ตอนที่ 94 กิจการรุ่งเรือง

ชีวิตช่างผ่านไปเร็วนัก ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าสู่เดือนสามแล้ว

ท้องฟ้าในเดือนสามช่างปลอดโปร่งนัก ทุกที่ล้วนดูแจ่มใส คนขยันบางคนเริ่มเก็บเมล็ดชั้นดีไว้เพาะปลูก อย่างเช่นคุณแม่จี้ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ นางก็ได้ขึ้นแปลงที่ดินส่วนหนึ่งในที่ของนางไว้ปลูกถั่วลิสงแล้ว

คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็ยุ่งกับงานตัวเองเช่นกัน หลังพักผ่อนในช่วงฤดูหนาวเสร็จ ก็ใกล้จะถึงเวลาที่พวกเขาต้องขยับร่างกายยืดเส้นยืดสายกันบ้าง

แต่ในตอนนี้ตระกูลจี้ก็ได้ทำการใหญ่อย่างหนึ่ง

ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก เป็นแค่เรื่องที่ตระกูลจี้อยากจะซื้อรถเท่านั้น

รถที่พวกเขาจะซื้อไม่ใช่รถคันใหญ่อะไร แต่เป็นจักรยานสามล้อที่ใช้ขนของ ทว่าเรื่องนี้ก็กลายเป็นที่โจษจันไปทั้งหมู่บ้าน รถแบบนี้ต้องใช้เงินมหาศาลในการซื้อเชียวนะ!

คนในหมู่บ้านต่างรู้สึกกระตือรือร้นในการติดตามข่าวคราวมาก และยังเล่าขานกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของบ้านตระกูลจี้ด้วย

ดูเหมือนภรรยาของจี้เจี้ยนอวิ๋นจะถูกเซียนจิ้งจอกเข้าสิง จึงทำให้ทั้งครอบครัวเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาสินะ?

ในช่วงนี้พวกเขาได้ก่อตั้งสวนผลไม้ สร้างกำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบ เลี้ยงแกะ สร้างเล้าไก่ แถมยังซื้อของชิ้นใหญ่สองอย่างได้แก่ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ที่บ้านด้วย

ดูสิ สิ่งเหล่านี้มันช่างน่ามหัศจรรย์ทั้งนั้น

ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านจึงเอาแต่พูดถึงคุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ไปแล้ว

ทุกเสียงล้วนพูดกันว่าครอบครัวตระกูลจี้ช่างโชคดีเหลือเกิน ดูช่วงเวลาที่ผ่านมานี้สิ คุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ดูเหมือนจะอ่อนเยาว์ลงไปหลายปี แล้วสภาพร่างกายของพวกเขายังแข็งแรงกว่าเดิมอีกด้วย

แถมไม่กี่วันมานี้ยังได้ยินว่าพวกเขาไปซื้อเนื้อ เนื้อซี่โครง และกระดูกหมูอีก อาหารการกินบ้านนี้ช่างดีเยี่ยมจริง ๆ

ตอนนี้ถึงกับจะซื้อจักรยานสามล้อกันแล้ว พวกเขาจะทำอะไรกันนะ?

เมื่อเห็นซูจิ้นตั๋งขนไก่ขึ้นจักรยานสามล้อแล้วปั่นเข้าเมือง ทุกคนก็ยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม

เสียงไถ่ถามดังเซ็งแซ่ทันที เป็นต้นว่าไก่พวกนี้ขายได้แล้วหรือ? คุณเลี้ยงมานานเท่าไหร่แล้ว? ซึ่งในวันนี้พวกเขาก็ได้รับคำตอบแทบจะเป็นอย่างเดิม ว่าไก่พวกนี้มีอายุพร้อมจะถูกเชือดแล้ว

แต่เมื่อพวกเขาเห็นบรรดาไก่โตเต็มวัยเหล่านี้ และรู้มาว่ามีร้านขายไก่ร้านหนึ่งอยู่ในเมือง ทุกคนก็บังเกิดความละโมบขึ้นมา

สุ่มไก่ใบหนึ่งใส่ไก่ได้ 4 หรือ 5 ตัว แล้วสุ่มไก่ทั้งคันรถสามล้อนี่จะเท่ากับเท่าใด? จะไม่เป็นเงินมหาศาลเหรอ?

