ตอนที่ 32.3 ผู้มาเยือนทั้งห้า (3)

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“คุณชาย มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อฉินอวี้โม่หันกลับไปตอบรับนางก็พบกับฉีอวี้ผู้ที่กำลังหน้าแดงซ่าน

“นี่แก่นมายาและแกนชีวิตของแม่นาง”

ฉีอวี้ช่วยฉินอวี้โม่เก็บแก่นมายาและแกนชีวิตที่หล่นกระจายอยู่ตามพื้น ตอนนี้เขาเก็บมันได้ทั้งหมดแล้วและเอามาคืนให้นาง

แต่ทว่าเมื่อเห็นได้ใบหน้านวลอันแสนงดงามของนางชัดๆ ชายหนุ่มในอาภรณ์สง่างามก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้

“พี่ฉีอวี้ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยเล่า?”

เมื่อได้เห็นใบหน้าและใบหูของพี่ชายกลายเป็นสีแดงเรื่อ ฉีฉีก็เอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

“หะ นี่หน้าข้าแดงอย่างนั้นหรือ?”

ฉีอวี้แสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็น และตีหน้าเรียบเฉย ทว่าหัวใจของเขากลับกำลังเต้นรัว

“คุณหนู แก่นมายาและแกนชีวิตถูกตรวจนับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ในตอนนั้นเองเสียงเรียกของเสี่ยวโร่วก็ดังขึ้น เสียงสตรีร่างเล็กอีกคนที่ดังมาทำให้ฉีอวี้ที่กำลังเขินอายโล่งใจไปเล็กน้อย

ในตอนที่สถานการณ์ตึงเครียดคลี่คลายลง ฉินอวี้โม่ก็สั่งให้เสี่ยวโร่วช่วยตรวจนับแก่นมายาและแกนอสูร และเวลานี้นางก็นับเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ฉินอวี้โม่พยักหน้าให้เหวินหย่าและคนอื่นๆ เป็นการบอกลาก่อนจะเอ่ยขอตัวและเดินตรงไปที่โต๊ะติดต่อ

“หนุ่มน้อย ตอนนี้เจ้าจะให้เงินข้าได้แล้วใช่ไหม?”

ฉินอวี้โม่ส่งยิ้มหวานหยดและเอ่ยเสียงนุ่มนวลใส่เจ้าหน้าที่หนุ่ม

“แน่นอนขอรับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”

เด็กหนุ่มรีบพยักหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาเองก็เห็นกับตา หญิงสาวตรงหน้าไม่ใชบุคคลที่เขาจะล้อเล่นได้ คนระดับนี้อย่าทำให้โกรธเสียจะดีที่สุด

หลังที่พูดจบ หนุ่มน้อยก็รีบนำตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“แม่นางมีแก่นมายาและแกนชีวิตของอสูรภูตระดับดาราสูง(หกดาราถึงเก้าดารา) ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดชิ้น  และของอสูรภูตระดับดาราต่ำ(หนึ่งดาราถึงห้าดารา) ทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยหกสิบหกชิ้น ส่วนที่เหลือเป็นของอสูรมายาระดับต่ำทั้งหมดสามพันหกร้อนเก้าสิบแปดชิ้น  รวมทั้งหมดแล้วแลกเป็นเงินได้ห้าหมื่นเก้าพันห้าร้อยเหรียญทอง แต่ทางเราขอจ่ายเป็นตั๋วเงินมูลค่าหกหมื่นเหรียญทองถ้วน เผื่อเอาไว้เป็นการขออภัยและเป็นค่าทำขวัญให้แม่นางทั้งสอง โปรดรับไว้ด้วยขอรับ”

หนุ่มน้อยยื่นตั๋วเงินให้ฉินอวี้โม่ด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อแสดงถึงความเคารพนอบน้อม

ตั๋วเงินที่ฉินอวี้โม่ได้รับมานั้นหนึ่งใบจะมีค่าเท่ากับหนึ่งพันเหรียญทอง ซึ่งครั้งนี้ฉินอวี้โม่ได้มาทั้งหมดหกสิบใบ

