ตอนที่ 84 ถูกคนเผด็จการกักบริเวณ

เดิมพันเสน่หา

เมื่อเข้ารักษาตัวในห้องผู้ป่วยวีไอพี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็เป็นคนตรวจร่างกายเหลิ่งรั่วปิง ผลการวินิจฉัยคือ “คุณเหลิ่งไม่ได้เป็นอะไรมากครับ สมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย แค่นอนพักผ่อนให้มากก็พอแล้วครับ”

 

 

หนานกงเยี่ยโล่งใจ จากนั้นอุ้มเหลิ่งรั่วปิงออกมาจากโรงพยาบาล ทางด้านก่วนอวี้ยืนรอไว้ด้านนอกนานแล้ว เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยออกมา เขาก็รีบเปิดประตูรถทันที

 

 

ขณะที่นั่งอยู่ในรถยนต์ กนานกงเยี่ยอุ้มเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ตลอดทาง เขากอดเธอเอาไว้แน่น เอาหน้าของเธอมาแนบชิดกับแผ่นอกของตนเอง เขารู้ว่าเธอเป็นคนขี้หนาว จึงเอามือของเธอซุกเข้าไปในเสื้อของเขา

 

 

ระหว่างทาง เหลิ่งรั่วปิงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ดวงตาสีนิลของเธอกวาดมองไปรอบๆ เธอพอจะรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

“ยังเวียนหัวอยู่ไหม” หนานกงเยี่ยหายโมโหไปนานแล้ว เวลานี้เขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น

 

 

อ้อมกอดของเขาอบอุ่นมาก เหลิ่งรั่วปิงชอบความรู้สึกนี้ เธอจึงไม่ได้ลุกขึ้นมา “ดีขึ้นแล้วค่ะ ว่าแต่คุณจะพาฉันไปไหนคะ”

 

 

“กลับวิลล่าหย่าเก๋อ”

 

 

“ไม่ค่ะ ฉันอยากกลับโรงแรม” การกลับไปวิลลาาหย่าเก๋อ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา

 

 

ดวงตาคมเฉี่ยวเหมือนเหยี่ยวของหนานกงเยี่ยฉายความไม่พอใจ “คุณคิดว่าผมจะให้คุณอยู่โรงแรม?”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าเขาไม่พอใจที่เธอไปเจอกับไซ่ตี้จวิ้น “ฉันเป็นสถาปนิก คุณไซ่ตี้จวิ้นเป็นนักธุรกิจค้าวัสดุ การที่พวกเราเจอกันเป็นเรื่องปกติหนิคะ” นักสถาปนิกที่ดีควรจะรู้คุณภาพของวัสดุทุกชนิด และควรที่จะคุ้นชินกับแบรนด์ต่างๆ เพื่อจะสามารถนำมาใช้กับผลงานของตน ดังนั้นการที่สถาปนิกเจอกับคนค้าวัสดุถือเป็นเรื่องปกติ

 

 

หนานกงเยี่ยเป่าลมออกมา “เหลิ่งรั่วปิง คุณคิดว่าผมโง่มากหรอ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเงียบ “….”

 

 

“คุณคิดว่าผมจะอนุญาตให้คุณเจอกับผู้ชายที่เคยใส่เสื้อคู่กับคุณ? คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้พวกคุณได้เจอกันอีก?”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้ดี คนเผด็จการอย่างเขา ไม่มีวันอนุญาตให้เธอเจอกับไซ่ตี้จวิ้นแน่นอน แน่ว่าไม่เป็นไร เหลือเวลาอีกไม่นาน เธอก็สามารถเป็นอิสระแล้ว วันที่การล้างแค้นสำเร็จ คือวันที่ชีวิตของเธอสดใส เมื่อถึงเวลานั้น ความเผด็จการของเขาไม่มีผลอะไรกับเธออีกต่อไป

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่พูดอะไรอีก เธอเงียบแล้วซบอยู่บนแผงอกของเขา ลมหายใจเข้าออกของเขาเคล้ากับร่างกายที่อบอุ่น แผงอกของเขาขยับขึ้นลง

 

 

ทางด้านหนานกงเยี่ยกลับขมวดคิ้วเป็นปม คำพูดของเธอทำให้เขาโมโหได้ทุกครั้ง แต่การที่เธอเงียบกลับทำให้เขาเสียใจ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร แต่หัวใจของเธอได้บินไปไกลแล้ว เหลิ่งรั่วปิงเคยพูดแล้วว่าวันที่เธอแก้แค้นสำเร็จ เธอจะไปจากที่นี่ ไปหาชีวิตที่มีความสุข เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอพร้อมที่จะไปจากเขาตลอดเวลา ไม่ส่าเขาจะจับเธอเอาไว้แน่นแค่ไหน เธอก็จะไปจากเขา?