ต้องทราบก่อนว่าสถานการณ์ภายนอกหมู่บ้านนี้ดีขึ้นมากแล้ว ผู้คนในเมืองต่างรวยกันมากขึ้น เพราะมีผู้คนมากมายพากันขี่จักรยานจากในเมืองเล็กเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่

เงินเดือนก็ได้รับการเพิ่มขึ้น ชีวิตทุกคนก็สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องใช้คูปองใด ๆ ซื้อของเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้ามีเงินก็สามารถซื้อของได้โดยตรงเลย

ดังนั้นการซื้อไก่สักตัวกลับมาตุ๋นนั้น คนในเมืองจ่ายกันไหวอยู่แล้ว

ในตอนนี้คนในหมู่บ้านก็เริ่มเก็บไข่ไก่บางส่วนไปขายในเมืองแล้วเช่นกัน พวกเขาต่างขายได้เร็วกว่าเมื่อก่อน และยังได้ราคาสูงกว่าแต่ก่อนอีกด้วย

แต่ในคนชนบทต่างก็เป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ พวกเขาจะต้องใช้เวลาเก็บไข่นานเท่าใดถึงจะมากพอที่จะนำไปขายในเมืองได้? แล้วพวกเขาก็ไม่อยากนำไก่ของตนเองไปขายในเมืองเท่าใดนักเพราะต้องเก็บไว้ให้มันออกไข่

การบุกเบิกของตระกูลจี้ในครั้งนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่มากทีเดียว

แม้คนในหมู่บ้านจะค่อนข้างไร้เดียงสา แม้จะมีคนส่วนมากกระโจนเข้าไปในกระแสแห่งการทำธุรกิจในยุคนี้ แต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นต้องแย่งชิงขนาดนั้น เพราะตลาดยังคงมีความต้องการสูงมาก ดังนั้นสินค้าต่าง ๆ จึงยังซื้อง่ายขายคล่องอยู่

โดยเฉพาะในปีที่แล้วที่ค่าแรงได้เพิ่มสูงขึ้น กำลังซื้อก็มากขึ้นตามไปด้วย

มีร้านค้าในเมืองจำนวนหนึ่งที่ขายไก่เหมือนกับตระกูลจี้เช่นกัน พวกมันล้วนเป็นไก่ที่ถูกจับมาขายจากหมู่บ้านใกล้เคียง

เมื่อมีร้านขายไก่เปิดตัวขึ้น ทุกคนก็ได้ทำงานใหม่

ใน 3 วันแรกก่อนเปิดร้าน ซูตานหงก็ขอให้จี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งมาช่วยดูว่ามีใครต้องการจะทำหน้าเชือดไก่หรือไม่ แล้วก็ให้ไปช่วยพวกเขาเชือดไก่

การจัดการของซูตานหงนั้นไม่ผิดนัก เมื่อเปิดตัวร้านมาได้ 3 วัน มันก็ได้รับความนิยมอย่างล้นเหลือ สะใภ้รองซูกับซูจิ้นตั๋งจึงได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาเปิดร้าน สะใภ้รองซูก็เป็นคนช่วยเก็บเงินและต้มน้ำ ส่วนซูจิ้นตั๋ง สวี่อ้ายตั๋ง และจี้หงจวินรับหน้าที่เชือดไก่และถอนขน ต่อให้พวกเขาช่วยกัน 4 คน งานก็ยังล้นมือ เพราะมีแต่คนมาสั่งอยู่ตลอด

หลัง 3 วันแรกของการเปิดกิจการอันร้อนแรง กิจการวันต่อ ๆ ไปก็ค่อย ๆ ซาลง แต่ยังถือว่ากิจการดำเนินไปด้วยดีอยู่

จี้เจี้ยนอวิ๋นให้สัญญาว่าซูจิ้นตั๋งจะได้รับเงิน 1 หยวนจากราคาไก่ 10 หยวน ความจริงเขาก็ไม่คิดว่าเป็นเงินจำนวนมากนัก แต่เมื่อขายไก่ได้มากกว่า 200 หยวนภายใน 3 วันที่ผ่านมา เขาก็ได้เงินมากกว่า 20 หยวน!

เงินจำนวนนี้เกือบจะเท่ากับเงินเดือนพนักงานทั่วไปเลยทีเดียว

ซูจิ้นตั๋งกับสะใภ้รองซูขยันทำงานมาก และจดบัญชีไว้อย่างละเอียด

เมื่อธุรกิจซาลง ซูจิ้นตั๋งก็ขี่รถไปยังหมู่บ้านในตอนเย็นเพื่อจับไก่มาขายในวันถัดไป แล้วเขาก็มอบเงินที่ได้ให้กับน้องสาว

ซูตานหงเห็นเงินแล้วก็ดีใจเช่นกัน เธอเป็นคนออกเงินค่ารถไป แต่รถคันนี้ต้องใช้เงินของเธอเป็นจำนวนมหาศาล และเงินที่จ่ายไปมันก็เป็นเงินทั้งหมดที่ได้จากการปักผ้า

ต้องบอกว่าเธอไม่มีเงินเหลืออยู่มากแล้ว แถมในปลายปีนี้เธอยังวางแผนว่าจะขอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อรถบรรทุกไว้ขนผลไม้ในปริมาณมหาศาลอีกด้วย!

