เล่ม 2 ตอนที่ 99 เลือกอาจารย์ / ตอนที่ 100 ข้าไม่ยอม!

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 99 เลือกอาจารย์

สิ่งของพวกนี้ล้วนเป็นของนายท่านผู้ลึกลับผู้นั้นของเจินเป่าเก๋อโดยไม่ต้องสงสัย

ฉู่หลิวเยว่เริ่มมีความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใครมีสถานะเป็นเช่นไร แล้วเหตุใดถึงทำเรื่องมากมายให้นางขนาดนี้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเอาโฉนดที่ดินเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ไปแลกเปลี่ยนได้อย่างแน่นอน

นางเคยลองถามเหยียนเก๋อไปเมื่อก่อนหน้านี้ว่าอยากขอพบนายท่านของเจินเป่าเก๋อ แต่กลับถูกเหยียนเก๋อปฏิเสธทางอ้อม เขาบอกว่านายท่านไม่ค่อยได้อยู่เมืองหลวง แม้กระทั่งเขาจะขอพบสักครั้งยังยาก

หากฉู่หลิวเยว่ต้องการพบจริงๆ คงต้องรอไปอีกสักพัก

ฉู่หลิวเยว่ก็พอจะคิดได้

ในเมื่ออีกฝ่ายส่งของล้ำค่าพวกนี้มาให้ นางจึงรับไว้

รอจนกว่าอีกฝ่ายอยากเจอนาง นางก็คงจะได้ไปเจอเขาเอง

เมื่อถึงคราวนั้นค่อยว่ากันก็ไม่เห็นจะเป็นอันใด

ถึงอย่างไรของพวกนี้ล้วนเป็นของที่นางชอบ เอามาใช้จะได้ไม่เสียเปล่า

ไป๋เชินเหลือบมองลู่เฟยเยี่ยนและคนอื่นๆ ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมา

“ไป ข้าจะพาเจ้าไปดูที่พักของเจ้าเอง!”

ฉู่หลิวเยว่เดินตามไป๋เชินเข้ามาในสำนัก ส่วนพวกของลู่เฟยเยี่ยนก็ถือของเดินตามมาข้างหลัง มองผิวเผินก็เหมือนทาสรับใช้ของนางมิมีผิดเพี้ยน

คนกลุ่มหนึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อยมาตลอดทาง

แม้คนที่เคยเจอนางเมื่อวันสอบกลางภาคจะมีไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นศิษย์รุ่นเดียวกัน

ตอนนี้ชื่อของฉู่หลิวเยว่ก็พอจะคุ้นหูบรรดาศิษย์รุ่นพี่อีกสองรุ่นในสำนักแล้ว ในที่สุดก็รอนางมาจนถึงวันนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็ดูให้เต็มตาว่านางมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร

ทว่าเพราะมีไป๋เชินอยู่ด้วยก็ไม่มีใครอยากเข้าวุ่นวายด้วย

เมื่อเข้ามาถึงด้านในของสำนัก ในไม่ช้าฉู่หลิวเยว่ก็เห็นเรือนหลังหนึ่ง

เรือนหลังนี้มีลานแบบบ้านเดี่ยว และมีระยะห่างระหว่างกันพอสมควร

“สำนักมีพื้นที่กว้างขวาง นักเรียนก็มีไม่มาก ดังนั้นนักเรียนทุกคนจึงมีบ้านเรือนเดี่ยวเป็นของตัวเอง เช่นนี้ ต่อให้ไม่ไปเข้าเรียนตามปกติก็ยังสามารถหาพื้นที่ฝึกยุทธ์ของตัวเองได้อย่างสบายใจ”

ไป๋เชินเดินไปพลางอธิบายให้ฉู่หลิวเยว่ฟัง

“ลานประลองและห้องสมุดในสำนักใช้ส่วนรวม แต่เนื่องจากการฝึกฝนที่แตกต่างกัน ดังนั้นพื้นที่ของผู้ฝึกยุทธ์และหมอเทวดาจึงแยกจากกัน ที่เราเพิ่งเดนผ่านมาเมื่อครู่นี้คืออาณาเขตของผู้ฝึกยุทธ์ พอข้ามแม่น้ำซวงชิงเหอนี่ไป ข้างหน้าก็จะเป็นพื้นที่ฝึกปรมาจารย์ของพวกเราแล้วล่ะ”

ฉู่หลิวเยว่มองไปทางข้างหน้า แม่น้ำใสไหลผ่านและมีสะพานหินเจ็ดอุโมงค์ทอดข้ามอยู่เหนือแม่น้ำสายนั้น

อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยังมีสนามหญ้าแยกต่างหากด้วย กระนั้นเห็นได้ชัดว่ามีขนาดใหญ่กว่าที่คิด

“ดูเหมือนว่าที่พักของนักเรียนจะดูแตกต่างออกไป…”

ฉู่หลิวเยว่พึมพำ

“แหะๆ แน่นอนอยู่แล้ว! ปรมาจารย์อย่างเรามีสภาพชีวิตดีกว่าผู้ฝึกยุทธ์ตั้งเยอะ!”

