ตอนที่ 97 ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะบอก / ตอนที่ 98 ความดันต่ำ

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 97 ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะบอก

 

 

เผยอวี่ถังเกาะหลินเยียนแน่นราวกับเป็นคนจมน้ำที่กำลังจับเชือกช่วยชีวิต “ไม่รู้แหละ! พ่อต้องช่วยผมนะ! จะมายืนดูเขาส่งผมไปเมืองนอกเฉยๆ งี้ไม่ได้นะ ผมเนี่ยทั้งน่าสงสาร อ่อนแอ แล้วก็หมดหนทางแล้ว…พ่อเห็นใจผมใช่เปล่า?”

 

 

หลินเยียนขู่กลับ “เออ ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่ะ…”

 

 

อันที่จริง ถ้าเด็กหนุ่มเป็นนักแข่งรถไม่ได้ เขาก็ยังมีธุรกิจพันล้านของครอบครัวให้กลับไปบริหารอยู่ แหม! ทั้งน่าสงสาร อ่อนแอ และไร้หนทางจริงๆ!

 

 

ท่าทีที่เด็กหนุ่มโอ้อวดความร่ำรวยของเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้นแทงใจดำคนจนๆ อย่างหลินเยียนเข้าเต็มเปา

 

 

เผยอวี่ถังอุทานขึ้นมา “แต่…พ่อ…พ่อรับซองอั่งเปาแสดงความยินดีผมไปแล้วนี่!”

 

 

หลินเยียนรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ฉัน…”

 

 

เธอจะรับมาทำไมกันนะ

 

 

ซองอั่งเปาที่เผยอวี่ถังผู้ใจกว้างส่งมาให้ในแอปฯ นั้นมีมูลค่าซองละ 188 หยวนทีเดียว

 

 

ทำไมเธอถึงยั้งมือเอาไว้ไม่ได้กันนะ

 

 

หลินเยียนกะพริบตาก่อนถามด้วยน้ำเสียงที่ราวกับเธอกำลังใจสลาย “ยังไม่สายที่จะส่งซองแดงคืนใช่ไหม?”

 

 

หัวใจของเผยอวี่ถังเจ็บแปลบยิ่งกว่าเดิม “สายไปแล้วสิ! โทรศัพท์ผมโดนยึดไปแล้ว ถึงพี่จะคืนเงินมาทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์แล้วละ”

 

 

หลินเยียนพูดไม่ออก

 

 

ทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่ยั้งมือแสนละโมบคู่นี้ไว้นะ ทำไมเธอถึงรับซองพวกนั้นมา

 

 

เผยอวี้เฉิงจ้องมองทั้งคู่ที่ผลัดกันกระซิบกระซาบไปมา “คุณหลิน มาหาฉันเหรอ?”

 

 

เผยอวี่ถังรีบสะกิดหลินเยียน “เร็วเข้า! พี่ใหญ่คุยด้วยน่ะ!”

 

 

“เจ้าเด็กขี้โกงนี่!” หลินเยียนกัดฟันกรอดขณะที่มองเผยอวี่ถัง จากนั้น เธอหันไปเผชิญหน้ากับเผยอวี้เฉิงด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน “ฉัน…ฉันมาหาคุณค่ะ…ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะบอก…”

 

 

เอาเถอะ…

 

 

หลินเยียนแอบคิดว่าทำไมเธอต้องทำตัวเป็นคนใจกว้างขนาดนั้นด้วย

 

 

แต่เพื่อความรัก ความยุติธรรม และความฝันของเด็กหนุ่ม เธอจะสู้ให้ถึงที่สุด!

 

 

หลังจากที่วิเคราะห์สถานการณ์แล้ว หลินเยียนจึงตระหนักดีว่าถ้าไม่อยากติดร่างแหไปด้วย เธอก็ไม่ควรบอกเขาว่าเธอมาที่นี่เพื่อช่วยขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจเรื่องเผยอวี่ถัง

 

 

เพราะเธอไม่ได้ติดต่อเขามาตั้งสัปดาห์หนึ่งแล้ว และตอนนี้เธอกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเพราะจะขอร้องให้ช่วยคนอื่น ถ้าทำแบบนั้นคงจะดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อย

 

 

ตัวตนในบทแฟนสาวคงถูกขยี้ไม่เหลือซาก!

 

 

ดังนั้น ก่อนที่เธอจะขอให้เขาเปลี่ยนใจ เธอจึงต้องมั่นใจก่อนว่าบทแฟนสาวของเธอจะยังอยู่ดีมีสุข…

 

 

ใช่! บทแฟนสาว!

