ตอนที่ 105 เรียกปะป๊า / ตอนที่ 106 กะทันหันมากๆ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 105 เรียกปะป๊า

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยถือโทรศัพท์เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องน้ำ!

 

 

เขาอยู่ไม่ติดแล้วจริงๆ ลี่ถิงเซิน ไอ้เดรัจฉานนั่นก็ไม่รู้ว่าไปเอาความพยายามจากไหน จ้องจะให้เขาเรียกมันว่า ‘ปะป๊า’ ให้ได้ท่าเดียวเลย!

 

 

“พี่ป๋อรีบมาสักทีเถอะ เพื่อนฝูงกำลังรอพี่อยู่นะ ดึกหน่อยก็ไม่เป็นไร…”

 

 

นั่นทำให้ป๋อจิ่งชวนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเย็นเขาได้รับปากกับอินรุ่ยเจวี๋ยเรื่องนี้ไป

 

 

เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “เอ่อ คืนนี้ฉันไม่ไปแล้ว พวกนายสนุกกันต่อเถอะ บิลฉันจ่ายเอง”

 

 

น้ำเสียงเฉยเมยไม่สะทกสะท้านดั่งเช่นทุกครั้งเล่นเอาอินรุ่ยเจวี๋ยสตั๊นจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปชั่วขณะ

 

 

“…ไม่…ไม่นะ พี่ป๋อ! พี่จะทำร้ายผมแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย!”

 

 

พี่ไม่มาแล้วผมไม่ต้องเรียกไอ้บ้านั่นว่า ‘ปะป๊า’ หรอกเหรอ!

 

 

มันขายหน้านะเฟ้ย!

 

 

ป๋อจิ่งชวนไม่รู้หรอกว่าเขากำลังเพ้อเจ้ออะไรอยู่ พอคิดจะวางสายก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง

 

 

“บอกลี่ถิงเซินว่ามะรืนนี้ขอยืมช่างแต่งหน้าของบริษัทเขาหน่อยนะ”

 

 

“…”

 

 

จนกระทั่งสายถูกตัดไป มีเรื่องหนึ่งที่กำลังตีรวนอยู่ในหัวอินรุ่ยเจวี๋ย

 

 

ถ้าเขาถูกพี่ป๋อเทแบบนี้ เขาก็ต้องเรียกลี่ถิงเซิน “ปะป๊า” น่ะสิ!

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยค่อยๆ เก็บโทรศัพท์ลง แล้วยกมือขึ้นลูบเส้นผมตัวเองอย่างอยู่ไม่สุข!

 

 

ให้เขาเรียกลี่ถิงเซินว่า ‘ปะป๊า’ ?

 

 

ไม่มีวันซะหรอก!

 

 

แค่คิดว่าคนในห้องพวกนั้นจะต้องมีความสุขบนความขายหน้าของเขา อินรุ่ยเจวี๋ยก็ปวดขมับแล้ว!

 

 

เอาวะ!

 

 

ทำไม่ได้แล้วจะหนีไม่ได้รึไง

 

 

เขากัดฟันรีบเดินออกจากห้องน้ำแล้วเลี้ยวไปทางขวาอย่างรวดเร็ว!

 

 

“ผิดทางแล้วมั้ง”

 

 

เขาเบรกเท้าดังเอี๊ยด!

 

 

ร่างสูงของลี่ถิงเซินยืนพิงประตูของห้องน้ำอยู่ด้วยท่วงท่าสุขภาพสุขุมและสง่างาม

 

 

มือของเขาคีบบุหรี่เอาไว้มวนหนึ่ง ควันของมันกำลังลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ด้วยอากัปกิริยาที่สุขุมเยือกเย็น

 

 

คิ้วเข้มคู่นั่นของอินรุ่ยเจวี๋ยผูกเขาหากันทันที “f*ck! ลี่ถิงเซินมันต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ใช่ว่าพนันกันขำๆ รึไง ถึงขนาดที่คนไม่มีเวลาอย่างนายลงทุนมาดักรอฉันถึงที่นี่?!”

 

 

ลี่ถิงเซินปรายหางตามองเขา “มีลูกชายที่อายุไล่เลี่ยกันเพิ่มมาคนหนึ่ง ฉันก็ต้องจับตามองเป็นพิเศษหน่อย”

 

 

“ sh*t…” อินรุ่ยเจวี๋ยหันหน้าไปสบถออกมาหนึ่งคำ แทบจะไม่เคลื่อนสายตากลับมามอง

 

 

ลี่ถิงเซินสูดควันเข้าไปอีกครั้งก่อนจะผละตัวออกจากกำแพง

 

 

“เมื่อกี้จิ่งชวนมีเรื่องกำชับนาย?”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยนิ่งคิดก่อนจะนึกถึงคำพูดสุดท้ายของพี่ป๋อขึ้นมาได้

 

 

“พี่เขาบอกมะรืนนี้ขอยืมสไตล์ลิสต์ที่บริษัทของนายหน่อย”

 

 

ลี่ถิงเซินกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

 

เงียบสนิท

 

 

รู้อยู่แล้วว่าอยู่กับลี่ถิงเซินคนนี้มันโคตรน่าเบื่อ!

