ตอนที่ 95 ไม่มีใครช่วยได้อีกแล้ว / ตอนที่ 96 สายัณห์สวัสดิ์ คุณหลิน

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 95 ไม่มีใครช่วยได้อีกแล้ว 

 

 

ณ คฤหาสน์เมฆ… 

 

 

ในห้องนั่งเล่น บอดี้การ์ดหลายคนยืนตัวตรงอย่างเคร่งขรึมอยู่ที่ทางเข้า ส่วนผู้ช่วยในชุดสูทสีดำกำลังตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระของเผยอวี่ถังอยู่ 

 

 

ท้องฟ้าที่มองเห็นได้จากหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสเป็นสีดำทะมึนและเต็มไปด้วยเมฆหนา เผยอวี้เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมในชุดนอนตัวโคร่งที่ดูสบาย เขาคีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้วมือด้วยท่าทางผ่อนคลาย 

 

 

เผยอวี่ถังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ขาของพี่ชายพลางร้องไห้เสียงดัง “พี่ใหญ่ ผมขอร้อง ให้อภัยผมสักครั้งเถอะครับ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก…” 

 

 

“ท่านประธานเผย กระเป๋าสัมภาระของนายน้อยลำดับที่สามเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางไปประเทศวายแล้วครับ ผมจัดแจงเรื่องโรงเรียนเอกชนตามที่ท่านเลือกด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้วด้วยครับ เป็นโรงเรียนประจำที่มีรั้วรอบขอบชิดและมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี ผมจะจัดการเรื่องสมัครเรียนพรุ่งนี้เช้าครับ” ผู้ช่วยยืนตัวตรงข้างๆ เผยอวี้เฉิงขณะที่รายงานอย่างสุภาพ 

 

 

เผยอวี่ถังจ้องมองผู้ช่วยอย่างเดือดดาลราวกับจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ “ให้ตายเหอะ! ฉันไม่ไปโว้ย! ฉันยอมตายดีกว่าต้องไปโรงเรียนเฮงซวยแบบนั้น!” 

 

 

เด็กหนุ่มตะเกียกตะกายหาพี่ชายคนรองหลังจากที่ส่งเสียงคัดค้าน “พี่รอง! พี่รองต้องช่วยผมนะ! พูดอะไรสักอย่างสิ! ช่วยผมเปลี่ยนใจพี่ใหญ่หน่อย!” 

 

 

เผยหนานซวี่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนมองน้องชายอย่างหมดหนทาง “อวี่ถัง นายยังไม่รู้จักพี่ใหญ่ดีพออีกเหรอ ฉันช่วยพูดให้นายเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ถ้าฉันยังดื้อขอร้องให้ช่วยนายต่อ ฉันนี่แหละจะเป็นคนซวย” 

 

 

เผยอวี่ถังรีบถาม “แล้วพ่อล่ะ? พี่ถามพ่อหรือยัง” 

 

 

เผยหนานซวี่ส่ายหัว “พ่อบอกว่าแล้วแต่พี่ใหญ่” 

 

 

เผยอวี่ถังตกตะลึงพรึงเพริด “โว้ย! นี่ตาแก่นั่นเป็นพ่อฉันจริงเหรอ ไม่คิดจะดูดำดูดีลูกชายตัวเองเพราะกลัวลูกคนโตเนี่ยนะ” 

 

 

เผยอวี่ถังรู้สึกจนปัญญาจึงจำต้องขอร้องเผยอวี้เฉิงอีกครั้ง “พี่ใหญ่ เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ ก็ไอ้ซ่งเย่าหนานนั่นมันกวนโอ๊ย! อีกอย่าง ผมเมามากเลยคุมอารมณ์ไม่อยู่ด้วย พี่ให้อภัยผมอีกสักครั้งเถอะครับ ผมทำตัวดีมาตลอดสองปีเลยนะครับ นะ พี่ใหญ่…”  

 

 

เผยอวี้เฉิงหายใจออกขณะพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ดวงตาของเขาไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง “เฉิงมั่ว นายพาเขาไปที่โรงเรียนซะ” 

 

 

ผู้ช่วยพยักหน้า “ครับ ท่านประธาน” 

 

 

เขาหันมาทางเผยอวี่ถัง “นายน้อยลำดับที่สาม เชิญครับ” 

 

 

เผยอวี่ถังนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น เขารู้สึกราวกับเลือดในกายเย็นเฉียบ และกำลังถูกโลกทั้งใบโถมทับใส่จนหนักอึ้ง 

 

 

เด็กหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องไม่เปลี่ยนใจ ไม่มีอะไรทำให้เขาเปลี่ยนใจได้แน่ๆ 

 

 

จบสิ้นแล้ว… 

 

 

ความพยายามตลอดสองปีที่ผ่านมาของเขาไร้ประโยชน์สิ้นดี 

 

 

เผยอวี่ถังกอดขาเผยหนานซวี่ไว้อย่างหมดหวัง “พี่รอง! พี่รองช่วยผมด้วย!” 

