ตอนที่ 85 ฉลองงานวันเกิดที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ

เดิมพันเสน่หา

สุดท้ายแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หายไป กลายเป็นรอยยิ้มเข้ามาแทนที่ เขาไม่เคยเห็นเหลิ่งรั่วปิงเป็นแบบนี้มาก่อน เธอเดินเท้าเปล่าอยู่ในห้อง ใส่ชุดนอนผ้าฝ้าย ใบหน้าของเธอไม่ได้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ ผมยาวสลวยสยายอยู่ด้านหลัง หน้าตูดูเบื่อหน่าย เหลิ่งรั่วปิงนั่งอยู่บนเตียงโดยไม่รักษาภาพลักษณ์ของตนเอง ทั้งยังเคี้ยวถั่วลิสงเอาในปาก

 

 

ถ้าหากเป็นผู้หญิงทั่วไป การทำตัวแบบนี้ คงหมดความสวยไปแล้ว แต่พอเกิดขึ้นกับเหลิ่งรั่วปิง มันกลับสวยงาม เธอเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำออกมา สวยจนเกินบรรยาย

 

 

ความโมโหของหนานกงเยี่ยหายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอสามารถทำให้เขารู้สึกโมโหในพริบตา และสามารถทำให้เขาหายโกรธในพริบตาเช่นเดียวกัน

 

 

หนานกงเยี่ยคลายยิ้มแล้วเดินไปนั่งบนเตียง ดไม่ได้ที่จะจุ๊บลงไปบนแก้มของเธอ “คุณเบื่อมากขนาดนี้เชียว?”

 

 

ในปากของเหลิ่งรั่วปิงกำลังเคี้ยวถั่วลิสงเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงพูดด้วยความหงุดหงิด “คุณหนานกง ก่อนหน้านี้คุณเป็นคนพูดเองว่า การกลับมาอยู่ด้วยกันในครั้งนี้ ฉันไม่ได้กลับมาในฐานะเมียเก็บของคุณ แต่เราคบกันแบบชายหญิง คุณช่วยดีกับฉันหน่อยไม่ได้หรอคะ”

 

 

หนานกงเยี่ยรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที ทว่ายังคงคลายยิ้มแล้วมองไปที่เธอ “ผมใจร้ายกับคุณหรอ” ต้องทำยังไงกับเธอถึงจะเรียกว่าดี ตอนนี้เขาแทบจะทำตัวเหมือนแม่ของเหลิ่งรั่วปิงเข้าทุกวันแล้ว เขาเคยยกข้าว อาบน้ำและเป่าผมให้ผู้หญิงคนไหนบ้าง

 

 

“ชีวิตเป็นของมีค่า ความรักคือสิ่งที่ราคาแพง แต่ถ้าหากได้รับอิสรภาพ ฉันยินดีที่จะทิ้งทั้งสองอย่างนี้ คุณหนานกง อิสรภาพคือสิ่งที่สำคัญมากนะคะ”

 

 

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ จากนั้นล้มตัวลงนอนบนเตียง “ถ้าคุณไม่ได้ประสบอุบัติเหตุจนสมองกระทบกระเทือน คุณคิดว่าผมสามารถขังคุณได้หรอ” เธอไม่มีหัวใจจริงๆ สิ่งที่เขาทำล้วนเป็นเพราะหวังดีกับเธอ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงกลับไม่ได้รู้สึกขอบคุณ “การที่ใช้ความรักมาเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะขังคนคนหนึ่งเอาไว้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”

 

 

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราอีกครั้ง เขาดึงตัวเหลิ่งรั่วปิงมาใกล้ ทำให้ตอนนี้เธอขึ้นคร่อมบนตัวเขา หนานกงเยี่ยจับริมฝีปากบางๆ ของเธอแล้วพูดขึ้น “คุณพูดเก่งจริงๆ ” คำพูดเพียงคำเดียวของเธอสามารถพูดให้เขาโมโหได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็สามารถทำให้เขาหัวเราะได้เหมือนกัน