 

 

การอยู่กับเขา เธอไม่มีความสุขหรอ

 

 

เมื่อมาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ หนานกงเยี่ยอุ้มเหลิ่งรั่วปิงไปที่ชั้นสอง เขาวางตัวเธอลงบนเตีนงเบาๆ จากนั้นถอดเสื้อผ้าของเธอออก

 

 

เหลิ่งรั่วปิงถอยหลังหนีด้วยความตกใจ “คุณจะทำอะไร?”

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ในสายตาของเธอ เขาไม่น่าไว้วางใจขนาดนี้เชียวหรอ เธอเห็นเขาเป็นคนลามกหรือไง

 

 

“อาบน้ำให้คุณ”

 

 

“เอ่อ…เอ่อ…ฉันอาบเองได้ค่ะ” เขาสูงส่งเหมือนราชา เธอจะกล้าให้เขาช่วยอาบน้ำได้ยังไง

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่การกระทำของเขากำลังบอกกับเหลิ่งรั่วปิง คำพูดของเขาคำไหนคำนั้น ด้วยเหตุนี้ ขณะที่เหลิ่งรั่วปิงกำลังพยายามขัดคำสั่งของเขา หนานกงเยี่ยก็ถอดเสื้อของเธอออก เขาช้อนตัวเธอขึ้นมาแล้วอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็อาบน้ำให้กับเธอด้วยความใส่ใจ หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็เอาผ้าเช็ดตัวมาพันตัวเธอเอาไว้ แล้วอุ้มเธอกลับไปที่เตียงนอน เขาเดินไปหยิบไดร์เป่าผมในลิ้นชักออกมาเป่าผมให้เธอ

 

 

ทุกอย่างทำด้วยความเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป

 

 

เหลิ่งรั่วปิงตกใจมาก

 

 

ตัวหนานกงเยี่ยเองก็คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตนเองจะทำอะไรมากมายขนาดนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ในทางเดียวกันหัวใจของเขากลับรู้สึกอบอุ่น

 

 

ตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวว่าเวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง ความหยิ่งทระนงและศักดิ์ศรีที่เคยมีจะหลอมละลายกลายเป็นความรักและคอยตามใจผู้หญิงคนนั้น หนานกงเยี่ยไม่เคยรักใครมาก่อน เขาถูกเลี้ยงให้ตามใจตนเองตั้งแต่เล็ก ทำให้เวลานี้เขาไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ตกหลุมรักเหลิ่งรั่วปิงแล้ว

 

 

หนานกงเยี่ยหยิบชุดนอนออกมาจากห้องแต่งตัว เขายื่นให้กับเหลิ่งรั่วปิง “เปลี่ยนแล้วเข้านอนเถอะ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมองดูนอกหน้าต่าง ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว “ไม่มีเวลาให้นอนแล้ว ฉันต้องไปทำงาน”

 

 

หนานกงเยี่ยกดตัวเธอลงไปนอน จากนั้นห่มผ้าห่มให้กับเธอ “ผมให้คุณหยุดหนึ่งวัน นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่ม”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงทั้งอ่อนเพลียและเหนื่อย ตอนนี้เธอยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลย ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ขัดใจเขา เธอหลับตาลงอย่างว่าง่าย ใช้เวลาไม่นอนเธอก็นอนหลับไป

 

 

หลังจากที่เธอเข้านอนแล้วนั้น หนานกงเยี่ยเองก็อาบน้ำ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มพร้อมกับกอดเธอเอาไว้ ในที่สุดหัวใจของเขาก็รู้สึกสงบสักที เขาเองก็อยากจะนอนหลับให้เต็มอิ่ม

 

 

สาเหตุที่วันนี้เขาไม่ได้ทำร้ายไซ่ตี้จวิ้น เพราะเขารู้ว่านี่เป็นหนึ่งในแผนการแก้แค้นของเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำลายหมากของเธอ

 

 

ก่วนอวี้ที่ยืนรอคำสั่งอยู่ด้านล่าง ได้รับข้อความจากหนานกงเยี่ย “วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัท”

 

 

ก่วนอวี้กรอกตาบนด้วยความจนปัญญา เขามองดูท้องฟ้าที่สว่างจ้า ขับรถไปที่บริษัทเพื่อเคลียร์งานต่างๆ อย่างยอมรับกับชะตากรรมของตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงเยี่ยไม่สนใจเรื่องงาน อีกทั้งสาเหตุที่เขาไม่สนใจเรื่องงานก็มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนแปลงกฎของหนานกงเยี่ย

 

 

**

 

 

ตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา เหลิ่งรั่วปิงถูกหนานกงเยี่ยจับตาดูอย่างเข้มงวด เขาไม่ให้เธอออกไปด้านนอก ไม่ให้เธออ่านหนังสือ ไม่ให้เธอทำงาน สิ่งที่เขาอนุญาตให้เธอทำเพียงอย่างเดียวคือการกินและนอนเท่านั้น

 

 

ผู้ชายคนนี้เผด็จการมาก เธอไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้เลย

 

 

เธอถูกขังจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

 

 

วันที่สิบห้า เธอโมโหมาก เหลิ่งรั่วปิงโทรศัพท์ไปหาหนานกงเยี่ย “คุณหนานกงเยี่ย คุณจะขังฉันเอาไว้แบบนี้อีกนานแค่ไหนคะ เมื่อไหร่คุณถึงจะเอาพวกบอร์ดี้การ์ดที่เฝ้าประตูออกไป”

 

 

ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เวลาที่หนานกงเยี่ยไปทำงาน เขาจะให้คนของเขามาเฝ้าที่ประตูของวิลล่า ทุกอย่างที่เธอต้องการจะทำล้วนต้องอยู่ภายในวิลล่า หนานกงเยี่ยรู้ว่าเธอเก่งด้านการต่อสู้ กลัวว่าบอร์ดี้การ์ดแค่สองคนจะเอาเธอไม่อยู่ ดังนั้นเขาจึงส่งคนมากว่าสิบคน

 

 

บอร์ดี้การ์ดในชุดดำยืนอยู่ตรงประตู เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอึดอัดแทบตาย ถ้ายังไม่ให้เธอออกไปข้างนอก เธอคงต้องรากงอกแล้วแน่ๆ

 

 

หนานกงเยี่ยกำลังดูเอกสาร ขณะที่เขากำลังจะเซ็นสัญญา ก็ได้ยินเสียงของเธอดังขึ้น หนานกงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณเบื่อ?”

 

 

“แล้วคุณคิดว่ายังไงคะ” น้ำเสียงของเหลิ่งรั่วปิงเหมือนกำลังคุยกับคนบ้า

 

 

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงเบา คำพูดแบบนี้ของเหลิ่งรั่วปิงทำให้เขามีความสุข “คืนนี้ผมจะพาคุณออกไป”

 

 

เธอแค่สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย จากคำแนะนำของหมอพักแค่ครึ่งเดือนก็พอแล้ว ตอนนี้ก็ครบครึ่งเดือนพอดี เธอสามารถมีอิสระได้แล้ว

 

 

“ไปที่ไหนคะ”

 

 

“ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ” ครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากเลิกงานเขาก็ตรงดิ่งไปที่วิลล่าหย่าเก๋อทันที ทิ้งเพื่อนให้อยู่กันเองมานานแล้ว คืนนี้อวี้ไป่หันจะเป็นเจ้าภาพ เขาต้องการให้มากันครบทุกคน

 

 

“ฉันไม่ไปค่ะ คุณพาคนอื่นไปเถอะ” เธอเกลียดสถานการณ์แบบนั้น และเกลียดมู่เฉิงซีมากด้วย คำพูดของเธอหนักแน่นมาก เธอไม่อยากออกไปกับหนานกงเยี่ย ถ้าหนานกงเยี่ยอยากไปก็พาผู้หญิงคนอื่นไป ความหมายของเธอคือการผลักเขาไปหาผู้หญิงคนอื่น

 

 

หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด มือของเขาที่จับปากกาอยู่นั้นกำแน่น เขาขีดเส้นยาวๆ บนสัญญาทันที “เหลิ่งรั่ว ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ผมตามใจคุณมากเกินไปใช่ไหม”

 

 

“คุณสามารถเลือกที่จะไม่ตามใจฉันได้หนิคะ คุณสามารถปฏิบัติกับฉันเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของคุณ แค่ให้เงินก็ไล่ออกไปจากชีวิตได้แล้ว ฉันกำลังรอค่าเลิกของเราอยู่นะคะ”

 

 

ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาตาใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะอาบน้ำกินข้าวหรือเป่าผม เขาล้วนเป็นคนปรนนิบัติเธอ ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นแม่ของเธออยู่แล้ว แน่นอน ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ดีขึ้นมา เหลิ่งรั่วปิงมีการแสดงนิสัยของตนเองออกมาบ้างเป็นบางครั้ง การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่เธอไม่รู้ตัว

 

 

