ตอนที่ 99 ฉันไม่ต้องการฟังเหตุผล / ตอนที่ 100 เธอจะยุ่งก็ได้

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 99 ฉันไม่ต้องการฟังเหตุผล

 

 

ด้านที่อ่อนโยนอย่างคาดไม่ถึงของเจ้านายทำให้เหล่าบอดี้การ์ดตะลึงเหมือนถูกฟ้าผ่า เผยอวี่ถังที่เพิ่งยื้อแย่งกระเป๋าสัมภาระจากผู้ช่วยมาได้เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขาทำกระเป๋าหลุดมือจนตกลงบนเท้าของตัวเอง เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มดังลั่นไม่แพ้เสียงกระเป๋าตกดังโครม

 

 

หลินเยียนตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเผยอวี่ถังครวญคราง เธอส่ายหัวไปมาอย่างรวดเร็วแล้วยืนตัวตรง “ไม่ค่ะ ไม่ ไม่ ไม่เป็นไรแล้ว!”

 

 

กลายเป็นว่าตอนนี้ความดันของเธอน่าจะพุ่งจนทะลุปรอทแทน!

 

 

นี่เธอเป็นรักแรกของเขาจริงๆ เหรอ?

 

 

ทำไมเขาถึงดูช่ำชองขนาดนี้ถ้าเธอเป็นแฟนคนแรกของเขาจริงๆ

 

 

แล้วใครจะต้านทานผู้ชายคนนี้ไหวกันล่ะ

 

 

ว่ากันตามตรง จูบของเผยอวี้เฉิงแผ่วเบาจนเธอแทบไม่รู้สึกอะไร และเขายังถอนริมฝีปากออกแทบจะในทันทีราวกับต้องใช้กำลังยับยั้งชั่งใจอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น จูบของเขาก็ยังสามารถทำให้หัวใจของหลินเยียนเต้นเร็วยิ่งกว่าตอนที่เธอดริฟต์ในโค้งสุดท้ายของการแข่งขันเสียอีก

 

 

บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ได้สติแล้วถามกับเผยอวี่ถังอย่างลืมตัว “นายน้อยลำดับที่สามครับ…ผู้หญิง…ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน”

 

 

เผยอวี่ถังประกาศอย่างภาคภูมิใจ “พ่อฉันเอง!”

 

 

บอดี้การ์ดงุนงงอย่างแรง

 

 

เผยอวี่ถังตอบอีกครั้ง “แฟนของพี่ใหญ่ไง! พี่สะใภ้ในอนาคตของฉันล่ะ!”

 

 

บอดี้การ์ดทั้งสองคนสบตากันและกันด้วยสีหน้างงงวย พวกเขาอยู่กับเจ้านายมานานหลายปี เคยเห็นสาวๆ มากหน้าหลายตาพยายามให้ท่าเขามาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยเห็นเจ้านายแสดงอาการหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมีแฟนสาวที่ดูสนิทชิดเชื้อมาปรากฏตัวแบบนี้ได้?

 

 

แต่ถึงกระนั้น นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย พวกเขาจึงไม่กล้าก้าวก่ายและทำหน้าที่บอดี้การ์ดต่อไป

 

 

“นายน้อยลำดับที่สาม เราไปกันเงียบๆ ตอนนี้เถอะครับ”

 

 

“ใช่ครับ อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายเลย”

 

 

“ไปไหน? ทำไมต้องไป? ไม่ไป! ฉันยอมตายดีกว่า!”

 

 

เผยอวี่ถังโวยวายอีกครั้ง “พี่สะใภ้ใหญ่! ช่วยผมด้วย!”

 

 

หลินเยียนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงโหยหวนของเผยอวี่ถัง

 

 

เธอมัวแต่ตกหลุมพรางของรูปลักษณ์ที่แสนงดงามจนลืมทุกสิ่งรอบตัวไปหมดแล้ว

 

 

“คุณเผย…”

 

 

หลินเยียนเหลือบมองเผยอวี้เฉิงและทำทีเป็นอยากได้ยินความเห็นของเขาก่อน “ฉันได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายน้อยลำดับที่สามแล้วนะคะ เขาผิดจริงที่ดื่มเหล้าแล้วมีเรื่องมีราวกับคนอื่น แต่ซ่งเย่าหนานเองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอกค่ะ ฉันเคยเจอเขาก่อนหน้านี้ เขาพยายามยั่วโมโหนายน้อยจนติดกับมาแล้ว รอบนี้ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ นายน้อยไม่ได้ตั้งใจก่อเรื่องหรอกนะคะ…”

 

 

เผยอวี่ถังพยักหน้าหงึกหงัก “พี่ใหญ่! พี่สะใภ้ใหญ่พูดถูกแล้วครับ! มันจงใจยั่วโมโหผมจริงๆ นะ!”