 

 

แฟนสาวที่รักเผยอวี้เฉิงจากก้นบึ้งของหัวใจและพยายามตามจีบเขาด้วยวิธีสุดโต่ง เธอเกือบจะเป็นพวกโรคจิตชอบแอบตามชาวบ้านไปแล้วถ้าไม่ได้ตกลงใจคบหากับเขา และนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ เธอควรจะแสดงท่าทียังไงให้ดูไม่เกินงามดีนะ

 

 

เผยอวี้เฉิงหันมามองเธอแล้วถามด้วยท่าทางสบายๆ “เหรอ?”

 

 

“ค่ะ…”

 

 

หัวใจของหลินเยียนเต้นตุบๆ เธอตัดสินใจว่าจะลองประยุกต์ใช้วิชาการแสดงที่ว่าด้วยการสร้างประวัติให้แต่ละตัวละครในสถานการณ์นี้ และเธอเลือกสวมบทเป็น ‘สาวผู้หมกมุ่น’

 

 

ในอึดใจต่อมา หลินเยียนรวบรวมความกล้าแล้วหลับตาปี๋ก่อนวิ่งเข้าใส่เผยอวี้เฉิงอย่างรวดเร็วราวรถไฟหัวกระสุน

 

 

จากนั้น…

 

 

เธอซบใบหน้าลงกับแผงอกของเผยอวี้เฉิงอย่างพอดิบพอดี

 

 

เธอถูกบังคับให้จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเผยอวี้เฉิงเมื่อก่อนหน้านี้ และเธอก็ต้องทำต่อไปเพื่อคงบทบาทแฟนสาวให้อยู่รอดปลอดภัย…

 

 

หลินเยียนรู้สึกแย่เหมือนเพิ่งทำผิดบาปครั้งใหญ่หลวง!

 

 

ก่อนที่เผยอวี้เฉิงจะทันรู้ตัว ร่างกายของหญิงสาวที่ส่งกลิ่นหอมละมุนของแชมพูสระผมก็พุ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว

 

 

แววตาที่เคยห่างเหินและดำสนิทราวบ่อน้ำลึกของชายหนุ่มพลันฉายแววประหลาดใจ เขาเซไปด้านหลังเล็กน้อยจากแรงกระแทกอย่างกะทันหันของหญิงสาว ชายหนุ่มยกมือขึ้นประคองเอวของเธอไว้ตามสัญชาตญาณ

 

 

หลินเยียนใช้วิชาการแสดงที่ร่ำเรียนในช่วงนี้เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นหญิงสาวที่อยู่ในภวังค์ของความรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และเธอเองก็เป็นฝ่ายรุกที่เริ่มกอดเขาก่อนด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องตีบทให้แตกด้วยซ้ำ…

 

 

“เรื่องสำคัญ…ก็คือ…ฉันคิดถึงคุณค่ะ…”

 

 

เสียงแผ่วเบาแสนหวานของหญิงสาวดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่ม…

 

 

 

 

ตอนที่ 98 ความดันต่ำ

 

 

เผยอวี่ถังตะลึง

 

 

เมื่อครู่นี้หลินเยียนเพิ่งบอกเขาอยู่หยกๆ ว่าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับพี่ใหญ่ไม่ใช่เหรอ?

 

 

นอกจากเผยอวี่ถังแล้ว บอดี้การ์ดสองนายเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

 

 

เมื่อบอดี้การ์ดเห็นหญิงสาวพุ่งเข้าใส่เจ้านาย ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือการรีบพุ่งเข้าไปเพื่อหมายจะดึงเธอออกห่างจากตัวชายหนุ่ม

 

 

แต่เมื่อเผยหนานซวี่ส่งสายตาแฝงความนัยให้กับเหล่าบอดี้การ์ดและยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุด พวกเขาจึงทำตามคำสั่งแต่โดยดี

 

 

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินเยียนใกล้ชิดกับเผยอวี้เฉิง แต่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายรุกด้วยความสนิทสนมในขณะที่มีสติครบถ้วนดี ก่อนหน้านี้ เธอทั้งล้มใส่เขาและกุมมือเขาไว้แน่นเมื่อตอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอทำเรื่องน่าอายอะไรไว้กับเผยอวี้เฉิงอีกบ้าง!

 

 

แล้วเธอยังต้องพูดคำหวานเลี่ยนชวนอ้วกพวกนี้อีกต่างหาก นี่เธอทิ้งศักดิ์ศรีไปแล้วจริงๆ!

 

 

หลินเยียนพยายามไม่สัมผัสร่างกายของเผยอวี้เฉิงมากนัก แต่ในเมื่อเขาสวมเพียงเสื้อไหมพรมถักบางๆ และเธอก็ไม่สามารถประคองสมดุลร่างกายได้อย่างเต็มที่ มืออีกข้างหนึ่งของเธอจึงจับอยู่ที่กล้ามท้องของเขา ซึ่งเธอสามารถสัมผัสถึงรูปร่างของกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าได้อย่างชัดเจน

 

 

ตายแล้ว! ใครก็ได้ช่วยด้วย!

