ตอนที่ 103 ใครชนะฉันจะเรียกเขาว่าปะป๊า / ตอนที่ 104 ทิ้งรอยประทับไว้ หนีไม่พ้น!

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 103 ใครชนะฉันจะเรียกเขาว่าปะป๊า

 

 

ณ ห้องวีไอพีห้องหนึ่งของคาสิโนปี้หวงอวี๋เล่อเฉิง

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ย ลี่ถิงเซินและเพื่อนพ้องอีกหลายคนที่มาถึงก่อนหน้านี้หลายวันหรือกลับมาเพื่อจะมาร่วมงานสังสรรค์ในวันเสาร์นี้กำลังคึกคักกันอยู่

 

 

“คุณชายอิน นี่มันทุ่มนึงแล้วนะ ทำไมท่านกรรมการป๋อยังมาไม่ถึงอีก”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ย พิงโซฟาอยู่ด้วยสีหน้าสบายๆ เขาคาบบุหรี่หนึ่งมวนไว้ในปาก ท่าทีร้ายกาจอย่างลูกคุณหนูมีเงิน

 

 

“รีบอะไรนักหนาเล่า จะช้าจะเร็วก็มาอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ ฉันกล้าเอาหัวเป็นประกัน หรือนายเคยเห็นเขาเบี้ยวนัดล่ะ”

 

 

“ไอ้ไม่เคยน่ะใช่”

 

 

“แต่ก็แค่ก่อนหน้านี้ไม่เคย ไม่ได้หมายความว่าครั้งนี้จะไม่ทำเสียหน่อย ได้ยินว่าวันนี้เขายุ่งๆ”

 

 

ได้ยินเช่นนั้นอินรุ่ยเจวี๋ยก็ยั๊วะจนลุกพลวดขึ้นมาจากโซฟา

 

 

“ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำกันอยู่แล้ว งั้นเรามาพนันกันหน่อยเป็นไง ว่าพี่ป๋อของพวกเราจะมาหรือไม่มา ใครชนะพนัน ว่าวันนี้เขามาไม่ได้ล่ะก็ งั้นฉันจะยอมเรียกคนๆ ว่าปะป๊าเลยเอาไหมล่ะ”

 

 

แค่ได้ยินอินรุ่ยเจวี๋ยพูดดังนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพนันว่าวันนี้ป๋อจิ่งชวนจะมาหรือไม่มา

 

 

ใครจะไม่รู้ว่าป๋อจิ่งชวนกับพวกอินรุ่ยเจวี๋ยสนิทสนมกันมากแค่ไหน

 

 

ทุกคนก็พากันเออออตามอินรุ่ยเจวี๋ยกันไป

 

 

แต่ในท้ายที่สุด ลี่ถิงเซินที่นั่งอยู่อีกมุมและนิ่งเงียบมาโดยตลอดก็ได้กระตุกมุมปากขึ้น นัยน์ตาลึกล้ำประกายแสงแห่งความสนุกสนาน

 

 

“แต่ฉันคิดว่าวันนี้เขามาไม่ได้แล้ว”

 

 

“แม่งเอ๊ย! ลี่ถิงเซิน คุณมึงจงใจจะตั้งตนเป็นศัตรูกับผมใช่ไหมครับ”

 

 

“…”

 

 

ลี่ถิงเซินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกรางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

 

 

เขากลับไปพิงโซฟาอีกครั้ง ควันจากบุหรี่ในมือค่อยๆ บดบังคิ้วเข้มของเขาไปทีละน้อย

 

 

 

 

รถที่ทะยานด้วยความเร็วสูงของป๋อจิ่งชวนได้ขับมาถึงคฤหาสน์เซิ่งจิ่งในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง รถของเขาจอดลงอย่างกะทันหันจนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู

 

 

แค่เขาเดินเข้าคฤหาสน์มา จางมาก็ได้ออกมาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

 

 

“ฉันให้คุณหนูเฉินไปพักที่ห้องพักแขกแล้วค่ะ ดูเหมือนจะมีหวัดนิดหน่อย เลยให้ดื่มน้ำขิงไปก่อนแล้ว”

 

 

 

 

หลังจากที่เฉินฝานซิงดื่มน้ำขิงและห่มผ้าไปแล้ว ไม่กี่นาทีต่อมาเหงื่อเม็ดเล็กๆ ก็ผุดขึ้นบนปลายจมูก

 

 

ป๋อจิ่งชวนยืมมองเธอจากข้างเตียง ความรู้สึกที่ไม่รู้ชื่อเรียกได้ฉาบทับบนดวงตาสีนิลและความเยือกเย็นบนใบหน้าหล่อเหลา

 

 

เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง

 

 

เตียงยวบลงไปข้างหนึ่งพร้อมทั้งกลิ่นหอมสดชื่นที่โชยเข้าจมูกเธออย่างจัง

 

 

ดวงตาของเธอหนักอึ้งแต่ก็ยังพยายามจะเปิดมันออกอย่างเชื่องช้าและไร้เรี่ยวแรง

 

 

เมื่อเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ จิตใจของเธอกลับรู้สึกผ่อนคลายลง

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…”

 

 

เสียงของเธอแหบแห้งอย่างหนัก แม้แต่ลมที่พ่นออกมาก็ยังรู้สึกได้ถึงไอร้อน!