 

 

หนานกงเยี่ยหมุนพลิกตัวกระทันหัน เขาขึ้นมาคร่อมบนตัวเธอ จากนั้นบรรจงจูบลงมา

 

 

ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เขาทำได้เพียงแค่กอดเธอแล้วเข้านอนเท่านั้น มีบ้างบางครั้งที่จะได้หอมเธอ เขาอดทนจนแทบจะทนไม่ได้มานานแล้ว อยากจะจูบเธอให้หายคิดถึง

 

 

การจูบในครั้งนี้ยังคงงดงามเหมือนเดิม ริมฝีปากของเธอ รสจูบที่หอมหวาน ริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทุกครั้งที่ได้กลิ่นเขาก็แทบจะถอนตัวไม่ขึ้น

 

 

ยิ่งจูบก็ยิ่งได้อารมณ์ ตอนที่เขาทำเกินเลยไปก้าวหนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงีรบผลักหน้าเขาออกทันที เธอสูดลมหายใจเข้า “คุณหนานกง ตอนนี้ฉันเป็นคนป่วยนะคะ”

 

 

หนานกงเยี่ยหัวเราะ “ตอนนี้ยอมรับแล้วหรอว่าตนเองป่วยอยู่”

 

 

“ฉันยอมรับมาตลอดว่าตนเองเป็นคนป่วย แต่คนป่วยก็ต้องการอิสระรึเปล่าคะ ฉันไม่ได้ออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลงมานานครึ่งเดือนแล้ว ฉันอยากทำงาน”

 

 

“อีกไม่นานก็ถึงวันหยุดปีใหม่แล้ว คุณสามารถหยุดงานได้”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องรีบออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลงให้เสร็จเร็วที่สุด” เธอต้องการที่จะแก้แค้น

 

 

ภายในใจของหนานกงเยี่ยรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาเองก็อยากจะช่วยเธอแก้แค้น อยากให้เธอหมดห่วงกับเรื่องนี้ แต่เขากลัวไม่อยากให้วันนั้นมาถึง เพราะเธอเคยบอกว่าหลังจากที่แก้แค้นสำเร็จ เธอก็จะออกไปจากเมืองนี้ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำยังไง

 

 

“ในเมื่อคุณเป็นห่วงเรื่องงาน ผมจะให้คนเอาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ในการออกแบบของคุณส่งมาที่วิลล่าหย่าเก๋อ คุณทำงานที่บ้านนะครับ” เขาทนเห็นเธอลำบากไม่ได้

 

 

“ได้ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงยินดีที่จะทำตามความต้องการของเขา เธอเป็นคนขี้หนาว การที่ไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทถือเป็นตัวเลือกที่ดี

 

 

“เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปไนท์คลับเฟิ่งหวงไถกับผม” กลัวว่าเธอจะปฏิเสธ หนานกงเยี่ยจึงรีบพูดเสริม “เวินอี๋ก็อยู่ด้วย”

 

 

นับตั้งแต่เขาแอบสืบเรื่องของเธอ เขาก็รู้ว่าเธอให้กับความสำคัญกับเวินอี๋มากแค่ไหน เธอรักเวินอี๋เหมือนเป็นญาติแท้ๆ ของตนเอง คือวันนั้นเธอยอมเปิดเผยตัวตนของตนเองเพื่อช่วยชีวิตเวินอี๋ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเวินอี๋สำคัญมากแค่ไหน

 

 

เหลิ่งรั่วปิงอยากจะปฏิเสธ แต่พอได้ยินว่าเวินอี๋อยู่ที่นั่นด้วยเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอไม่ได้เจอเวินอี๋มานานครึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวินอี๋กับมู่เฉิงซีเป็นยังไงบ้าง

 

 

