บทที่ 91 ทุกสิ่ง
“ท่านเองนั้นก็เป็นถึงระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง หากว่าสู้กันตรงๆ ตัวข้าเองก็คงไม่มีหวังจะชนะ”
“แต่ในเมื่อท่านเองนั้นอยากจะได้แก่นโลหิตที่อยู่ในการครอบครองของเจ้า ข้าเองย่อมไม่ยินดีที่จะมอบให้”
“เอาอย่างนี้เป็นเช่นไร หากท่านอาจารย์สามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้ ข้าจะยอมยกแก่นโลหิตให้ท่านไปเลย ท่านคิดว่ายังไง”
“เฉินเฉียง ข้าเองก็รู้ว่าเจ้านั้นคือศิษย์ระดับอัจฉริยะที่อยากจะหาใครเทียม แต่ในเมื่อเจ้าได้ไปอยู่กับฮู่ต้าไฮ่แล้วก็ดูเหมือนว่าจะติดเชื้อความโอหังของมันมาด้วยสินะ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่กล้าที่จะท้าข้าให้รับการโจมตีจากเจ้า”
อย่างไรก็ตาม คำพูดถัดไปของเฉินเฉียงนี้ยิ่งทำให้อาจารย์คนนี้ต้องโกรธยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอาจารย์ โปรดระวังตัว นี่ไม่ใช่สนามประลองเป็นตาย หากท่านตกตายไป ท่านจะต้องตายอย่างถาวร”
“ไอ้เด็กโอหัง” ชายสวมหน้ากากด่าทอออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะนำมือไพล่หลังและใช้พลังงานสายเลือดเคลือบหุ้มร่างกายเป็นเกราะพลัง
“เฉินเฉียง หากเจ้าสามารถทำลายเกราะพลังสายเลือดของข้าได้ ข้าจะไม่กล้ามาเสนอหน้าแย่งชิงแก่นโลหิตกับเจ้าอีกต่อไป รีบๆเริ่มได้แล้ว”
“งั้น โปรดระวังตัวด้วย”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้เริ่มเคลื่อนไหวในทันที ความเร็วของเขานั้นดูรวดเร็วยิ่งกว่าตอนใช้ท่าเท้าของเขา เขาได้ใช้ทักษะขุดรูขั้นสูงสุดของเขานั่นเอง และในตอนนี้เขากำลังพุ่งตรงไปยังเกราะพลังสายเลือดของชายสวมหน้ากาก
อย่างไรก็ตาม การโจมตีของเขาในครั้งนี้ไม่ได้ดุดันเมื่อครั้งที่เขาสู้กับถูหมั่นเถียน นั่นเป็นเพราะว่าในครั้งนี้เขาไม่ได้เล็งโจมตีทะลวงร่างกายของชายสวมหน้ากาก แต่เขานั้นเล็งที่เกราะพลังงานสายเลือดเท่านั้น
เมื่อชายสวมหน้ากากเห็นการพุ่งโจมตีที่รวดเร็วประดุจสายฟ้านี้ เขาเองก็มีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ทำเพียงเท่านั้น
ในฐานะอาจารย์ของสำนักเต่าดำแล้ว เขารู้ดีว่าช่องว่างระหว่างระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นและขั้นสูงนั้นต่างกันขนาดไหน
หากว่าเขานั้นไม่สามารถป้องกันการโจมตีของศิษย์ที่พึ่งจะก้าวเข้ามาในระดับนายพลวิญญาณได้ล่ะก็ เขาเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์อีกต่อไปแล้ว
และด้วยความมั่นใจนี้ทำให้ชายสวมหน้ากากคนนี้ไม่ได้ใส่ใจกับการโจมตีของเฉินเฉียงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่การโจมตีของเฉินเฉียงปะทะเข้ากับเกราะพลังงานสายเลือดของเขา ชายสวมหน้ากากถึงกับหน้าถอดสีและลนลานในทันที
โดยไม่มีการชะงักแต่อย่างใด เกราะพลังงานสายเลือดของเขาได้แตกกระจายในครั้งเดียว
“ระยำเอ๊ย”