 

 

เผยหนานซวี่ไม่อาจทนเห็นภาพที่น่าสงสารของน้องชายได้ เขาจึงลองขอร้องพี่ชายอีกครั้ง “พี่ใหญ่ น้องทำตัวดีมาตลอดสองปีที่ผ่านมานะครับ เขาเป็นเด็กดีขึ้นมาก และผมเองก็สืบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วด้วย ถึงอวี่ถังจะลงไม้ลงมือก่อน แต่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายยั่วโมโหนะครับ น้องไม่ได้ตั้งใจก่อเรื่องแน่นอน” 

 

 

เผยอวี่ถังพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ในแววตาของเขามีความหวังเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

เผยอวี้เฉิงหันมองเผยหนานซวี่ด้วยรอยยิ้มที่อธิบายความนัยไม่ได้ “นี่นายตั้งใจจะยุ่งกับเรื่องนี้เหรอ” 

 

 

เผยหนานซวี่รู้สึกราวกับถูกบดขยี้โดยแรงกดดันมหาศาลในทันทีที่ได้สบตากับพี่ชาย เหงื่อกาฬผุดทั่วร่างขณะที่เขาพยายามตอบกลับว่า “ผมแค่พูดเรื่องจริงเท่านั้น แน่นอนว่าการตัดสินใจของพี่ใหญ่ถูกต้องเสมอครับ” 

 

 

อาจเป็นเพราะเผยอวี้เฉิงอารมณ์เย็นขึ้นมากในช่วงสองปีให้หลังมานี้ ผู้เป็นน้องรองจึงเผลอหลงลืมไปบ้างว่าพี่ชายของเขาทั้งบ้าอำนาจและทำอะไรตามใจตนขนาดไหน เขาไม่ควรตั้งคำถามกับการตัดสินใจของพี่อีกครั้งเลยด้วยซ้ำ 

 

 

เผยอวี่ถังคอตกเมื่อรู้ว่าไม่มีใครช่วยเขาได้อีกแล้ว… 

 

 

ทำไมพี่รองถึงเปลี่ยนฝั่งได้ง่ายดายขนาดนี้กันนะ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 96 สายัณห์สวัสดิ์ คุณหลิน 

 

 

เฉิงมั่วออกแรงผลักกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่สองใบก่อนหยุดยืนที่ข้างๆ เผยอวี่ถัง 

 

 

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมขยับเขยื้อน เขาจึงส่งสายตาให้เหล่าบอดี้การ์ด 

 

 

บอดี้การ์ดสองคนพยักหน้าและเดินตรงเข้ามา 

 

 

“นายน้อยลำดับที่สามครับ อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากนักเลย…” 

 

 

เผยอวี่ถังส่งเสียงคัดค้านและดิ้นไปมาอย่างอ่อนแรง “ไม่เอา! ไม่ไป! ไม่ไป๊!” 

 

 

“ขอโทษนะครับที่ต้องเสียมารยาท” บอดี้การ์ดสองนายสบตากัน ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างประกบขนาบข้างเด็กหนุ่ม 

 

 

เผยอวี่ถังไม่สามารถตอบโต้เหล่าชายฉกรรจ์ที่ฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพได้ และนอกจากนี้ เด็กหนุ่มไม่กล้าออกฤทธิ์มากเพราะพี่ใหญ่ของเขายืนอยู่ใกล้ๆ 

 

 

“โว้ย! ปล่อยฉัน! ปล่อย!” 