เมื่อเห็นเธอไม่ปฏิเสธ หนานกงเยี่ยจับมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ แล้วลากตัวเธอขึ้นมาจากเตียง จากนั้นอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ เขาอาบน้ำและเป่าผมให้เธอ พร้อมกับวิ่งไปเอาเสื้อผ้าให้เธอในห้องแต่งตัว ตอนนี้เขาเหมือนผู้ปกครองที่ต้องคอยดูแลเด็ก

 

 

ชุดเดรสเปิดไหล่สีเหลืองอ่อน เข้าชุดกับเข็มขัดสีเงิน ถุงน่องกันหนาวสีเนื้อ รองเท้าส้นสูงสีขาว ทับด้วยเสื้อกันหนาวสีดำ ผมยาวสลวยของเธอมัดหางม้า ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงดูมีสง่า สูงส่ง งดงาม เธอเหมือนนางแบบในภาพวาด

 

 

มองดูเหลิ่งรั่วปิงแต่งตัว หนานกงเยี่ยคลายยิ้มด้วยความพอใจ “ไม่เลว”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเบ๊ะปาก “ฉันไม่ชอบใส่เดรส” เธอคือนางฟ้ารัติกาล เป็นผู้หญิงที่ต้องทำภารกิจหลังพระอาทิตย์ตกดิน น้อยครั้งที่เธอจะใส่ชุดเดรสแบบนี้ จนทำให้เธอไม่ค่อยชอบชุดเดรสเท่าไหร่

 

 

“เป็นเด็กดีนะ คุณใส่ชุดเดรสแบบนี้ดูสวยมาก” หนานกงเยี่ยยิ้ม แล้วจับมือเธอเดินออกไปนอกห้อง

 

 

พ่อบ้านและคนรับใช้รออยู่ชั้นล่าง เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินลงมา ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างเป็นประกาย พวกเขาไม่เคยเห็นเหลิ่งรั่วปิงใส่ชุดเดรสมาก่อน พอได้เห็นเธอใส่เดรสแบบนี้ พวกเขารู้สึกเหมือนมีนางฟ้าเดินผ่านหน้าไป

 

 

“คืนนี้คุณเหลิ่งสวยมากเลยครับ” พ่อบ้านชมจากใจจริง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า ถือเป็นการตอบกลับอย่างมีมารยาท แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกประหม่า เธอเคยชินกับการก้าวเท้ายาวๆ แต่เดรสตัวนี้ ยาวจนถึงข้อเท้า อีกทั้งยังรัดรูป เธอจึงทำได้เพียงเดินก้าวเล็กๆ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอึดอัดจริงๆ

 

 

ในทางกลับกันหนานกงเยี่ยกลับได้ใจมาก เขามองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยความพอใจ แล้วพูดกับพ่อบ้าน “คืนนี้พวกผมจะออกไปด้านนอก ไม่ต้องเตรียมอาหาร”

 

 

“ครับ คุณชายเยี่ย” พ่อบ้านโค้งตัวลงส่งหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง หลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไปจากวิลล่า ทุกคนจึงกลับเข้าไปในวิลล่า แล้วทำงานของตนเอง

 

 

พวกสาวใช้ต่างก็ดีใจมาก วิ่งมาหาพ่อบ้านแล้วถามนั่นถามนี่

 

 

“หัวหน้าพ่อบ้านคะ คุณชายเยี่ยดูรักคุณเหลิ่งมากเลยนะคะ”

 

 

“ใช่ๆ ตั้งแต่คุณเหลิ่งกลับมา คุณชายเยี่ยยิ้มทั้งวัน ไม่เคยโมโหอีกเลย”

 

 

“ความเป็นจริงฉันรู้สึกว่าคุณชายเยี่ยกับคุณเหลิ่งเหมาะสมกันมาก สวยหล่อทั้งคู่”

 

 

“จริงด้วยๆ ฉันก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกัน”

 

 

“หัวหน้าพ่อบ้านคะ คุณชายเยี่ยจะแต่งงานกับคุณเหลิ่งไหมคะ”

 

 

ตอนแรกพ่อบ้านยังยิ้มแก้มปริ ทว่าเมื่อได้ยินคำถามนี้ก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที เธอพูดเสียงเหี้ยม “ลืมไปแล้วหรอว่าตนเองเป็นใคร เรื่องของคุณชายเยี่ยไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอจะเอามาพูดสนุกปากได้ ไปทำงานของตนเองไป!”