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

 

 

“ผมเอง”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้างดงามและเยือกเย็นนั้นสื่อถึงความเย็นชาอยู่บ้าง

 

 

“คุณตื่นแล้วหรือ”

 

 

เธอคลี่ริมฝีปากออกและเพราะว่ากำลังป่วยอยู่การมองเห็นของเธอจึงพร่าเลือนไปบ้าง หลังจากที่เธอกะพริบตาแล้วทัศนียภาพตรงหน้าก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น

 

 

เรียวคิ้วที่ยกขึ้น ดวงตาอันลึกล้ำ จมูกตั้งสันและริมฝีปากบางค่อยๆ กระจ่างชัดสู่ตาของเธอทีละน้อย…

 

 

รูปหน้าที่งดงามนั้นโดดเด่นเหนือผู้คนมากมาย

 

 

ตื่นตัว?

 

 

ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ การตื่นตัวก็ได้กลายเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของเธอไปแล้ว

 

 

“อยากดื่มน้ำรึเปล่า”

 

 

เขามองริมฝีปากของเธอพลางเอ่ยถามเสียงต่ำ แต่มือกลับเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนตู้ข้างๆ เตียงขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

 

 

เธอดันตัวขึ้นแม้จะต้องเสียพลังไปบ้างเล็กน้อย

 

 

ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป…

 

 

“ฉันไม่ดื่ม…”

 

 

เธอไม่ทันพูดจบคำพูดที่เหลือก็ต้องถูกกลืนกลับเข้าไป…

 

 

เขาคิดไว้แล้วว่าเธอต้องตอบเช่นนี้ ในขณะที่เธอกำลังแย้มปาก เขาก็ได้กระดกน้ำในแก้วเข้าไป จากนั้นจึงโน้มตัวลงไปหลังจากที่คำปฏิเสธของเธอเพิ่งถูกเอ่ยออกมา

 

 

เธอตกตะลึงไปชั่วพริบตา ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างด้วยอาการช็อกที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 104 ทิ้งรอยประทับไว้ หนีไม่พ้น!

 

 

“เป็นผู้หญิงของผม! หืม?”

 

 

ป๋อจิ่งชวนแตะลงไปบนจมูกของเธอและเกลี่ยมันอย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งน้ำเสียงแหบทุ้มชวนให้หลงใหล

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…”

 

 

“หืม?”

 

 

“ฉันหิวจังเลย”

 

 

“เลี่ยงปัญหา”

 

 

เธอพยักหน้ารับ “อืม คิดว่าถ้ารีบตอบตกลงคุณไป ฉันจะดูใจง่ายเกิน”

 

 

ได้ฟังดังนั้นริมฝีปากของเขาก็ค่อยๆ ยกขึ้น “คุณทรมานผมเก่งจริงๆ แต่…ผมจะคิดว่านี่คือการตอบตกลงแบบเป็นนัยๆ ได้รึเปล่า”

 

 

เฉินฝานซิงเองก็กระตุกริมฝีปากขึ้นเช่นกัน สีแดงระเรื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้างัวเงียเล็กน้อย

 

 

“ฉันไม่ได้ตอบตกลง คุณจะคิดแบบนั้นก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ในหัวของฉันมันตื้อไปหมด ไม่แน่ว่าหากหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีพรุ่งนี้ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ฉันอาจจะลืมมันไปหมดแล้วก็ได้”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลง “งั้นผมควรทำอะไรอีกสักอย่างเพื่อให้คุณจำได้ดีขึ้นดีไหม ยังไงซะคนที่ชอบฉวยโอกาสจากความเดือดร้อนของคนอื่นอย่างผมก็ไม่ได้ทำมันเป็นครั้งแรกอยู่แล้ว”

 

 

ความอึดอัดฉายชัดขึ้นบนดวงตาของเธอ “ไม่…ตอนนี้ฉันยังป่วยอยู่นะ!”