ในตอนนี้ ชายสวมหน้ากากไม่ได้สนใจคำมั่นที่เขาให้ไว้อีกต่อไป เขารีบฟื้นฟูเกราะพลังสายเลือดและง้างมือขวาออกมาเพื่อที่จะคว้าจับเฉินเฉียงเอาไว้
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นเร็วเกินไป
หลังจากทำลายเกราะพลังงานของชายสวมหน้ากากไปแล้วด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ตัวเขาก็ไม่ได้หยุดแต่พุ่งเข้าใส่ดงป่าที่อยู่ข้างหลัง จนเขานั้นต้องบังคับหลังของตนให้ไถไปกับพื้นเพื่อชะลอความเร็ว
“ท่านนี่ไม่รักษาสัญญาเลยนะ”
ภายในป่าที่ว่างเปล่านี้ มีเสียงยั่วยุของเฉินเฉียงเท่านั้นที่ดังออกมา แต่ตัวของเขานั้นกลับไม่ออกมาให้เห็น
“อยู่ไหนวะ”
ชายสวมหน้ากากพุ่งเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาตัวเฉินเฉียง แต่หลังจากหาไปสักพัก ในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจ และเดินกลับไปยิงทิศทางที่เขาจากมา
เฉินเฉียงเองในตอนนี้เขานั้นอยู่ใต้ดินลึกไปประมาณหนึ่งไมล์ก่อนที่จะหยุดตัวเองลงได้
ตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนนี้หาเขาพบได้ยังไง
เฉินเฉียงในตอนนี้เองก็ก้มหัวดูอะไรบางอย่าง เขารู้สึกสงสัยในกำไลสื่อสารที่ผอ.ขายมาให้เขาก่อนหน้านี้ มันมีจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่กะพริบไม่ยอมหยุดสักที
เฉินเฉียงเองที่เห็นแบบนี้จึงได้ปิดกำไลสื่อสารลง และนี่เองทำให้เขานั้นกลับสู่ความมืดมิด
ดูเหมือนว่าผอ.จะเป็นคนปล่อยข่าวของเขาต่อไป แถมยังเสนอกำไลนี้มาให้เขามาแบบลดสะบั้นหั่นแหลกซะอีก
…..ดูเหมือนว่ากำไรนี้จะมีตัวบอกตำแหน่งสินะ
“ผอ.นี่โหดดีแท้ ไม่เพียงจะทำให้ข้าเสียแต้มคะแนนไปให้ห้าพันแล้วยังจะมาติดตั้งเครื่องติดตามกันซะได้”
หลังจากปิดกำไลสื่อสารไปแล้ว เฉินเฉียงเองก็ได้เกิดความกังวลขึ้นมา หลังจากเคลื่อนที่ต่อไปอีกหลายไมล์ทางใต้ดิน เขาก็ได้ออกจากพื้นดิน และเมื่อยืนยันทิศทางได้แล้วก็รีบพุ่งตรงไปยังเขาหมางในทันที
ในเมื่อข้อมูลของเขาถูกเปิดเผยแล้ว เขาเองก็ไม่กล้าที่จะไปถ้ำต้นหลิวอีกต่อไป
นั่นก็เพราะเขารู้ว่าจะมียอดฝีมือจากสำนักสักเท่าไหร่ที่ติดตามเขามา
ต่อให้เขามีทักษะการขุดดินขั้นสูงสุดอยู่ เขาสามารถโจมตีสวนกลับคนพวกนั้นได้แต่นั่นก็ต้องเป็นศัตรูที่ป้องกันอย่างเดียวเท่านั้น หากคนพวกนั้นต้องการจะสู้กับเขาจนถึงตายล่ะก็….เขาเองคงไม่อาจจะชนะได้โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้
และนี่เป็นสาเหตุที่เขาเปลี่ยนเป็นการกลับอาณานิคมเขาหมางในทันที
ในทันทีที่เฉินเฉียงและชายสวมหน้ากากจากไปแล้ว ร่างร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏตรงจุดเกิดเหตุ
“โฮ่ ดูเหมือนว่าจะปิดกำไลสื่อสารไปแล้วสินะ สงสัยจะรู้เรื่องเครื่องติดตามเข้าแล้วแหะ รู้ได้ยังไงกันน้า….หึหึหึ”
ผอ.ได้หัวเราะตัวโยนเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “น่าสนใจจริงๆ ถึงกลับทำลายเกราะพลังสายเลือดของเฒ่าหลู่ได้ ดูเหมือนว่าคงไม่ต้องห่วงความปลอดภัยแล้วล่ะนะ”