 

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปนะ!”

 

 

“ยังไม่เรียกปะป๊าเลยนะ”

 

 

เดิมเขาคิดว่าลี่ถิงเซินไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ

 

 

ใครจะไปรู้ ไอ้หมอนี่แม่งกัดไม่ปล่อย

 

 

สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก อินรุ่ยเจวี๋ยข่มตาลงแหงนหน้าขึ้นฟ้าส่งพร้อมเสียงลอดไรฟันออกมาคำนึง “ปะป๊า!”

 

 

ขอให้นายอายุสั้นลงสามสิบปี!

 

 

ลี่ถิงเซินขำเสียงต่ำ “อืม”

 

 

โชคดีที่เขาไม่ทำให้ขายหน้าไปมากกว่านี้

 

 

เพราะตอนนี้ความอัดอั้นในอกของอินรุ่ยเจวี๋ยแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!

 

 

ทว่าความแค้นครั้งนี้ เขาแอบคิดบัญชีเป็นชื่อของป๋อจิ่งชวน

 

 

แค้นนี้ไม่ชำระไม่ใช่ลูกผู้ชาย!

 

 

ที่ยอมลี่ถิงเซินง่ายๆ แบบนี้ก็เพราะไม่อยากทนรำคาญกับเขาต่อไป

 

 

ความเป็นพี่น้องหลายปีมานี้จะได้ไม่สูญเปล่า!

 

 

ลี่ถิงเซินคนนี้ ไม่ชอบเป็นจุดสนใจแต่มีความคิดที่ลึกซึ้ง ฝีมือร้ายกาจ หัวรั้นและโหดเ**้ยมจนน่าขนหัวลุก!

 

 

ไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าถูกเขาเก็บมาใส่ใจแล้ว เขาจะไม่ยอมรามือง่ายๆ เด็ดขาด

 

 

ต่อต้านไปก็เสียเวลาเปล่า หากทำให้เขาหมดความอดทนเมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวนั่นคือต้องชดใช้อย่างสาสม

 

 

กับผู้ชายยังไง!

 

 

กับผู้หญิงก็อย่างนั้น

 

 

หากเขาไม่ชอบแล้วเขาก็สามารถส่งคนไปลงนรกได้เลย

 

 

ก็เหมือนกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเมื่อสามปีก่อนคนนั้น

 

 

และเช่นเดียวกัน หากเขาถูกใจเขาก็สามารถส่งคนขึ้นสวรรค์ได้

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยแหงนหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของลี่ถิงเซินอีกครั้ง

 

 

เหมือนกับหญิงสาวที่กำลังเดินมาทางพวกเขา!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 106 กะทันหันมากๆ

 

 

“ถิงเซิน”

 

 

เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นจากที่ๆ ไม่ไกลนัก

 

 

ลี่ถิงเซินหันหน้าไปเล็กน้อย แสงไฟจากทางเดินตกกระทบกับนัยน์ตาสีนิลเป็นเส้นโค้ง

 

 

หญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองในชุดกระโปรงจีวองชี่ทันสมัย เยื้องย่างเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ เธอคล้องแขนเขาแล้วหันไปเอ่ยทักทายกับอินรุ่ยเจวี๋ยอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

“คุณชายอิน”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งพยักหน้าเป็นการตอบรับ

 

 

เหลียงซวี่เอ๋อร์ สุดที่รักของลี่ถิงเซิน ลี่ถิงเซินชอบเธอมากแค่ไหนใครๆ เขาก็รู้กันทั่ว

 

 

ชอบจนถึงขนาดที่ยกให้เธอเป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่งแห่งวงการบันเทิง

 

 

แต่เขาแม่งไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

 

 

ชอบจนเทิดทูนเหลียงซวี่เอ๋อร์จนสูงส่งอย่างตอนนี้ แล้วมันจะไปต่างกันกับสาวคนก่อนตรงไหน

 

 

แล้วก็…

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยประเมินเหลียงซวี่เอ๋อร์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า นัยน์ตาประกายความสงสัย

 

 

“หายยุ่งแล้ว?”