 

 

หลินเยียนพยายามยืนตัวตรงอย่างรวดเร็วหลังจากเสแสร้งแสดงละคร แต่มือของเธอกลับลื่นเพราะความตื่นตระหนก เธอเซจนจวนจะล้มลง

 

 

ในเวลานั้นเอง มือทั้งสองข้างของเธอก็สัมผัสกับร่างกายของชายหนุ่มอย่างแนบแน่น

 

 

หลินเยียนรู้สึกผิดทันทีเมื่อเห็นว่าเสื้อของเผยอวี้เฉิงเป็นรอยยับเพราะแรงกดจากมือของเธอ

 

 

“ขอโทษค่ะ! ขอโทษ…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”

 

 

หลินเยียนพยายามท่องจำบางอย่างในหัวก่อนที่เธอจะพูดต่อด้วยเสียงอ่อนหวานปนมารยา “คิ้วของคุณไม่ใช่คิ้ว หากแต่เป็นจันทร์เสี้ยวที่สะท้อนบนผืนน้ำ ดวงตาของคุณก็ไม่ใช่ดวงตา เพราะภายในนั้นช่างสว่างราวกับดวงดาวและงดงามราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ ปากของคุณก็ไม่ใช่แค่ปาก แต่เป็นกลีบของดอกกุหลาบดอกสุดท้ายในโลกใบนี้ ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้แกล้งล้มใส่คุณนะคะ แต่ว่าตอนนี้ฉันหน้ามืดเพราะความดันต่ำน่ะค่ะ ก็ฉันไม่ได้เจอคุณตั้งนานแน่ะ…”

 

 

เผยอวี่ถังอึ้ง…

 

 

เผยหนานซวี่ก็อึ้ง…

 

 

และเหล่าบอดี้การ์ดก็อึ้งไปตามๆ กัน…

 

 

เหล่าชายหนุ่มอ้าปากค้างมองหลินเยียนด้วยความประหลาดใจหลังจากได้ฟังที่เธอพูดฉอดๆ โดยไม่พักหายใจ พวกเขาอดขนลุกขนพองกับเธอไม่ได้

 

 

ดูเหมือนว่าเผยอวี้เฉิงเองก็จะชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกัน เขากะพริบตาแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยปากพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำราวเชลโล “ความดันต่ำเหรอ?”

 

 

หลินเยียนกระแอม “อะแฮ่ม…ใช่…ใช่ค่ะ”

 

 

โอ๊ย! นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!

 

 

เธอต้องสละทุกอย่างเพื่อความรักและความยุติธรรมหรือไง!

 

 

ดวงตาเฉยชาของเผยอวี้เฉิงฉายแววคล้ายระลอกคลื่นในขณะที่เขาเงียบสนิท เขาถอนมือที่จับอยู่บนเอวของหญิงสาวเพื่อกันไม่ให้เธอล้มก่อนหน้านี้ออกอย่างนุ่มนวล และในอึดใจต่อมา เขาก็ถอดแว่นสายตาออก

 

 

หลินเยียนตะลึงงัน

 

 

ราวกับสายลมหนาวจากภูเขาพัดพาเอาหมอกออกไปจากดวงตาของชายหนุ่มเมื่อไร้กรอบแว่นตาบดบัง หลินเยียนพบว่าเบื้องหน้าของเธอคือดวงตาคู่หนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจของชายที่สามารถทำให้หัวใจของใครต่อใครสั่นไหวได้อย่างไม่ยากเย็น

 

 

หัวใจของหลินเยียนเองก็เริ่มเต้นระรัวในทันที

 

 

เผยอวี้เฉิงที่ถอดแว่นออกอย่างกะทันหันดูเย้ายวนและมีเสน่ห์ชวนหลงใหลอย่างมาก

 

 

เขาอาจทำให้ใครก็ตามก่ออาชญากรรมได้เลยทีเดียว!

 

 

ในขณะที่หัวใจของหลินเยียนระส่ำไม่เป็นสาย ชายหนุ่มก็ประคองที่ด้านหลังศีรษะของเธออย่างเบามือ

 

 

และในวินาทีต่อมา จูบที่แผ่วเบาราวกับปุยดอกแดนดิไลออนซึ่งปลิวไสวไปบนอากาศและนุ่มนวลราวกับสายลมที่พัดผ่านจนผิวน้ำกระเพื่อมเบาๆ ก็ประทับลงบนปากของเธอ

 

 

หลินเยียนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของชายหนุ่มเมื่อเขาถามว่า

 

 

“ทีนี้ยังความดันต่ำอยู่ไหม?”

 

 

หลินเยียนพูดไม่ออก

 

 

เธอเป็นใคร เธออยู่ที่ไหน แล้วเธอทำอะไรอยู่นะ?