งว่า ถึงฉีเล่ยจะไม่มีสติขนาดไหนแต่ก็น่าจะต้องวิ่งเข้าห้องน้ำชาย คงไม่สะดวกเท่าไหร่ที่จะให้ผู้หญิงเข้าไปดูแลถึงที่ เขาก็เลยอาสาลุกขึ้นไปตามแทน แต่กลับถูกจ้าวหยวนหยวนหยุดไว้เสียก่อน

“จะไปไหนของนาย? มาดื่มกันก่อนสิ”

จินเซิงผงะเล็กน้อย พอเห็นสายตาหวานของจ้าวหยวนหยวนที่ส่งให้ เขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของเธอทันที ก็เลยกลับไปนั่งลงดังเดิม ปล่อยให้เหอจื่อวิ่งออกไปเองคนเดียว

ห้องน้ำอยู่สุดทางเดิน หลังจากฉีเล่ยพุ่งเข้าไปก็รีบปลดเข็มขัดและเริ่มยิงกระต่ายชุดใหญ่

“อ่า~…”

เขาถอนหายใจเสียงยืดยาวด้วยความโล่งอก อย่างกับสวรคค์ชัดๆที่เข้ามาระบายออกได้ทันเวลาแบบนี้ เขารีบปรับลมหายใจเร่งเร้าเส้นลมปราณทั่วร่าง เพื่อนำแอกอฮอล์ทั้งหมดไหลไปรวมตัวกันในกระเพาะปัสสาวและนำออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาเองก็เกือบอั้นไม่อยู่แล้ว

พอเหอจื่อวิ่งตามเข้ามา ฉีเล่ยก็ยิงกระต่ายเสร็จเรียบร้อย กำลังล้างมืออยู่ตรงหน้ากระจก

“อาจารย์ฉี ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ?”

“เห้ย! อะไรวะ!?”

จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องน้ำชายดื้อๆ ผู้ชายคนนั้นที่กำลังฉี่อยู่ถึงกับสะดุ้งเกือบสะบัดหลุดจากโถ่

เหอจื่อสบถตอบอย่างฉุนเฉียวว่า

“ฉันไม่ได้มองพวกนายสักหน่อย! ฉี่ต่อไปเหอะน่า!”

“….”

พอได้ปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกาย ทั้งยังได้ล้างหน้าจนสดชื่นดีแล้ว ฉีเล่ยก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เขาหันกลับมากล่าวว่า

“ผมสบายดีครับ นี่มันห้องน้ำชาย คุณเข้ามาทำไม?”

เหอจื่อกล่าวตอบว่า

“ก็หนูเป็นห่วงอาจารย์หนิ”

ในขณะนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มคนหนึ้งเดิมเข้ามา เตรียมปลดเข็มขัดยืนอ้าขาอยู่หน้าโถ่ แต่ทันใดนั้น พอสังเกตเห็นเหอจื่อที่กำลังยืนอยู่ข้างๆก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

ชะแง้ศีรษะไปดูป้ายเพื่อยืนยันว่านี่คือห้องน้ำชาย เขาก็หันมาคลี่ยิ้มเยาะกล่าวว่า

“คนสวย เข้ามาผิดห้องแล้ว”

“ทำไม? ก็ฉันอยากเข้าห้องนี้!”

เหอจื่อเมินชายหนุ่มคนนั้นโดยสิ้นเชิง และหันมาช่วยฉีเล่ยเช็ดหน้าเช็ดตา โดยความเป็นจริงแล้ว ใบหน้าสีแดงก่ำของเธอ ณ ขณะนี้ชี้ชัดว่ามันได้ทรยศต่อคำพูดของเธอโดยสิ้นเชิง ที่เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะเป็นห่วงฉีเล่ย แต่เธอดันไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พอตอนนี้ทุกอย่างกลับเป็นปกติดังเดิม ฉีเล่ยได้สติตื่นแล้ว จึงเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนเข้าห้องน้ำผิด แล้วมีผู้หญิงคนไหนยังบ้า อยากเข้าห้องน้ำชายต่อทั้งๆที่รู้แล้วว่าเข้าผิด?

 “คนสวย มีอะไรให้ช่วยไหมจ๊ะ?”