ไป๋เชินหัวเราะชอบใจ

“ลานที่นี่ ไม่ต้องพูดก็เห็นว่าใหญ่เป็นสองเท่าของที่นั่น!”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างงงๆ

เพราะผู้ที่ฝึกด้านปรมาจารย์ก็มีน้อยอยู่แล้ว อีกอย่างก็ยังมีตำแหน่งสูงส่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ ความเหลื่อมล้ำเช่นนี้จึงเป็นเรื่องปกติ

“อ้อ เรือนหลังนั้นเป็นที่พักของเจ้าเอง!”

ไป๋เชินชีไปทางบ้านริมแม่น้ำหลังนั้นที่อยู่ไม่ไกล

“ตรงนั้นอยู่ใกล้กับหอคอยจิ่วโยวและหอคัมภีร์ ซึ่งทำให้สะดวกมาก!”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอุ่นวาบในใจ

“ขอบคุณอาจารย์ไป๋เชินมากเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ผู้อาวุโสซนฝากฝังเรื่องนี้มาเป็นพิเศษ! เป็นเรื่องยากที่จะมีผู้มีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์และผู้ฝึกยุทธ์ที่ดีอย่างเจ้า ได้รับการดูแลเช่นนี้ก็มิใช่เรื่องแปลก ถึงอย่างไร พวกอาจารย์ต่างก็หวังว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!”

สีหน้าและแววตาของไป๋เชินดูจริงจังขึ้นมากกว่าเดิม

ฉู่หลิวเยว่ดูออกว่าเขาพูดจากใจจริง

แม้ไป๋เชินจะมีนิสัยโมโหร้าย แต่ก็เป็นคนปากร้ายใจดี เขารับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง

หลังจากมาถึงที่พักอา

ศัย ฉู่หลิวเยว่ก็กวาดตามองสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด และนางก็รู้สึกพอใจมากทีเดียว

เมื่อลู่เฟยเยี่ยนและผู้อื่นมาเห็นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นพอเอาของวางลงแล้วพวกนางก็ทำท่าฟึดฟัดแล้วจากไปทันที

ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

คนพวกนี้นางไม่ต้องคิดให้รกสมองเปล่าๆ

ไป๋เชินบอกเรื่องสำคัญที่ต้องระวังบางเรื่องให้ฉู่หลิวเยว่รับทราบ ฉู่หลิวเยว่ก็จำได้ขึ้นใจ

“นี่คือป้ายชื่อและชุดเครื่องแบบของเจ้า เดี๋ยวเจ้าเก็บของทางนี้เสร็จ หากว่างแล้วก็ไปที่สวนเถาหลี่สักหน่อย พวกอาจารย์มักจะคอยอยู่จัดการเรื่องต่างๆ ที่นั่น แม้เจ้าจะเลือกเส้นทางปรมาจารย์แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เลือกอาจารย์ รอเจ้าเลือกได้แล้วก็ไปกราบคารวะอาจารย์ที่สวยเถาหลี่ เมื่อไปรายงานตัวแล้วก็สามารถเริ่มฝึกฝนได้อย่างเป็นทางการ!”

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถาม

“อาจารย์ไป๋เชิน ไม่เลือกอาจารย์…ไม่ได้หรือเจ้าคะ”

ตอนที่ 100 ข้าไม่ยอม!

ไป๋เชินมองนางด้วยความแปลกใจ

“นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อเข้ามาฝึกในสำนักแล้วจะไม่มีอาจารย์ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกปรมาจารย์จะต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะด้วยความใส่ใจ มิฉะนั้นจะต้องเดินทางผิดแน่นอน เหตุใด เจ้า…ไม่อยากเลือกอาจารย์หรือ”

ฉู่หลิวเยว่อยากพูดบางอย่าง แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเขา จากนั้นนางจึงยิ้มให้และส่ายหน้า

“ไม่ใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ หลิวเยว่ก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง อาจารย์ในสำนักมีตั้งมากมาย ข้าเพิ่งจะมาถึงยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ได้คิดเผื่อเอาไว้เลยเจ้าค่ะ”

ไป๋เชินหายข้องใจแล้วหัวเราะลั่น

“อย่างนี้นี่เอง! อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจขนาดนี้ เดี๋ยวพอเจ้าไปที่สวนเถาหลี่แล้วเห็นอาจารย์พวกนั้นแล้วค่อยเลือกทีหลังก็ยังไม่สาย!”

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เช่นนั้นหลิวเยว่ก็สบายใจแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋เชินขยิบตาให้นาง

“อันที่จริงตอนเข้าเรียนใหม่ๆ นักเรียนคนอื่นก็เป็นเหมือนเจ้ากันหมดนี่แหละ ไม่ค่อยรู้จักอาจารย์ แต่สิทธิในการเลือกของพวกเขาไม่มากเท่าเจ้า ตอนสอบกลางภาคเจ้าสามารถสอบผู้ฝึกยุทธ์ได้ที่หนึ่ง สอบปรมาจารย์ได้ที่สอง! ตอนนี้ไม่ว่าอาจารย์คนไหนก็อยากรับเจ้าเป็นศิษย์กันทั้งนั้น คราวนี้คงต้องดูว่าเจ้าจะเลือกใครแล้วล่ะ สิทธิพิเศษเยี่ยงนี้ไม่ใช่ว่าใครก็มีได้นะจะบอกให้!”