 

 

สาวใช้ทุกคนปิดปากเงียบทันที พวกเธอแยกย้ายกันไปทำงานอย่างรวดเร็ว

 

 

หัวหน้าพ่อบ้านยืนถอนหายใจในห้องรับแขก เขาเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลหนาน เมื่อห้าปีก่อนหนานกงเยี่ยซื้อวิลล่าหลังนี้เอาไว้ จากนั้นก็ย้ายเขามาทำงานที่นี่ เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลหนาน

 

 

นายท่านหนานได้เลือกคุณอวี้หลานซีเป็นสะใภ้ในอนาคตของตนเพียงคนเดียว ไม่ว่าหนานกงเยี่ยจะมีผู้หญิงคนไหนข้างนอก ผู้หญิงพวกนั้นเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น และต่อให้ท้องกับหนานกงเยี่ยขึ้นมาจริงๆ เด็กพวกนั้นก็เป็นได้แค่ลูกนอกสมรส ไม่มีสิทธิ์เป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลหนาน

 

 

แม้ว่าคุณเหลิ่งจะมีความสามารถ อีกทั้งยังได้รับความรักจากหนานกงเยี่ย ทว่าเธอไม่มีวันได้เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนาน ตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลหนานเป็นของอวี้หลานซีคนเดียว นี่เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ

 

 

การรวมตัวกันในคืนนี้ที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถไม่เหมือนทุกครั้ง ไม่ใช่การรวมตัวเหมือนที่ผ่านมา ทั้งยังไม่ได้อยู่ในห้องวีไอพีห้องเดิม วันนี้พวกเขารวมตัวกันในห้องที่กว้างและสว่างมากกว่าเดิม ด้านในมีอาหารบริการมากมาย ทั้งยังมีเครื่องดื่มหลากหลาย

 

 

ตอนที่ไปถึงหน้าไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ หนานกวเยี่ยกระซิบบอกกับเธอ “วันนี้เป็นวันเกิดของอวี้ไป่หัน”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจทุกอย่างทันที ถึงว่าทำไมวันนี้หนานกงเยี่ยให้เธอสวมชุดราตรี ที่แท้งานวันนี้ถือเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ตามหลักการแล้ว เธอควรจะเตรียมของขวัญมาให้พร้อม แต่เธอไม่ได้เป็นคนของหนานกงเยี่ย เธอเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของเขาเท่านั้น ดังนั้นอย่าคิดมากเลยดีกว่า

 

 

หนานกวเยี่ยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ กลัวว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดที่ไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้ เขาจึงคลายยิ้มแล้วพูดขึ้น “ผมเตรียมของขวัญให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม เธอเงียบและไม่ได้พูดอะไร

 

 

เมื่อเดินเข้าไปในห้อง เหลิ่งรั่วปิงก็เห็นเวินอี๋ทันที เธอดูมีน้ำมีนวลขึ้น แห้มของเธอมีเลือดฟาด เธอคล้องแขนมู่เฉิงซีเอาไว้และยิ้มสดใส ดูท่าแล้วช่วงนี้ความรักของเธอกำลังไปได้ด้วยดี เหลิ่งรั่วปิงสบายใจขึ้นมาก

 

 

“พี่รั่วปิง!” เวินอี๋ดีใจมาก เธอลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปหาเหลิ่งรั่วปิง ทว่ากลับถูกมู่เฉิงซีรั้งเอาไว้ เวินอี๋ไม่สามารถเดินมาหาเธอได้ เธอมองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยความกระอักกระอ่วน แล้วหันไปมองค้อนมู่เฉิงซี ไม่คิดที่จะลุกขึ้นอีก