เสี่ยวโร่วนับตั๋วเงินซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความตื่นเต้น  มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางมีโอกาสได้เห็นเงินมหาศาลขนาดนี้

ฉินอวี้โม่มองสาวใช้ตัวน้อยยิ้มๆ โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด นางปล่อยให้เสี่ยวโร่วนับได้ตามใจ

หลังจากนับเสร็จแล้วเสี่ยวโร่วที่ดวงตาเป็นประกายก็ส่งตั๋วเงินคืนให้นายหญิงของตน ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงประดับด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุข

ฉินอวี้โม่เก็บตั๋วเงินใส่เข้าไปในแหวนมิติและพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่เด็กหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยขอบคุณและบอกลา

“ขอบคุณมาก”

“ด้วยความยินดีขอรับ แม่นางเดินระวังด้วย”

แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่หนุ่มน้อยไม่กล้ารับคำขอบคุณจากฉินอวี้โม่อยู่แล้ว เขารีบโค้งคำนับตอบอย่างนอบน้อม

ฉินอวี้โม่พยักหน้าให้อีกครั้งก่อนจะพาเสี่ยวโร่วออกไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักแรม

ซึ่งเมื่อนางหันกลับไปมองในทิศทางที่ผู้มาเยือนทั้งห้าอยู่อีกครั้ง ก็พบว่าพวกเขาเองก็จากไปแล้ว

ฉินอวี้โม่ไม่ใส่ใจมากนัก นางคิดว่าหากมีชะตาต้องกันก็คงจะได้พบกันอีกในวันข้างหน้า

อดีตคุณหนูสี่พาอดีตสาวใช้ที่ตอนนี้เป็นเสมือนน้องสาวออกมาจากสมาคมทหารรับจ้างและสอบถามทางกับคนแถวนั้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเยว่กวาง

โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเยว่กวางมีชื่อว่า โรงเตี๊ยมแสงจันทร์ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ในจุดที่ถัดออกมาจากจวนของเจ้าเมืองไม่ไกลนัก ที่แห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมสุดหรูมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ว่าผู้ใดหากมีเงินสักหน่อยและเดินทางผ่านมาพักแรมยังเมืองเยว่กวางก็ต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมชื่อเดียวกับเมืองแห่งนี้

ฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วเดินมาตามทางที่มีผู้ชี้บอกไม่ไกลนักก็ได้เห็นตึกสามชั้นทรงสี่เหลี่ยมที่ดูใหม่เอี่ยมใหญ่โต ภายนอกตัวอาคารนั้นตกแต่งประดับประดาด้วยลวดลายไม้แกะสลักที่งดงามอ่อนช้อยดูหรูหราอลังการ

เมื่อเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมหญิงสาวทั้งสองก็พบกับความโอ่อ่ากว้างขวางและงดงามที่ไม่แพ้ภายนอก  ทว่าเมื่อพวกนางเดินตรงไปที่ยังโต๊ะรับรองของโรงเตี๊ยมก็ต้องพบความผิดหวัง

“ต้องขอประทานโทษด้วย ขณะนี้โรงเตี๊ยมของเราเต็มแล้ว”

เจ้าของโรงเตี๋ยมกล่าวขออภัยฉินอวี้โม่

เป็นเพราะว่าเทศกาลอสูรล้อมเมืองที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน เวลานี้จึงมีผู้คนมากหน้าหลายตาจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้ามายังเมืองเยว่กวางแห่งนี้ โรงเตี๊ยมแสงจันทร์ของพวกเขาจึงถูกจองล่วงหน้าข้ามปีจนเต็มไปเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”

ฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วก้มศีรษะเล็กน้อย และเตรียมจะเดินออกไปหาโรงเตี๊ยมแห่งอื่น

ในตอนนั้นเอง พวกนางก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วที่คุ้นเคยดังขึ้น