ตอนที่ 93 เทคนิคในการเลิกรา / ตอนที่ 94 คนรักคนแรกของเขา

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 93 เทคนิคในการเลิกรา 

 

 

หลินเยียนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะสรุปความเป็นไปได้ออกมาได้เพียงข้อเดียว เผยอวี้เฉิงเป็นชายที่มีสถานะแตกต่างจากคนอื่นและยังรวยล้นฟ้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเขาจะเปลี่ยนแฟนไปเรียบร้อยแล้ว 

 

 

เขาอาจคิดว่าหลินเยียนดูน่าสนใจจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็วในเวลานั้น แต่เขาก็ลืมเธอไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน 

 

 

ผู้ชายระดับเผยอวี้เฉิงจะจดจำผู้หญิงบ้านๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นแบบเธอได้ยังไง 

 

 

เธอก็แค่หนึ่งในผู้ที่ชื่นชมเผยอวี้เฉิงซึ่งอาจมีจำนวนเป็นล้านๆ คน 

 

 

หลินเยียนก็รู้สึกว่าเรื่องราวดูสมเหตุสมผลดีหลังจากที่พยายามเค้นสมองคิด เธอจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก 

 

 

อันที่จริง เธอก็เดาไว้แล้วว่าเรื่องจะจบแบบนี้ 

 

 

และสิ่งที่ทำให้หลินเยียนสบายใจที่สุดคือ เมื่อตอนที่เธออยู่ที่บ้านนั้น ‘อีกตัวตนหนึ่ง’ ไม่เคยโผล่ออกมาเลย 

 

 

ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี.. 

 

 

หลินเยียนคิดว่าเธอควรเริ่มวางแผนขอเลิกราได้แล้ว… 

 

 

แต่… 

 

 

จะเริ่มยังไงล่ะ? 

 

 

สงสัยเธอจะต้องใช้เทคนิคการแสดงขั้นสูงเลยทีเดียว! 

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายคือเผยอวี้เฉิง เธอจะหาเหตุผลอะไรมาเป็นข้ออ้างดี 

 

 

หลินเยียนเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มพิมพ์เพื่อค้นหา ‘วิธีเลิกกับแฟนอย่างชาญฉลาด’ 

 

 

เธอพบคำตอบมากมายบนโลกออนไลน์ 

 

 

มีคนแนะนำว่า [จงโมโหร้ายเข้าไว้! พยายามหาเรื่องโมโหทุกวัน ถ้าเขาทนไม่ได้เขาก็จะเลิกกับคุณเอง!] 

 

 

วิธีนี้ไม่น่าจะได้ผล…ใครจะกล้าหงุดหงิดใส่ผู้ชายอย่างเผยอวี้เฉิงกันล่ะ แค่มองตาเขา ความโกรธของเธอก็คงสลายเป็นธาตุอากาศเรียบร้อยแล้ว… 

 

 

มีอีกคนแนะนำว่า [จ้างผู้หญิงมาอ่อยแล้วค่อยหาเรื่องทะเลาะว่าเขานอกใจสิ! ได้เลิกกันง่ายๆ แน่นอน!] 

 

 

อันนี้ก็ไม่เข้าท่า เธอไม่อยากใช้เงินจ้างใครหรอกนะ! 

 

 

ส่วนอีกคนบอกว่า [ง่ายจะตาย! ไม่ต้องส่งข้อความ ไม่ต้องโทรหา หรือไม่ก็อ้างว่าเราเข้ากันไม่ได้เพราะนิสัยส่วนตัวหรือเรื่องผลประโยชน์อื่นๆ! ใช้เหตุผลประมาณนี้ก็พอแล้ว!] 

 

 

อันนี้…ดูดี! 

 

 

หลินเยียนบรรลุบางอย่างเมื่อไล่อ่านคำแนะนำทั้งหมด 

 

 

มีวิธีเยอะขนาดนี้เลยหรือเนี่ย? 

 

 

หลินเยียนกำลังจะฝึกซ้อมบอกเลิก แต่จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น 

 

 

หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมารับสาย และในจังหวะที่เธอแตะบนหน้าจอนั้นเอง เสียงโวยวายที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวของเผยอวี่ถังก็ดังสนั่น “พี่สะใภ้ใหญ่! ช่วยผมด้วย!” 

 

 

หลินเยียนตกใจมาก “นายน้อยลำดับที่สาม? เกิดอะไรขึ้น?” 