 

 

เหลิ่งรั่วปิงส่งยิ้มให้เวินอี๋พร้อมกับพยักหน้า ไม่ได้มีสีหน้าอะไรมากมาย

 

 

ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดของอวี้ไป่หัน แต่เขาจัดงานขึ้นแบบนี้ทุกปี ทุกคนจึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไร มู่เฉิงซีโอบเวินอี๋เอาไว้ ทางด้านถังเฮ่าก็ยังคงเหมือนเดิม เขาเอาแต่สนใจยาของตนเอง ส่วนอวี้ไป่หันนั้นดีใจมาก รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยผู้หญิง แน่นอนว่าผู้หญิงพวกนั้นล้วนเป็นผู้หญิงหน้าใหม่ที่เขาไม่เคยพามาก่อน เขาเปลี่ยนผู้หญิงเร็วกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอีก

 

 

หนานกงเยี่ยถอดเสื้อกันหนาวให้เหลิ่วรั่วปิง พาเธอมานั่งข้างๆ ตนเอง แล้วเริ่มตักอาหารให้เธอ “คุณหิวไหม กินเยอะๆ สิ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหิวแล้ว คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเธอล้วนรู้จัก ดังนั้นจึงไม่ได้รักษาภาพลักษณ์เท่าไหร่ เธอหยิบส้อมขึ้นมาแล้วตักอาหารกิน

 

 

“ชิๆๆ…” อวี้ไป่หันทำหน้ากวนประสาท “การกลับมาคบกันในครั้งนี้ดูน่าสนุกดีหนิ”

 

 

“ฮ่าๆๆ…” ถังเฮ่าโยนแก้วทดลองในมือทิ้ง เขาหัวเราะเสียงดัง “จริงด้วย แต่เอ๊ะฉันจำได้หนานกงเยี่ยเคยบอกว่าลูกผู้ชายไม่กลับไปกินของเก่า ผู้ชายที่ดีไม่กลับไปหาผู้หญิงเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เขาทำทุกอย่างเลย ทั้งยังหลงมากกว่าเดิมอีก ฮ่าๆ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงทำเหมือนกำลังพูดเรื่องของคนอื่น เธอกินอาหารตรงหน้าต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน

 

 

ทว่าหนานกงเยี่ยทั้งเครียดทั้งโมโห เขาทำสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นโยนกุญแจรถกระแทกหน้าอวี้ไป่หัน “ของขวัญวันเกิด!”

 

 

อวี่ไป่หันกัดฟันร้องซี๊ด “ยิ่งอยู่ยิ่งโมโหง่าย ล้อเล่นนิดหน่อยทำเป็นโมโหไปได้”

 

 

หนานกงเยี่ยมองตาบน จากนั้นหันไปส่งสายตาอำมหิตให้กับถังเฮ่า

 

 

ถังเฮ่าเลิกคิ้วขึ้น เขานึกว่าหนานกงเยี่ยแค่วางท่าไปเท่านั้น แต่ทว่าเสียงปั้งดังขึ้น ขวดแก้วทดลองที่เขาทำการวิจัยมาตลอดทั้งบ่ายแตกเป็นเสี่ยงๆ อาวุธที่ทำร้ายมันก็คือส้อม

 

 

เขาหันไปมองหนานกงเยี่ย เขาหยิบกระดาษทิชชู่มาซับปาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสะใจ

 

 

ถังเฮ่ารู้สึกว่าหนานกงเยี่ยยิ่งอยู่ก็ยิ่งใจแคบ

 

 

หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง อวี้ไป่หันมองไปทางหนานกงเยี่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “หนานกง หลานซีโทรมาบอกว่าเดี๋ยวเธอจะมางานวันเกิดฉัน”