 

 

เขาโน้มตัวลงไปซุกหน้าลงบนร่องระหว่างกระดูกไหปลาร้าของเธออย่างเอาแต่ใจ

 

 

“ไม่เอา…ป๋อจิ่งชวน! อือ…”

 

 

เสียงตะโกนอย่างตื่นกลัวดังขึ้นในทันที

 

 

ความเจ็บแสบแล่นขึ้นมาบริเวณไหปลาร้า ก่อนที่เขาจะผละตัวออกมาอย่างเงียบสงบแล้วก็เพ่งพินิจไปที่ใบหน้าของเธอ

 

 

“หลักฐาน”

 

 

น้ำเสียงของเขาราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยความพอใจ

 

 

“คุณหนีไม่พ้นหรอก”

 

 

เธอถอนหายใจออกมา “แต่ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนลุกยืนจากเตียง “สบายใจเถอะ การอ่านเหตุผลของผมถือว่าใช้ได้อยู่ ข้อสรุปที่ได้จากคำพูดของคุณเมื่อกี้ตีความได้ว่าคุณตกลง”

 

 

“…คุณไม่คิดว่าระยะเวลาที่คุณจีบฉันมันสั้นไปหน่อยเหรอ ฉันยังไม่ทันได้รู้สึกถึงรสชาติของการถูกจีบได้อย่างเต็มอิ่มเลยนะ…”

 

 

“ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าผมจะให้คุณได้ลิ้มรสมันเอง”

 

 

เธอชะงักกึกไปก่อนจะแย้มปากพูด “…เอางั้นก็ได้ แต่จำเอาไว้ด้วยว่า จับมือ กอด จูบไม่ได้อยู่ในขอบเขตของคำว่าจีบ”

 

 

เขายกยิ้มเย็น “ไม่ได้!”

 

 

“…” เฉินฝานซิงจ้องเขาอย่างจนปัญญา แต่คิ้วของเธอมันเริ่มจะงัวเงียแล้ว

 

 

สื่อให้เห็นว่าเหตุการณ์เมื่อครู่สูบเอาเรี่ยวแรงของเธอไปมากขนาดไหน!

 

 

เขาที่เห็นดังนั้นก็ดึงร่างของเธอออกมาจากผ้าห่มแล้วพิงกับหัวเตียงไว้

 

 

“รอก่อน อย่าเพิ่งหลับ กินอะไรรองท้องสักหน่อยก่อนเดี๋ยวค่อยนอน”

 

 

เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมองเขา แล้วพยักหน้ารับเบาๆ

 

 

“เดี๋ยวผมลงไปเอามาให้”

 

 

น้ำเสียงหยอกล้อระหว่างเขาทั้งสองนั้นเปี่ยมด้วยความอบอุ่นและแฝงด้วยความเด็ดขาด

 

 

เธอมองร่างสูงสง่าของเขาที่ค่อยๆ เดินออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่อบอุ่น

 

 

เธอปิดเปลือกตาคู่นั่นลงงีบอย่างช้าๆ

 

 

เมื่อกี้เธอได้เดิมพันกับตัวเองไป…

 

 

 

 

ไม่นานนัก ป๋อจิ่งชวนก็ได้ยกถาดอาหารที่มีอาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กหนึ่งถ้วยและกับข้าวสองอย่างขึ้นมา เขามองเฉินฝานซิงที่ค่อยๆ ทานอาหารเข้าไปทีละเล็กละน้อย

 

 

ตบท้ายด้วยการทานยาที่เขาถือขึ้นมาด้วยแล้วจึงค่อยๆ เอนตัวลงไป

 

 

“นอนเถอะ”

 

 

เธอฝืนเปิดเปลือกตาอันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมองเขา

 

 

“วางใจเถอะ คุณหลับแล้วผมถึงจะออกไป”

 

 

เธอไม่ได้ทันสนใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เมื่อได้ฟังเขายืนกรานดังนั้นเธอจึงปิดตาลงในที่สุด

 

 

ภายใต้ความมืดสลัว เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อยที่ตรงหว่างคิ้ว รวมไปถึงกลิ่นที่แสนคุ้นเคยที่ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ จมูกและแผ่ปกคลุมตัวเธอ

 

 

เป็นความอุ่นใจที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

 

 

 

 

เมื่อแน่ใจว่าเฉินฝานซิงหลับสนิทไปแล้วป๋อจิ่งชวนจึงค่อยๆ เดินออกจากห้องนั้นมา

 

 

ขณะยืนอยู่ที่หน้าประตู โทรศัพท์ที่ถูกเขากดตัดสายไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งก็ได้สั่นขึ้นอีกครั้ง

 

 

หลังจากที่โทรศัพท์ถูกกดรับ น้ำเสียงกระหืดกระหอบและร้อนรุ่มใจของอินรุ่ยเจวี๋ยก็ได้ดังขึ้น!

 

 

“เฮ้ย! พี่ป๋อ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนกันเนี่ย! เรารอพี่อยู่ที่ปี้หวงกันมาทั้งคืนแล้วนะ!”