 

 

แววตาของเผยอวี้เฉิงเย็นชาราวน้ำแข็ง “ยั่วโมโหนายเหรอ…แล้วนายควบคุมตัวเองไม่ได้หรือไง หรือไม่มีปัญญาแยกแยะว่าเขากำลังยั่วโมโหนาย?”

 

 

เผยอวี่ถังตัวสั่นงันงกเพราะแววตาของเผยอวี้เฉิง เด็กหนุ่มไม่สามารถสบตาพี่ชายได้อีกต่อไป เขากลัวหัวหดจนแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

 

 

หลินเยียนเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่บดขยี้เธอ หญิงสาวจึงกล่าวต่ออย่างอ่อนโยน “อืม…คุณพูดถูกนะคะ แต่นายน้อยลำดับที่สามยังเด็กมาก เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะที่เด็กหนุ่มๆ วัยนี้อาจจะหุนหันพลันแล่นและไม่ทันยั้งคิดอยู่บ้าง”

 

 

เผยอวี่ถังพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย “ใช่เลย! เด็กผู้ชายก็ต้องมีเรื่องต่อยตีเป็นธรรมดาเนอะ”

 

 

เผยอวี้เฉิงตอบกลับ “อายุไม่ใช่ข้ออ้างในการทำผิด ฉันไม่อยากได้ยินคำอธิบายอะไรอีกแล้ว นายเป็นคนยินยอมทำตามกฎเองตั้งแต่แรก นายก็ต้องรู้สิว่านายจะต้องชดใช้ถ้าขืนแหกกฎ”

 

 

เผยอวี่ถังก้มหัวอย่างรู้สึกผิด

 

 

หลินเยียนแอบมองเอกสารบนโต๊ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญญาบางอย่างระหว่างเผยอวี่ถังกับเผยอวี้เฉิง เธอเห็นลายเซ็นและประทับลายนิ้วมือของเด็กหนุ่มอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นด้วย

 

 

 

 

ตอนที่ 100 เธอจะยุ่งก็ได้

 

 

แน่นอนว่าเผยอวี่ถังขอความช่วยเหลือจากหลินเยียนโดยไม่ทันได้คิดว่าสถานการณ์จะจบลงแบบนี้ เผยอวี้เฉิงไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น และเขาก็มีเหตุผลที่จะยึดมั่นในหลักการของเขาเอง หลินเยียนถูกคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของชายหนุ่มล้างสมองจนเธอเชื่อเขาจนหมดใจ

 

 

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโน้มน้าวหรือพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าให้เขาฟังแม้ว่าจะมีเหตุผลก็ตาม

 

 

เผยอวี้เฉิงเป็นชายผู้มากหลักการ และเขาจะไม่ยอมฝ่าฝืนหลักการนั้นเป็นอันขาด

 

 

น่าปวดหัวจริงๆ …

 

 

หลินเยียนเองก็ไม่ใช่คนชอบถกประเด็นกับใครเสียด้วย เธอมักถูกตบตีเสมอทุกครั้งที่เธอทะเลาะกับหันอี้เซวียน เธอจำยอมต้องโอนอ่อนตามเขาทุกครั้งโดยไม่เคยเป็นฝ่ายชนะในการถกเถียงเลย

 

 

หลินเยียนถอนหายใจก่อนมองเผยอวี่ถังด้วยสายตาที่สื่อว่า “ฉันพยายามเต็มที่แล้วนะ ขอให้นายโชคดี ฉันจะไม่ลืมนายเลย”

 

 

เผยอวี่ถังเองก็รู้อยู่เต็มอก ที่เขาพยายามขัดขืนมาจนถึงตอนนี้ก็เพียงเพราะเขาไม่อยากจะยอมรับคำตำหนิเท่านั้น

 

 

เด็กหนุ่มจ้องมองเอกสารด้วยสายตาแข็งกร้าว ความหวังสุดท้ายในดวงตาของเขาดับวูบลง เผยอวี่ถังกำหมัดแน่นพลางพูดในขณะที่ดวงตาแดงก่ำ “ผมทำตามที่สัญญาไม่ได้ ผมผิดเอง ผมจะไปครับ…”

 

 

หลินเยียนเค้นสมองเฮือกสุดท้ายก่อนขยับเข้าใกล้เผยอวี้เฉิงและดึงแขนเสื้อของเขาไว้ “คือ…ขอโทษนะคะ ฉันรู้ว่านี่เป็นปัญหาในครอบครัวและฉันไม่ควรเข้ามาจุ้นจ้าน แต่…คุณจะให้โอกาสนายน้อยลำดับที่สามอีกสักครั้งได้ไหมคะ”

 

 

เผยอวี้เฉิงเงียบกริบ

 

 

หลินเยียนเว้าวอน “กรุณาให้โอกาสเขาอีกครั้งนะคะ ฉันขอร้องล่ะค่ะ…ได้ไหมคะ?”

