ตอนที่ 83 ผู้ชายขี้หึงน่ากลัวมาก

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิงเอาขาซ้ายของไซ่ตี้จวิ้นที่ติดกับตัวรถยนต์ออกมาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นมองดูแผลของเขาคร่าวๆ “กระดูกของคุณหัก”

 

 

 ไซ่ตี้จวิ้นกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวด เขาคลายยิ้มแล้วพูด “คุณเหมือนหมอมากเลย”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าเขาต้องการทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ตึงเครียดน้อยลง เธอจึงไม่ได้พูดอะไร “ในรถมีกล่องปฐมพยาบาลไหมคะ”

 

 

“อยู่ด้านหลังครับ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากด้านหลังทันที จากนั้นย่อตัวลงนั่งเพื่อทำปฐมพยาบาลให้กับไซ่ตี้จวิ้น แผลบนหน้าผากของเขา เธอได้เอายาห้ามเลือดทาเอาไว้แล้ว “พอจะลงมายืนได้ไหมคะ พวกเราไปยืนอยู่ข้างถนนดีกว่าค่ะ ที่นี่อันตรายมาก”

 

 

“ครับ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเอาแขนของไซ่ตี้จวิ้นมาพาดหัวไหล่ของตนเองเอาไว้ จากนั้นก็พยุงเขาไปตรงข้างถนน เธอใช้ผ้ามัดแผลที่ขาของเขา “ตอนนี้จะทำยังไงต่อไปดีคะ ให้แจ้งตำรวจไหม” เธอรู้ดี คนที่มีอำนาจอย่างไซ่ตี้จวิ้น ไม่ชอบให้เรื่องไปถึงตำรวจ ทุกอย่างควรจะเก็บเงียบเป็นความลับ

 

 

“ไม่จำเป็นครับ ผมโทรให้คนของผมมาจัดการเอง”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงทำตามความต้องการของไซ่ตี้จวิ้น จากนั้นยืนเงียบๆ อยู่ข้างกายเขา เพื่อรอให้คนของเขามาจัดการ

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ช่วยของไซ่ตี้จวิ้นก็พาคนกลุ่มหนึ่งมา พวกเขาแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งรับผิดชอบพาตัวไซ่ตี้จวิ้นขึ้นไปบนรถเพื่อที่จะส่งตัวไปโรงพยาบาล อีกส่วนหนึ่งรับผิดชอบจัดการกับรถยนต์ที่ถูกชน อุบัติเหตุในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นความตั้งใจ รถบรรทุกคันนั้นต้องการฆ่าพวกเขา โชคดีที่ไซ่ตี้จวิ้นเลือกที่จะให้รถพุ่งเข้าชนฝั่งของตน ทำให้พวกเขาทั้งสองคนรอดชีวิต เขาจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะต้องหาตัวคนบงการเรื่องนี้ออกมา

 

 

เหลิ่งรั่วปิงขึ้นไปบนรถพร้อมกับไซ่ตี้จวิ้น ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้ว ไซ่ตี้จวิ้นเข้ารักษาตัวในห้องผู้ป่วยวีไอพี คุณหมอเข้าเฝือกให้เขา เวลานี้เขาต้องใช้รถเข็นในการเดินไปมา

 

 

เอ็นกระดูกของเขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องนั่งรถเข็นนานกว่าาสามเดือน

 

 

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยไปถึงตีสองกว่าแล้ว

 

 

“วุ่นวายมานาน คุณคงเหนื่อยมากแล้ว นอนพักสักหน่อยเถอะครับ” ไซ่ตี้จวิ้นชี้ไปที่เตียงข้างๆ ห้องพักผู้ป่วยของเขามีเตียงขนาดใหญ่สองเตียง ทั้งยังมีโซฟาและโทรทัศน์

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยกข้อมือขึ้นดูเวลา เธอเห็นด้วยกับความคิดของเขา เหลิ่งรั่วปิงถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วล้มตัวลงนอน เธอซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นๆ ตอนนี้เธอรู้สึกอุ่นขึ้นมาก เพราะเธอเป็นคนกลัวความหนาว

 

 

“คุณไซ่ตี้จวิ้น คุณรู้ไหมคะว่าใครเป็นคนทำร้ายเรา”

 

 

“เรื่องนี้ผมก็พูดยากเหมือนกัน ผมมีศัตรูมากมาย” ไซ่ตี้จวิ้นนั่งอยู่บนเตียง จากนั้นหันมายิ้มให้กับเหลิ่งรั่วปิง “ผมทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย”

 

 

“ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน ฉันเองก็มีศัตรูหลายคน”

 

 

“ฮ่าๆๆ…” ไซ่ตี้จวิ้นขมวดคิ้วแล้วหัวเราะ “คุณเพิ่งย้ายมาอยู่เมืองหลง มีศัตรูได้ยังไง”

 

 

“มีจริงๆนะคะ คราวที่แล้วตอนอยู่ที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ ฉันฉีกเสื้อผ้าของลู่หวาหนงจนขาด ยัยนั่นเกลียดฉันเข้าไส้ ยังมีอีกคนก็คือดาบตำรวจมู่ ตานั่นเกือบเอาปืนยิงฉันทิ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะหนานกงเยี่ยช่วยเอาไว้ เขาคงฆ่าฉันไปแล้ว” ตอนที่พูดประโยคนี้ออกไป เหลิ่งรั่วปิงคิดถึงหนานกงเยี่ยขึ้นมา ความเป็นจริงเขาดีกับเธอมาก เขาถึงขั้นทะเลาะกับเพื่อน และยังขึ้นบัญชีดำลู่หวาหนง

 

 

มนุษย์เราก็เป็นแบบนี้แหละ บางครั้งความรู้สึกซาบซึ้งก็เกิดขึ้นกระทันหัน

 

 

ไซ่ตี้จวิ้นมองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยความตกใจ “คุณฉีกเสื้อผ้าของลู่หวาหนง? เพราะอะไรครับ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม “ยัยนั่นต้องการเล่นงานฉัน แต่โดนฉันเล่นงานกลับก่อน”

 

 

ไซ่ตี้จวิ้นหัวเราะอย่างมีความสุข “รั่วปิง ผมเพิ่งรู้ว่ายังมีอีกหลายด้านในตัวคุณที่ผมไม่รู้”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม เธอไม่ได้พูดอะไรอีก แน่นอนว่ามีหลายอย่างในตัวเธอที่คนอื่นไม่รู้ ยกตัวอย่างเช่น เธอเป็นคนของวิหารซีหลิงซึ่งเรื่องรี้เป็นความลับสุดยอด และเรื่องที่เธอเอาความฝันของตนเองผลักให้ลั่วเฮิ่งตกนรก

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเหนื่อยมากแล้ว ขณะที่เธอกำลังจะนอนหลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอกดรับสายโดยไม่แม้แต่จะดูว่าใครโทรมา “สวัสดีค่ะ?”

 

 

“คุณอยู่ที่ไหน” เสียงของหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือก

 

 

“…” เหลิ่งรั่วปิงดีดตัวขึ้นมาทันที เธอเบิกตากว้าง ไม่รู้จะตอบคำถามเขาอย่างไรดี จากนิสัยของหนานกงเยี่ย ถ้าเขารู้ว่าเธอออกมากินมื้อค่ำกับไซ่ตี้จวิ่น มีหวังได้อาละวาดแน่ๆ ภาพตอนที่เขาเอาปืนจ่อหน้าไซ่ตี้จวิ้นยังติดตาเธอ

 

 

“บอกผมมาเดี๋ยวนี้!” เห็นได้ชัดว่าหนานกงเยี่ยหมดความอดทนแล้ว น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเคล้าไปด้วยความโมโห คำพูดของเขาแต่ละคำที่พูดออกมานั้น ทำให้หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรง “เหลิ่งรั่วปิง บอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณอยู่ที่ไหน!”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปิดเรื่องนี้ได้ ฟังจากน้ำเสียงของหนานกงเยี่ย เขาคงรู้แล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ที่โรงแรม เขาคงตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดหมดแล้ว หนานกงเยี่ยต้องรู้แน่ๆ ว่าเธอออกมากับไซ่ตี้จวิ้น เพียงแต่ กลางดึกแบบนี้ ทำไมจู่ๆ เขาถึงโทรมาหาเธอ

 

 

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ”

 

 

“คุณเป็นอะไร” น้ำเสียงของหนานกงเยี่ยอ่อนลง เวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นความเป็นห่วง “ไม่สบายหรอ”

 

 

“เปล่าค่ะ ฉันถูกรถชน…”

 

 

“โรงพยาบาลไหน” ยังไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงพูดจบ หนานกงเยี่ยก็รีบถามที่อยู่ทันที มีเสียงสตาร์ทรถดังขึ้นจากปลายสาย

 

 

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนคังต๋า แต่ว่า…” ยังไม่รอให้เธอพูดจบ เขาก็ตัดสายไปแล้ว เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่ามีพายุลูกใหญ่กำลังจะมา คืนนี้เธอไม่ได้นอนแน่ๆ