 

 

ลี่ถิงเซินพ่นคำพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงกดต่ำไม่มีโทนเสียง แต่คนที่รู้จักเขานั้นจะเข้าใจดีว่านี่นับว่าอบอุ่นที่สุดแล้ว

 

 

“อื้ม การผลิตใหญ่มันก็ไม่เหมือนกันนะ ขั้นตอนต่อไปก็คือออกแบบฉาก กลัวว่าพิธีเปิดจะต้องรอไปจนถึงปีหน้า”

 

 

ดวงตามืดครึ้มหรี่ลงเล็กน้อย

 

 

ปีหน้า…

 

 

สีหน้าเคร่งขรึมหายวับไปกับตาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย

 

 

“ไปกันเถอะ”

 

 

“อื้ม”

 

 

เหลียงซวี่เอ๋อร์ทักทายอินรุ่ยเจวี๋ยอีกครั้งก่อนจะควงลี่ถิงเซินหันกลับไปแล้วค่อยๆ เดินจากไป

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยบีบจมูกตัวเองหนึ่งครั้ง “ที่แท้ก็มารอสาว ไอ้เดรัจฉาน ไอ้มารสังคม!”

 

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

 

เฉินฝานซิงลืมตาตื่นขึ้นในห้องที่ไม่คุ้นเคย มันจึงยากที่จะปรับตัวเล็กน้อย

 

 

สมองยังรู้สึกตื้ออยู่หน่อยๆ เธอจึงนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงสักพักก่อนที่ใบหน้าสวยค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

 

สุดท้ายไม่ได้เป็นเพราะเพ้อจากพิษไข้

 

 

เรื่องที่ควรลืมดันไม่ลืมแต่กลับจำมันได้ทั้งหมด

 

 

ท้องฟ้าข้างนอกสว่างจ้า เฉินฝานซิงเปิดผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ

 

 

กลับมาเมื่อวานยังไม่ได้อาบน้ำเลย ตอนนี้รู้สึกสบายตัวขึ้นแล้วจึงเปิดฝักบัวอาบน้ำเสียหน่อย

 

 

ขณะที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องอาบน้ำเธอได้เดินผ่านอ่างล้างมือ เฉินฝานซิงเหลือบไปมองเงาของตัวเองที่ปรากฏเด่นชัดอยู่บนกระจกโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

 

ฝีเท้าเธอชะงักลงมองตัวเองในกระจก ร่องรอยที่เร่าร้อนรอยหนึ่งได้โชว์หราอยู่บนไหปลาร้า

 

 

เรื่องเมื่อคืนทั้งหมดเป็นดั่งภาพละครที่ฉายเข้ามาในสมองของเธอเป็นฉากๆ

 

 

ดวงตาคู่นั้นกะพริบแผ่วเบา เธอยกคอชุดนอนที่สวมอยู่ขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป่าผม

 

 

ชั้นล่างบ่าวรับใช้กำลังสารวนอยู่กับงานของตัวเองกันอย่างเงียบเชียบ

 

 

เห็นเฉินฝานซิงเดินลงมาแล้วจางมาจึงเข้ามาเอ่ยทักทาย

 

 

“คุณหนูเฉิน หวัดดีขึ้นแล้วหรือยังคะ”

 

 

เธอสูดจมูกฟุดฟิดตามสัญชาตญาณ รู้สึกโล่งสบายขึ้นมาก

 

 

“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”

 

 

“งั้นคุณหนูเฉินเชิญทานมื้อเช้าก่อนเถอะค่ะ”

 

 

“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะจางมา”

 

 

เธอนั่งลงในห้องอาหาร พร้อมกับอาหารเช้าสไตล์จีนแบบง่ายๆ ตรงหน้า

 

 

อย่างเช่นทุกครั้ง เธอทานโจ๊กไปได้สองคำจางมาก็จะยกถาดอาหารออกมาจากครัว

 

 

เธอมองตามไปแวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “จางมา คุณจะทานที่นี่ก็ได้นะ”

 

 

จางมาหยุดลงและเห็นว่าเฉินฝานซิงกำลังกวาดตามองมายังถาดอาหารในมือเธออยู่ ก่อนที่เธอจะตอบกลับมาภายในสองวินาที

 

 

“นี่เป็นมื้อเช้าที่เตรียมไว้สำหรับคุณผู้ชายค่ะ แล้วก็ยังมียาด้วย”

 

 

เธอหยุดเคี้ยวอาหารไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

“วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน? เขา…ไม่สบาย?”

 

 

ตอนพูดประโยคสุดท้ายเฉินฝานซิงหยุดลงไปแวบหนึ่ง ความหนักใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

 

แต่จางมากลับไม่ทันได้สังเกตถึงน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกลัดกลุ้ม

 

 

“ใช่แล้วค่ะ เมื่อวานกลับมายังดีๆ อยู่เลย…เจ้าหวัดนี่มากะทันหันจังเลยนะคะ”

 

 

เฉินฝานซิงถือถ้วยโจ๊กขึ้นมาบดบังความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมชาติบนใบหน้าของเธอ

 

 

“อื้ม กะทันหันมากๆ ”