 

 

“ผม…ผมซวยแล้ว…รอบนี้ซวยจริงๆ นะ…พี่สะใภ้ใหญ่…นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครช่วยผมได้อีกแล้ว…” เผยอวี่ถังพูดตะกุกตะกักราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นจริงๆ 

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พูดช้าๆ ชัดๆ หน่อยสิ” 

 

 

หลินเยียนมองว่าเผยอวี่ถังเป็นคนกล้าหาญและบ้าบิ่น เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้ขนาดนี้ 

 

 

เผยอวี่ถังกล่าวต่ออย่างกังวลใจ “ผมประจันหน้ากับซ่งเย่าหนาน พอดีว่าดื่มหนักไปหน่อยเลยมีเรื่องกันใหญ่โตจนไปจบที่สถานีตำรวจ ผมโทรหาพี่รองแล้วเขาก็มาประกันตัวผมออกไป…” 

 

 

หลินเยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก “งั้นตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” 

 

 

ตอนแรกเธอคิดว่าเขากำลังจะตายหรืออะไรทำนองนั้น เธอจึงรู้สึกกลัวมากจริงๆ 

 

 

แม้ว่าเผยอวี่ถังจะเป็นเด็กหนุ่มซื่อๆ ที่ไม่คิดอะไรซับซ้อนแต่ก็เป็นคนอารมณ์ร้อนพอตัว เธอจึงไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่น 

 

 

เผยอวี่ถังโหยหวนผ่านโทรศัพท์ “ตอนแรกก็ไม่เป็นไร! แต่ปัญหาคือพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้ด้วย ผมตายแน่! 

 

 

พี่ใหญ่ยอมให้ผมเป็นนักแข่งรถแต่ยื่นเงื่อนไขให้ผมสองข้อ ข้อแรกคือ ห้ามผมก่อเรื่องอะไรอีก และข้อที่สองคือห้ามขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัว แต่ตอนนี้ผมต้องแหกกฎแล้ว! 

 

 

เพราะคืนนี้ผมจะถูกส่งไปโรงเรียนประจำในประเทศ Y! ผมจะถูกจับตามองตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะเป็นเวลากินหรือเวลานอน! ถ้าผมไม่ยอมทำตามคำสั่ง พี่ใหญ่จะบังคับให้ผมอยู่ที่โรงเรียนนั้นตลอดไป! โคตรน่ากลัวอะ! แค่ก้าวเท้าเข้าไปผมก็หมดสิ้นอิสรภาพแล้ว!” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 94 คนรักคนแรกของเขา 

 

 

หลินเยียนตกใจ “น่ากลัวขนาดนั้นเชียว?” 

 

 

“น่ากลัวสิ! ผมเคยใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นสิบปี ผมไม่อยากกลับไปอยู่ในคุกแบบนั้นแล้วพี่! ขอตายซะยังดีกว่าให้กลับไป!” เผยอวี่ถังส่งเสียงหวาดกลัว เขาคงมีความหลังที่แสนเจ็บปวดจริงๆ 

 

 

เผยอวี่ถังสะอึกสะอื้นขณะพูดต่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ผมรู้สึกผิดแล้วจริงๆ นะ ผมเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมถึงทำผิด ผมยอมรับว่าผมชะล่าใจเกินไปด้วย เพราะหมู่นี้พี่ใหญ่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ผมเลยปล่อยตัวปล่อยใจจนก่อเรื่องขึ้นมา…” 

 

 

หลินเยียนเกาศีรษะและครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ก่อนให้คำแนะนำ “นายน้อยลำดับที่สาม เธอควรไปคุยกับพี่ใหญ่ให้รู้เรื่องก่อน คุณเผยเขาเป็นคนใจดีและมีเหตุผลนะ” 

 

 

เผยอวี่ถังไม่เชื่อหูตัวเอง “พี่สะใภ้เล่นมุกหรือเปล่า? พี่ชายผมเนี่ยนะใจดี? นี่พี่เข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ 

 

 

เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอนเมื่อตัดสินใจหรือสัญญาอะไรไปแล้ว! ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้! ถ้าผมกลับไปที่โรงเรียนตอนนี้ผมก็ต้องทำตามกฎที่พี่ใหญ่ตั้งขึ้นมาเพื่อผมโดยเฉพาะ ลองแหกกฎสักข้อสิ เขาไม่ให้โอกาสผมเป็นครั้งที่สองแน่!” 