 

 

เผยอวี้เฉิงไม่ได้ตอบอะไร หากแต่สายตาของเขาตวัดจากดวงตาของหญิงสาวไปจับจ้องที่มือเล็กๆ ซึ่งกำลังดึงแขนเสื้อของเขาอยู่

 

 

หลินเยียนกระแอมเบาๆ “อืม…ช่างเถอะค่ะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร…”

 

 

ครู่ใหญ่หลังจากนั้น หลินเยียนคิดว่าจะยอมตัดใจแล้วกล่าวอำลาเผยอวี่ถัง แต่จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น

 

 

เผยอวี้เฉิงตอบ “ได้”

 

 

หลินเยียนนิ่งอึ้ง…

 

 

เผยอวี่ถังเองก็อึ้ง…

 

 

ส่วนเผยหนานซวี่พูดอะไรไม่ออก…

 

 

นี่เขาฟังไม่ผิดจริงๆ ใช่ไหม?

 

 

หลินเยียนเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “หา? คุณ…ตกลงเหรอคะ?”

 

 

ทำไมเขาถึงตอบตกลง? ทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนใจโดยไม่มีสาเหตุ? เธออุตส่าห์ถอดใจเพราะไม่มีหวังแล้วแท้ๆ!

 

 

“ฉันให้โอกาสเขาอีกครั้งก็ได้” เผยอวี้เฉิงย้ำอย่างหนักแน่น

 

 

หลินเยียนโพล่งออกไปอย่างลืมตัว “ทำไมอยู่ๆ ถึงตกลงล่ะคะ…”

 

 

เผยหนานซวี่และเผยอวี่ถังต่างจับจ้องพี่ใหญ่ของตัวเองโดยพร้อมเพรียงกัน

 

 

พวกเขารู้จักพี่ชายดี เพราะเผยอวี้เฉิงเป็นคนฉลาดหลักแหลม ไม่ว่าใครหน้าไหนจึงไม่อาจหว่านล้อมเขาได้ และเขายังไม่เคยฝ่าฝืนหลักการของตัวเองเพื่อใครหรือเพื่อสิ่งใดก็ตามมาโดยตลอด

 

 

ก่อนหน้านี้ เผยหนานซวี่ถึงกับยกธงขาวทันทีเพียงแค่ถูกเผยอวี้เฉิงถามซ้ำเป็นครั้งที่สองเมื่อเขาพยายามจะยื่นมือเข้าช่วยน้องชาย

 

 

ดวงตาของเผยอวี้ถังที่ดำสนิทราวกับหมึกพลันส่องประกายพร้อมรอยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของหลินเยียน เขาจับจ้องที่หญิงสาวพลางกล่าวอย่างฉะฉานว่า “ฉันคิดว่า การถกเถียงกับแฟนไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเท่าไหร่”

 

 

หลินเยียนตะลึง…

 

 

เขา…แทบจะฆ่าเธอได้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ!

 

 

แม้ว่าเผยอวี้เฉิงจะหยุดพูดแล้ว แต่หัวใจของหลินเยียนยังคงเต้นระรัวจนชายโครงของเธอเจ็บแปลบ ชายหนุ่มเบื้องหน้าที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งและทำตัวห่างเหินราวกับตั้งใจจะไม่รับฟังใครทั้งนั้นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนกลับละลายกลายเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในห้วงความรักจนถึงขนาดยอมทำตามคำขอของหญิงสาวเลยทีเดียว

 

 

เผยอวี่ถังเงียบกริบ

 

 

นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่าเลือกปฏิบัติใช่ไหมเนี่ย

 

 

เผยอวี้เฉิงรีบกล่าวเสริมทันทีหลังพูดจบ “อีกอย่าง เธอจะยุ่งก็ได้นะ”

 

 

หลินเยียนยังตกอยู่ในภวังค์จนไม่เข้าใจว่าเผยอวี้เฉิงพูดอะไร “หมายความว่าไงคะ?”

 

 

เผยอวี้เฉิงอธิบาย “เรื่องของครอบครัวฉัน เธอจะเข้ามายุ่งด้วยก็ได้”

 

 

เผยหนานซวี่ช็อกจนรู้สึกสับสนไปหมด