 

 

“หนานกงเยี่ย?” ไซ่ตี้จวิ้นลืมตาขึ้นช้าๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดมาก

 

 

“ใช่ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงตอบแล้วรีบลุกลงมาจากเตียง “ฉันออกไปรอเขาข้างนอกก่อนนะคะ” เธอกลัวว่าถ้าหนานกงเยี่ยอาละวาดขึ้นมา เขาจะทำร้ายไซ่ตี้จวิ้น เขาเพิ่งขาหักเพราะเธอ เธอทนเห็นเขาถูกทำร้ายไม่ได้จริงๆ

 

 

“ด้านนอกอากาศหนาว คุณรอที่นี่เถอะ” ไซ่ตี้จวิ้นลุกขึ้นนั่ง “สบายใจได้ค่ะ หนานกงเยี่ยไม่ฆ่าฉันหรอก” ความเป็นจริงเขาเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ จากการที่วันนั้นหนานกงเยี่ยเอาปืนเล็งมาที่เขา เขาคิดว่าวันนี้หนานกงเยี่ยคงเอาเขาตายแน่ๆ แต่ว่า เขาไม่อยากให้เธอต้องไปทนกับอากาศหนาวด้านนอก

 

 

“…” เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิด

 

 

“คุณช่วยเทน้ำอุ่นให้ผมสักแก้วได้ไหมครับ”

 

 

“ได้ค่ะ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเดินไปกดน้ำร้อนให้เขา จากนั้นยกมาให้ไซ่ตี้จวิ้น ไซ่ตี้จวิ้นรับน้ำไป เขายังไม่ทันได้ดื่มน้ำ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างแรง

 

 

หนานกงเยี่ยปรากฎตัวออกมาด้วยรังสีอำมหิต เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงกำลังจะป้อนน้ำให้ไซ่ตี้จวิ้น เขาก็แทบจะระเบิดห้องนี้

 

 

ผู้หญิงของเขาหนานกงเยี่ยกำลังปรนนิบัติผู้ชายคนอื่น!

 

 

หวนนึกถึงสองเดือนที่อยู่ด้วยกัน เธอไม่เคยเทน้ำให้เขาดื่มแม้แต่แก้วเดียว เมื่อก่อนเธอทั้งเย็นชาและสง่างาม ไม่มีทั้งความรู้สึกดีใจและเสียใจ ทว่านับตั้งแต่กลับมาจากเมืองเฟิ่ง เธอกลับขัดใจเขาทุกเรื่อง เธอเคยทำอะไรเพื่อเขาบ้างไหม

 

 

  ตอนนี้เธอกลับมาปรนนิบัติไซ่ตี้จวิ้น

 

 

หนานกงเยี่ยหึงหวงขึ้นมาทันที ภายในห้องเต็มไปด้วยรังสีหึงหวงของเขา

 

 

ไซ่ตี้จวิ้นคลายยิ้มบางๆ จากนั้นยกน้ำขึ้นดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะขี้หึงมากขนาดนี้ ดูท่าแล้วเขาคงจะรักเหลิ่งรั่วปิงจริงๆ

 

 

เมื่อเหลิ่งรั่วปิงเห็นหนานกงเยี่ยเป็นแบบนี้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกร็งขึ้นมา เธอไม่กลัวเขาโมโห เธอกลัวแค่เขาจะทำร้ายไซ่ตี้จวิ้น “คุณหนานกง ดึกขนาดนี้แล้ว คุณมาหาฉันมีธุระอะไรรึเปล่าคะ”

 

 

“ดึก?” หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ “คุณรู้ตัวด้วยหรอว่าดึกมากแล้ว” รู้ว่าตอนนี้ดึกมากแต่ก็ยังกล้าออกมากับผู้ชาย?

 

 

เมื่อกี้ตอนที่เขาได้ยินว่าเธอประสบอุบัติเหตุ เขาตกใจมาก พอมาถึงโรงพยาบาลก็รีบถามเจ้าหน้าที่ทันที หลังจากรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรมาก เขาก็สบายใจ แต่พอรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงออกมากินข้าวกับไซ่ตี้จวิ้นและประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับโรงแรม เขาก็โมโหขึ้นมาทันที แล้วเธอยังมาดูแลเขาถึงในห้องอีก นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ!