 

 

“จริงเหรอ” หลินเยียนฟังที่เผยอวี่ถังพูดแล้วรู้สึกงงงวย 

 

 

แม้ว่าเธอจะได้พบเผยอวี้เฉิงเพียงครั้งคราวเท่านั้น แต่เธอรู้สึกจริงๆ ว่าเขาเป็นคนใจดี ไม่ใช่คนเผด็จการหรือใช้อำนาจอย่างที่เผยอวี่ถังว่าเลยสักนิด 

 

 

ไม่อย่างนั้นเขาจะยกโทษให้เธอแม้ว่าเธอจะลูบคมเขาหลายต่อหลายหนได้ยังไง เขาไม่ตำหนิติเตียนอะไรเธอ ทั้งยังยอมรับ ‘การแสร้งว่ารัก’ ของเธออีกต่างหาก… 

 

 

“พี่สะใภ้ต้องช่วยผมนะ! รีบมาด่วนเลย! พี่เป็นความหวังเดียวของผมเลยนะ! ตอนนี้ผมอยู่ที่คฤหาสน์ของพี่ใหญ่ ถ้าพี่มาถึงแล้วเดี๋ยวจะมีคนไปรับ นี่ผมแอบโทรหาพี่นะ อีกเดี๋ยวผู้ช่วยของพี่ใหญ่ก็คงมายึดโทรศัพท์ผมแล้ว!” เผยอวี่ถังวิงวอนเธอด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร 

 

 

หลินเยียนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ “คือ…เธอบอกว่าพี่ใหญ่เป็นคนใจร้ายและไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้ ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน! อีกอย่าง ฉันว่าเธอกำลังเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่ใหญ่ของเธอกับฉันอยู่นะ เราพบหน้ากันแค่สามครั้ง ฉันคิดว่าพี่เธอคงแค่เล่นๆ กับฉันเท่านั้นแหละ เขาไม่ติดต่อมาตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว…” 

 

 

อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในครอบครัว คนนอกอย่างเธอคงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ 

 

 

เผยอวี่ถังอุทานอย่างประหลาดใจ “พี่ใหญ่คิดเล่นๆ กับพี่เยียน? ไม่มีทางอะ! พี่เป็นคนรักคนแรกของพี่ใหญ่นะ! เขาจะทำเล่นๆ กับรักแรกได้ไง” 

 

 

“แค่ก แค่ก แค่ก…” หลินเยียนตกใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘รักแรก’ 

 

 

เธอ…เป็นรักแรกของเผยอวี้เฉิง? 

 

 

พูดเป็นเล่น! 

 

 

เธอไม่มีทางเป็นรักแรกของเขาได้แน่ๆ ในเมื่อเธอไม่มีคุณสมบัติอะไรสักอย่าง 

 

 

หรือว่าจะเป็นเพราะฝีมือการประจบประแจงของเธอนะ? 

 

 

จู่ๆ เผยอวี่ถังก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับมีใครอยู่ข้างๆ “พี่สะใภ้ ขอร้องแหละ ช่วยผมด้วย! ถึงพี่จะไม่เชื่อเรื่องรักแรกนั่นก็ไม่เป็นไร แต่พี่ต้องเชื่อในสายสัมพันธ์ระหว่างพี่กับผมสิ! ก็ผมเป็นเหมือนลูกชายพี่ไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

หลินเยียนอึ้ง… 

 

 

พ่อลูกบ้าบออะไรกันยะ… 

 

 

เผยอวี่ถังกำลังจะพูดต่อแต่เขากลับวางสายทันทีเพราะกลัวว่าจะมีคนได้ยินเข้า 

 

 

และในอีกอึดใจต่อมา หลินเยียนได้รับข้อความแจ้งเตือนจากแอปฯ วีแชทเป็นจำนวนมาก 

 

 

‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [พ่อครับ!] 

 

 

‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [พ่อคร้าบ!] 

 

 

‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [ช่วย!] 

 

 

‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [ด้วย!] 

 

 

หลินเยียนพูดอะไรไม่ออก… 

 

 

คนที่เจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่คิดช่วยก็คงจะมีแต่คนไร้หัวใจเท่านั้น 

 

 

แม้หลินเยียนจะไม่เต็มใจเท่าไร แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะช่วยเผยอวี่ถัง 

 

 

และถึงแม้ว่าเธอจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยเธอก็ควรจะไปดูให้เข้าใจสถานการณ์สักหน่อย