ขณะพูดจาหว่านล้อมใส่เหอจื่อ สายตาของชายหนุ่มคนนี้ก็เหลือบไปเห็นฉีเล่ยที่อยู่ข้างๆ สีหน้าการแสดงออกจากขี้เล่นยิ้มแย้มกลายมาเป็นเคร่งขรึมในทันใด

“แกเองเหรอ?”

ฉีเล่ยเงยหน้าขึ้นจับจ้องเจือสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

บังเอิญเหลือเกิน ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจาก หม่ารุ่ย

เขาอดหัวเราะไม่ได้เลย‘โลกกลมจริงๆ’

หม่ารุ่ยกวาดสายตาจับจ้องทั่วทั้งเรือนร่างของเหอจื่ออย่างตะกละตะกลาม แค้นหัวเราะเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า

“ฉันประเมินแกต่ำไปแหะ งั้นขอถามอะไรหน่อยสิ ระหว่างนอนกับสาวสวยคนนี้กับหลินชูวโม่…คนไหนสนุกกว่ากัน?”

ตอบตามตรง ฉีเล่ยเองก็อยากรู้คำตอบนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้หาคำตอบ

คล้อยหลังยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อย ฉีเล่ยหัวเราะตอบไปว่า

“แล้วคุณรวบรวมความกล้าเสร็จรึยัง? อย่ามาใจเสาะแบบคราวก่อนนะครับ”

หม่ารุ่ยยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

“เอาเป็นวันหน้าดีกว่านะ วันนี้พวกเราต่างมาผ่อนคลายเหมือนกัน มาเถอะมา มาร้องคาราโอเกะที่ห้องฉันกันหน่อยดีกว่า รับรองได้เลย…แกไม่มีผิดหวัง”

เหอจื่อรีบก้าวออกไปตรงหน้ากางมือขึ้นมาปกป้องฉีเล่ยทันที สายตาที่เธอจับจ้องที่หม่ารุ่ยราวกับจะฆ่าแกงกันก็ไม่ปาน

“นี่แกคิดจะทำอะไร?”

“จุ๊ จุ๊…คนสวย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนะ นี่มันเรื่องของผู้ชายเขาคุยกัน โน้นๆ ไปยืนหลบมุมอยู่ตรงนั้นก่อนไป”

พอพูดแบบนั้นจบ หม่ารุ่ยก็โบกมือไล่เหอจื่อราวกับกำลังจะสื่อว่า นี่เรื่องของผู้ชาย ผู้หญิงอย่ามาแส่!

หม่ารุ่ยคนนี้เคยเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่ยังเด็ก แทบยังเคยลงแข่งรายการคาราเต้มือสมัครเล่นอยู่หลายครั้ง ทั้งนี้เองในช่าวงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พอมีเวลาว่างเขามักจะไปออกกำลังกายฟิตหุ่นอยู่ในฟิตเนสเป็นประจำ พูดได้ว่า อย่าให้ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้อย่างเขาได้เคลื่อนไหว อย่างน้อยถ้าไม่ตายก็พิการ!

เห็นหม่ารุ่ยกระชับจับกำปั้นแน่นและเดินตรงเข้าหาด้วยสีหน้ามุ่งร้าย ฉีเล่ยก็รีบยื่นมือเตรียมจะผลักให้เหอจื่อไปหลบหลังเขาโดยไว ตอนนี้คงถึงเวลาต้องสั่งสอนเด็กเหลือขอคนนี้สักหน่อยแล้ว

ทว่าทันใดนั้นเอง ฉากภาพอันน่าเหลือเชื่อพลันเกิดขึ้น!

เหอจื่อปัดมือฉีเล่ยทิ้งและพุ่งเข้าประชิดวงในหม่ารุ่ยด้วยสเต็ปเท้าราวกับนักมวยอาชีพ เธอรีบเบี่ยงตัวไปด้านหลังล็อกแขนของอีกฝ่ายไม่ให้ชยับเขยือนไปไหน และใช้เข่าของเธอเจาะยางอีกฝ่ายจนร่างทรุดลงกับพื้น

ตุบ!

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเพียงแค่เสี้ยวินาที หม่ารุ่ยสับสนจนทำอะไรไม่ถูก ทว่าเหอจื่อยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เธอจิกผมของอีกฝ่ายพร้อมเหวียงไปฟาดกับกระจกห้องน้ำสุดแรงเกิด!

เกร๊งง!!

กระจกบานนั้นแตกเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อย พร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลาของหม่ารุ่ยที่แตกยับจนดูน่าเกลียด