เพียงชั่วพริบตา ผอ.เฉียนก็ได้หายไปจากตรงนั้น ราวกับเขาไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน
ชายสวมหน้ากากคนนี้คือหลู่คังเฟิงแห่งแผนกบ่มเพาะ แต่ด้วยการที่ว่าเขานั้นรังเกียจตัวที่เองที่ต้องมาทำแบบนี้จึงได้เปลี่ยนเสียงและท่าทางเพื่อไม่ให้เฉินเฉียงจับได้ว่าเป็นใคร
ด้วยทักษะของเขานั้นแน่นอนว่าย่อมเพียงพอต่อการจับตัวเฉินเฉียง พูดตามตรง ในครั้งนี้เขาเองก็สมควรจะได้แก่นโลหิตไปแล้ว
แต่เพราะด้วยความหยิ่งผยองของตนเองจึงทำให้เขานั้นพลาดที่จะได้มันมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเสียหน้าต่อศิษย์ในสำนักอีกด้วย
หากว่าเฉินเฉียงตั้งใจที่จะเล็งร่างกายของเขาในตอนนั้น เขาเองหากไม่บาดเจ็บหนักก็ต้องตกตาย
และด้วยคำพูดของเฉินเฉียงก่อนหน้านี้เองทำให้เขาอับอายเกินกว่าที่จะไล่ตามต่อไป
แต่กับคนอื่นที่มีเป้าหมายเดียวกับเขานั้นย่อมไม่แยแสในเรื่องแบบนี้เหมือนเขา และนี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผอ.เฉียนจึงได้รอบติดตามเฉินเฉียงมา
หากว่ามีอาจารย์คนใดในสำนักทำเรื่องชั่วร้าย ที่ไม่เพียงจะแย่งชิงแก่นโลหิตแล้วยังต้องการจะฆ่าเฉินเฉียงล่ะก็ เขาเองจะออกโรงมาช่วยชีวิตเฉินเฉียงในทันที
แต่ผอ.เฉียนเองนั้นไม่คิดว่าเฉินเฉียงจะมีทักษะในการหลบหนีและมีการโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จนท้ายที่สุด เขาก็จัดการเรื่องทุกอย่างและสลัดผอ.เฉียนไปจนหลุด นี่ทำให้ผอ.เฉียนมั่นใจว่ายังไงเฉินเฉียงก็ต้องปลอดภัย
เมื่อผอ.เฉียนกลับไปที่ห้องของตน เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลู่คังเฟิง
เขาควรจะเล่าให้ฮู่ต้าไฮ่ฟังดีไหมหว่า
แต่ในที่สุดแล้วเขาก็ฝืนกล้ำกลืนอาการคันปากของเขาเอาไว้ได้
เขารู้ดีว่าหากฮู่ต้าไฮ่รู้ว่าหลู่คังเฟิงเกือบตกตายด้วยลูกศิษย์ของเขาคงต้องล้อเลียนกันจนตายไปข้างหนึ่ง
เมื่อถึงตอนนั้น หลู่คังเฟิงคงบากหน้าอยู่ที่สำนักไม่ไหวจนต้องออกจากสำนักไป
…
ในตอนนี้เหล่าผู้ลอบตามติดชีวิตเฉินเฉียงได้ทยอยกลับสำนักมาทีละคนสองคน
นั่นก็เพราะเมื่อพวกเขาไปที่ถ้ำหลิว พวกเขาไม่พบเฉินเฉียงแม้แต่เงา แถมพวกเขาต้องไปสังหารเสือดาวเมฆเพลิงแทนเฉินเฉียงซะอีก
“นายน้อยจ้าว ระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางสองคนที่เราส่งไปกลับมาแล้ว พวกเขาแจ้งว่าไม่พบร่องรอยของฉินเฉียงที่นั่น และข้าได้ข่าวมาอีกว่าคนอื่นๆเองก็หามันไม่พบเช่นเดียวกัน”
“งั้น….มันก็ไม่ได้ไปที่นั่นงั้นเหรอ”
จ้าวฮั่นได้เดินวนรอบห้องอย่างครุ่นคิดอย่างหนักอยู่รอบสองรอบแล้วก็ได้หยุดเท้าลง ก่อนที่จะยิ้มออกมาและพูดอย่างยิ้มเยาะ “ข้าเข้าใจแล้ว มันไม่ได้มีภารกิจอะไรหรอก มันต้องการหลอกทุกคนเพียงเท่านั้น”
“บอกลีหลินและคนอื่นไปว่าให้ตรงไปที่เขาหมาง”
“กับคนอื่นคงไม่รู้บ้านเกิดของไอ้คนแล่เนื้อนั่น แต่ข้ารู้จักมัน มันต้องกลับไปที่อาณานิคมเขาหมาง”