 

 

ตอนกลางคืนหลังจากที่เขาแยกกับเธอ เขากลับไปที่วิลล่าหย่าเก๋อ จากนั้นก็กินข้าว แต่คืนนี้เขานอนไม่หลับ เขาคิดถึงเธอมาก อยากจะเจอเธอ อยากกอดเธอ อยากจะนอนไปพร้อมกับเธอ เขาเป็นแบบนี้อยู่นานจนถึงกลางดึกเขาก็ยังนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปหาเธอที่โรงแรมวั่นเหา แต่ใครจะไปคิดว่าเธอไม่อยู่ในห้อง เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอ จึงเรียกเจ้าหน้าที่มาเปิดดูกล้องวงจรปิด วินาทีนั้นเขาจึงได้รู้ว่าเธอออกไปกับไซ่ตี้จวิ้น

 

 

เวลานี้ เขาไม่ได้แค่รู้สึก ‘โมโห’!

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่อยากทะเลาะกับเขาที่นี่ เธอจึงพูดเสียงอ่อน “มีเรื่องอะไรเรากลับไปค่อยคุยกันนะคะ” เธอหันหน้ากลับไปหาไซ่ตี้จวิ่น “ไซ่ตี้จวิ่น คุณพักผ่อนให้มากๆนะคะ”

 

 

“ครับ” ไซ่ตี้จวิ้นคลายยิ้มแล้วพยักหน้า

 

 

เธอเรียกขื่อของเขา! หนานกงเยี่ยหึงอีกครั้ง เขาเดินไปประชิดตัวเธอแล้วกระชากเธอออกไปด้านนอก โดยไม่สนใจว่าเธออยากจะมาด้วยไหม

 

 

ความเป็นจริงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ใช่ว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ไม่เป็นอะไรเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีบาดแผลภายนอก แต่การชนอย่างแรงที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกเวียนหัว เธอเห็นไซ่ตี้จวิ้นได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เลยไม่ได้พูดอะไร ทำให้เวลานี้พอหนานกงเยี่ยกระชากตัวเธอ โลกจึงหมุน ภาพตรงหน้ามืดไปทันที

 

 

เหลิ่งรั่วปิงล้มลงไป ขณะที่ไซ่ตี้จวิ้นมองดูด้วยความตกใจ

 

 

หนานกงเยี่ยเองก็รีบหมุนตัวกลับไป เขารับตัวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ได้ก่อนที่เธอจะล้มลง “เหลิ่งรั่วปิง คุณเป็นอะไร”

 

 

หนานกงเยี่ยตกใจมาก เขากอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้แน่น

 

 

ไซ่ตี้จวิ้นเองก็ตกใจมาก เขากระโดดกระต่ายขาเดียวไปหาเหลิ่งรั่วปิง ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปใกล้เธอ หนานกงเยี่ยก็ผลักเขาออกทันที

 

 

“ไสหัวไป! อย่าให้ฉันเห็นว่านายมายุ่งกับเธออีก!” หนานกงเยี่ยช้อนตัวเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมา จากนั้นก็อุ้มเธอออกไปด้านนอก

 

 

 ไซ่ตี้จวิ้นที่ล้มลงไปพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมา เขาพูดเสียงอ่อนโยน “หนานกงเยี่ย ช่วยดีกับเธอหน่อย” เขาไม่สามารถแย่งเธอมาจากเขาได้ ทำได้เพียงขอร้องเขาให้เขาดีกับเธอหน่อย

 

 

หนานกงเยี่ยหยุดเดิน จากนั้นก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แน่นอนว่าผู้หญิงของเขา เขาต้องดูแลเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาสั่ง

 

 

หนานกงเยี่ยอุ้มเหลิ่งรั่วปิงออกมา ขอร้องตะโกนเรียกหมอด้วยความใจน้อน

 

 

เขาคือหนานกงเยี่ย เป็นคนที่มีอำนาจในเมืองหลง ดังนั้นการที่เขามาที่โรงพยาบาล ผู้อำนวยการจึงรู้ เขายืนรอคำสั่งของหนานกงเยี่ยด้านนอก หนานกงเยี่ยตะโกนเรียกแค่ครั้งเดียว ผู้อำนวยการพุ่งตัวออกมาทันที “คุณหนานกง มีอะไรให้รับใช้ครับ”

 

 

“ช่วยผมดูอาการเธอหน่อย ทำไมอยู่ดีๆ ถึงหมดสติไปได้” หัวใจของหนานกงเยี่ยงีบรัด นอกจากอวี้หลานซีแล้ว เขาไม่เคยเป็นห่วงผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน

 

 

“ครับ คุณหนานกง” ผู้อำนวยการบอกกับพยาบาล “ส่งตัวคนไข้แอดมิทห้องผู้ป่วยวีไอพี”