“เหลิ่งรั่วปิง!” คำพูดสามพยางค์นี้ที่ออกมาจากปากของหนานกงเยี่ย คล้ายกับว่ากำลังบดขยี้มัน เขากัดฟันกรอด “คุณคิดว่าผมโมโหไม่เป็นใช่ไหม”

 

 

ดูท่าระยะนี้เขาดีกับเธอเกินไปแล้ว เธอถึงใจกล้าแบบนี้ ได้ขั้นกล้าพูดเรื่องเลิก สำหรับผู้หญิงทุกคน เขาเป็นคนที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ ผู้หญิงที่เขาต้องการให้มาอยู่ด้วยไม่มีใครปฏิเสธเขาได้ ในทางเดียวกันคนที่เขาเบื่อและไม่ต้องการก็ต้องไสหัวออกไป แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับกำลังทำลายความอดทนของเขา

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่สนใจความโมโหของเขาแม้แต่น้อย เธอกดตัดสายด้วยความเบื่อหน่าย

 

 

โมโหไปสิ อยากโมโหก็โมโหไป ฉันไม่ยุ่งกับคุณแล้ว

 

 

ตามใจเธอ ตามใจเธอ ทำกับเธอเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง?

 

 

ตอนแรกคิดว่าเธอจะเถียงกลับ เขาจึงเตรียมคำพูดเอาไว้เรียบร้อย ทว่าคิดไม่ถึงเธอกลับตัดสายทิ้ง หนานกงเยี่ยถึงกับพูดไม่ออก

 

 

เขาเขวี้ยงปากกาลงบนโต๊ะ หยิบเสื้อกันหนาวแล้วเดินออกไป เหลิ่งรั่วปิงคุณยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหิมเกริมเกินไปแล้ว ถึงขั้นกล้าตัดสายเขา ดูสิว่าเขาจะกลับไปจัดการเธอยังไง

 

 

ทางด้านก่วนอวี้กำลังจะกลับมารายงานเรื่องงาน เขาเดินสวนกับหนานกงเยี่ยพอดี “คุณชายเยี่ยครับ คุณจะไปไหนครับ”

 

 

“ฉันเลิกงานก่อนเวลา นายจัดการงานที่เหลือให้เรียบร้อย” หนานกงเยี่ยพูดทิ้งท้าย จากนั้นก็เดินไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร

 

 

ก่วนอวี้ใบ้กิน ใครทำให้คุณชายเยี่ยโมโหอีกแล้ว ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ คุณชายเยี่ยอารมณ์ดีทุกวัน มุมปากของเขามีรอยยิ้มอยู่คลอดเวลา จนเขาคิดว่าบอสของตนจะยิ้มแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงโมโหขึ้นมาได้

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะบ้าจนกลับมาคิดบัญชีกับเธอที่วิลล่า หลังจากที่เธอตัดสายเขาทิ้ง เธอก็เล่นของเล่นด้วยความตั้งใจ

 

 

เธอวาดเครื่องหมายเป้าหมาย จากนั้นถือถุงถั่วลิสงเอาไว้ เธอนั่งอยู่บนเตียง แล้วโยนมันเข้าปากที่ละเม็ด เธอวาดไปด้วยแล้วโยนไปที่เป้า เธอไม่ได้ฝึกมีดบินมานานแล้ว ถือเป็นการฝึกฝนตนเองสักหน่อย

 

 

หนานกงเยี่ยกลับมาด้วยความโมโห เขาโยนเสื้อกันหนาวทิ้งแล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง เปิดประตูเข้ามาด้วยความรุนแรง ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด ถั่วลิสงก็พุ่งเข้ามาหาเขา เหตุเพราะที่นี่เป็นห้องของเหลิ่งรั่วปิง เขาจึงไม่ได้ระวังตัว ถั่วลิสงชนเข้ากับสันจมูกของเขาพอดี

 

 

หนานกงเยี่ยเจ็บจนเป่าลมออกมา สีหน้าของเขาที่ตอนแรกเต็มไปด้วยความโมโห เวลานี้มันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมากระทันหัน เธอมองดูสันจมูกของหนานกงเยี่ยที่แดงเป็นเปื้อน เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเสียงดัง “คุณหนานกง ทำไมคุณถึงไม่เคาะประตูคะ” แน่นอน เขาไม่เคยเคาะประตูห้องนอนของเธอมาก่อน

 

 

มองดูหญิงสาวที่หัวเราะจนตัวงอ แล้วมองดูถั่วลิสงที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น จากนั้นหมุนตัวหันหลังไปมองเครื่องหมายเป้าหมาย ใบหน้าหล่อเหลาของหนานกงเยี่ย เหมือนภูเขาหิมะที่กำลังจะถล่มลงมา…