รถคันนั้นราคาเกือบ 2,000 หรือ 3,000 หยวน เกือบจะซื้อห้องชุดได้หนึ่งห้องเลยทีเดียว

เงินจำนวนนี้เก็บไม่อยู่จริง ๆ แล้วเธอก็ไม่คิดที่จะใช้เงินจากการปักผ้าของเธอด้วย เธอคิดไว้ว่าจะใช้เงินที่ได้จากการขายไก่กับรายได้อื่น ๆ มาใช้ซื้อรถบรรทุกคันนี้

ครั้งนี้เธอได้เงินมามากกว่า 240 หยวน ซูตานหงจึงรับเงินไว้ทั้งหมดและแบ่งให้พี่ชาย 25 หยวน จากนั้นก็ให้เขาทำงานต่อ

ซูจิ้นตั๋งรับเงินไว้โดยไม่เกรงใจ หลังเก็บเงินเข้ากระเป๋าแล้วเขาก็ขี่จักรยานสามล้อขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจับไก่

ก่อนจะออกมานี้เขาก็เคยเห็นคนถีบจักรยานสามล้อมาแล้ว ซึ่งในยุคนี้การได้ขี่จักรยานสามล้อนับว่ามีเกียรติมาก และตัวเขาเองก็ได้ขี่มันแล้ว ไม่ต้องบอกเลยว่าเขาจะมีความสุขกับช่วงเวลานี้ขนาดไหน

หลังจับไก่เสร็จแล้วเขาก็ขี่จักรยานลงมาจากภูเขา

“มีคนรู้จักเพิ่งมาขอสั่งไก่ไว้น่ะค่ะ คุณเชือดมันแล้วเอาไปเก็บไว้ในบ่อน้ำก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเอาไปไว้ที่ร้าน” ทันทีที่กลับมาถึง สะใภ้รองซูก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ไก่ตัวหนึ่งราคาเกือบ 3 หยวน และยังมีค่านายหน้าด้วยอีก 30 เหมา

“ได้ครับ” ซูจิ้นตั๋งตอบขณะจอดรถไว้ในลานบ้าน เขาให้เงินหล่อนแล้วเอ่ยขึ้น “นี่เป็นค่านายหน้าของวันที่ผ่านมา คุณเก็บไว้นะ คุณแม่บอกว่าให้เราเก็บเงินไว้เพื่ออนาคต”

“ค่ะ” สะใภ้รองซูรับเงินไว้ ไม่ต้องบอกเลยว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของหล่อนนั้นแสดงว่าหล่อนมีความสุขเพียงใด

ในอนาคตพวกเขาจะมีเงินเก็บเป็นของตัวเอง และดูเงินที่มากกว่า 20 หยวนก้อนนี้สิ ต้องทำงานกี่วันถึงจะได้เงินเท่านี้?

เห็นภรรยาตนมีความสุขแล้ว ซูจิ้นตั๋งเองก็มีความสุขเช่นกัน เขาเดินไปเชือดไก่แล้วเก็บไว้ในบ่อน้ำ เช้าตรู่ในวันถัดมาลูกค้าคนนั้นก็มารับไก่ไป ส่วนเงินนั้นได้ให้ไว้ตอนที่สั่งจองไก่เมื่อวานนี้แล้ว

“เขาเป็นคนรวยไม่น้อยเลยนะ เหมือนเขาจะแวะมาทุกวันเลย” ทันทีที่คน ๆ นั้นจากไป ซูจิ้นตั๋งก็เอ่ยขึ้น

“ไม่ใช่คนที่มาจองตั้งแต่เย็นเมื่อวานเหรอคะ? พอฉันถาม เขาก็บอกว่าภรรยาเขาเพิ่งคลอดลูกชายตัวอ้วนเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูก ก็เลยต้องตุ๋นไก่ให้ภรรยากิน เพื่อจะได้มีน้ำนมมาก ๆ แล้วลูกชายของเขาจะได้ดูดี แล้วเขาจะไม่มาอีกได้อย่างไรคะ?” สะใภ้รองซูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เขาเองก็เป็นพนักงานในเมืองใหญ่เช่นกัน ในตอนที่มารับไก่เพื่อไปตุ๋นให้ภรรยากินนั้น เขาก็ต้องรีบร้อนไปทำงานแล้ว

“ไก่ของเราคุณภาพดีจริง ๆ ถ้าผมเป็นคนซื้อก็บอกว่าไม่เลวเลย” ซูจิ้นตั๋งพยักหน้า

แล้วจากนั้นก็มีคนมากมายมาถามว่ามีไข่ขายบ้างไหม?

แต่เขาก็ตอบไปว่าตอนนี้ยังไม่มีไข่มาขาย ต้องรออีกสักระยะหนึ่งก่อน

…………………………