 

 

ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะถูกลากให้ไปขึ้นรถนั้นเอง เสียงใสๆ ของหญิงสาวก็ดังขึ้น 

 

 

“อืม…ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ…” 

 

 

หลินเยียนเพิ่งมาถึงไม่นาน เธอเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่เผยอวี่ถังถูกชายร่างใหญ่สองคนฉุดกระชากไปพร้อมๆ กับกระเป๋าสัมภาระ เสียงร้องโวยวายของเผยอวี่ถังทำให้เธอตกใจ 

 

 

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เผยอวี่ถังบอกในโทรศัพท์น่าจะเป็นเรื่องจริง… 

 

 

เผยอวี่ถังรู้สึกราวกับพ่อแท้ๆ มาปรากฏตรงหน้าเมื่อเห็นหลินเยียน เด็กหนุ่มผลักบอดี้การ์ดออกจากตัวเองแล้ววิ่งเข้าหาหญิงสาว “พ่อ! พ่อครับ! พ่อมาแล้ว!” 

 

 

เผยหนานซวี่งงงวย “พ่อ…” 

 

 

เผยอวี้เฉิงเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน 

 

 

บอดี้การ์ดทั้งสองและผู้ช่วยออกอาการตะลึงเมื่อได้ยินที่เผยอวี่ถังพูด 

 

 

 

 

 

หลินเยียนเหลือบมองแฟนหนุ่มและไอดอลของเธอก่อนจะจ้องมองเผยอวี่ถังพลางกัดฟัน “ระวังคำพูดหน่อยซี่…” 

 

 

จู่ๆ มาเรียกกันว่าพ่อแบบนี้ เผยอวี้เฉิงกับเผยหนานซวี่ก็ต้องเป็นลูกของเธอเหมือนกันน่ะสิ 

 

 

เผยอวี่ถังตีหน้าเศร้าหลังจากเผลอโพล่งออกไป “พี่สะใภ้! ผมไม่อยากไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างกับสนามฟุตบอลที่ประเทศวาย! ผมไม่อยากเข้าโรงเรียนของพวกไฮโซที่มีแต่เจ้าหญิงเจ้าชายไปเรียนกัน…ผมไม่อยากสืบทอดธุรกิจพันล้านของที่บ้าน…ช่วยด้วยครับ!” 

 

 

หลินเยียนฉุนกึกเมื่อได้ยินแบบนั้น… 

 

 

อะไรเนี่ย! ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนอยากต่อยหน้าเด็กคนนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น 

 

 

ด้านเผยอวี้เฉิงไม่ได้แสดงท่าทีแปลกไปและยังคงเฉยเมยแม้เพิ่งเห็นแฟนสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ 

 

 

แสงจันทร์ที่สาดส่องมาจากทางหน้าต่างตกกระทบลงบนใบหน้าครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มจนสว่างเรืองรอง ในขณะที่แสงไฟภายในห้องก็ส่องบนใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของเขา ดวงตาหลังเลนส์แว่นคู่นั้นดูห่างเหินและเย็นชาราวกับมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้งและลึกลับ 

 

 

หลินเยียนยังไม่ชินกับสถานะแฟนสาวของเผยอวี้เฉิง เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาพูดดี 

 

 

เพราะเธอโกหกว่าเธอตกหลุมรักเขาและชอบพอเขาจนทนไม่ไหวทั้งๆ ที่หลินเยียนและเผยอวี้เฉิงก็ต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันที่เพิ่งพบกันแค่สามครั้ง หนำซ้ำ เขายังเป็นชายที่สูงส่งจนเกินเอื้อมสำหรับมนุษย์เดินดินอย่างเธอ 

 

 

หลินเยียนกลอกตาใส่เผยอวี่ถังแล้วผลักเด็กหนุ่มออกไปข้างๆ ก่อนทักทายเผยอวี้เฉิงอย่างงกๆ เงิ่นๆ “อะแฮ่ม…คุณเผย…สวัสดีค่ะ…” 

 

 

เผยอวี้เฉิงเขี่ยบุหรี่ก่อนมองหน้าเธอด้วยสายตาห่างเหิน “สายัณห์สวัสดิ์ คุณหลิน” 

 

 

หลินเยียนเหลือบมองเผยอวี่ถังที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เห็นมั้ย! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้สนิทกับพี่ใหญ่ของนาย! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะคุยอะไรกับเขา แล้วนี่ยังจะขอฉันมาอ้อนวอนให้อีกเหรอ…” 

 

 

ท่าทีเย็นชาของเผยอวี้เฉิงทำให้หลินเยียนคิดสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนั้นอาจจะเป็นเพียงจินตนาการของเธอเท่านั้น 

 

 

เผยอวี่ถังเองก็เคยตกใจที่รู้ว่าเผยอวี้เฉิงกับหลินเยียนนั้นใกล้ชิดกันมาก แต่ทำไมวันนี้พวกเขากลับดูห่างเหินกันขนาดนี้