แล้วก็เป็นอัจฉริยะที่หายากอย่างฉู่หลิวเยว่ถึงจะสามารถดึงดูดคนเหล่านั้นได้

“เจ้าค่ะ ข้าขอเก็บของสักครู่ ประเดี๋ยวจะไปเจ้าค่ะ”

บ้านเดี่ยวของฉู่หลิวเยว่เป็นบ้านสองชั้นขนาดเล็ก สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

นางมองสำรวจไปรอบๆ ก็พบว่าทุกสิ่งอำนวยความสะดวกถูกจัดเตรียมไว้ที่นี่หมดแล้วโดยที่นางไม่จำเป็นต้องนำสิ่งใดมาเลยก็ได้

แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงจัดสิ่งของที่ตัวเองนำมาวางให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชุดประจำสำนักพร้อมกับกลัดป้ายชื่อตรงหน้าอกข้างซ้ายถึงจะออกจากเรือนหลังใหม่แล้วเดินไปยังสวนเถาหลี่

ไป๋เชินเคยบอกนางแล้วว่าจะไปที่สวนเถาหลี่ได้อย่างไร ฉู่หลิวเยว่จึงผ่านไปอย่างราบรื่นตลอดทาง

ฉู่หลิวเยว่เห็นลานกว้างที่เรียบง่ายและกว้างขวางจากระยะไกล

เพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตู ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกกดดันเหมือนมีอะไรกดทับอยู่ตรงหน้าของตนเอง

ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ทว่านางกลับไม่ขยับไปไหนและยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

วูบ!

ทันใดนั้นลมปราณอันเย็นยะเยือกที่กำลังจะปะทะหน้านางนั้นก็สลายไป

สายลมที่วูบหายไปทำให้ผมหน้าม้าของนางแตกกระเจิง

ฉู่หลิวเยว่ยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม จากนั้นนางก็ยกกำปั้นขึ้นทำความเคารพ

“ศิษย์นามว่าฉู่หลิวเยว่ขอคารวะอาจารย์ทุกท่าน!”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะอันอบอุ่นก็ดังขึ้นมา

“ข้าเพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้มีความสามารถจริงๆ พวกเจ้าต้องลองด้วยตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเด็กคนนี้จะหัวเราะเยาะพวกเจ้าหรอกนะ”

นั่นคือเสียงของซุนจ้งเหยียน

“แม่หนู เข้ามาเถิด”

เมื่อสิ้นเสียงนั้น พลังไร้รูปร่างตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ก็ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ฉะนั้นนางจึงยกขาก้าวเข้าไปโดยไร้อุปสรรค

สวนเถาหลี่ไม่มีต้นไม้ ดอกไม้หรือพืชพรรณใดๆ ทว่าสวนเถาหลี่กลับมีแต่ก้อนหินหนาๆ สากๆ เรียงกันเป็นระเบียบ

ฉู่หลิวเยว่สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ทันทีว่าก้อนหินเหล่านี้ถูกจัดเรียงเป็นค่ายกล

โดยที่ตรงนี้เป็นจุดศูนย์กลาง ดังนั้นพลังของค่ายกลจึงกระจายไปทั่วทุกสารทิศ!

เพียงแค่มีการขยับเกิดขึ้นก็เกรงว่าไม่ควรมองข้ามพลังอานุภาพของค่ายกลนี้เลยจริงๆ!

ฉู่หลิวเยว่รีบถอนสายตาอย่างรวดเร็ว

ซุนจ้งเหยียนกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินอ่อนในลานเล่นหมากรุก เมื่อเขาเห็นนางกำลังเดินมาทางนี้ เขาจึงวางตัวหมากรุกในมือลง

ฉู่หลิวเยว่สังเกตว่ากระดานหมากรุกเหมือนกับโจทย์ตอนที่นางสอบเข้าสำนักเทียนลู่ในวันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน

ทว่าการวางหมากกระดานในวันนี้เห็นได้ชัดว่าซับซ้อนกว่าวันนั้นไม่รู้กี่เท่า

“แม่หนู เจ้าเลือกอาจารย์ได้หรือยัง”

ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“อาจารย์ไป๋เชินบอกว่าให้ศิษย์มากราบเยี่ยมอาจารย์ทุกท่านก่อนเจ้าค่ะ”

นางพูดพลางสำรวจไปรอบบริเวณก็พบว่าตรงลานแห่งนี้นอกจากผู้อาวุโสซุนแล้วก็ไม่มีอาจารย์ท่านอื่นอีก

แต่กลับมีพลังปราณหลายสายแทรกซ้อนอยู่ภายในห้อง…

“ผู้อาวุโสซุนเจ้าคะ แล้วอาจารย์ท่านอื่น…”

ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

ซุนจ้งเหยียนชี้ไปที่กระดานหมากรุก

“เพราะว่าทุกคนล้วนอยากเป็นอาจารย์ของเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงต้องแข่งกัน ตอนนี้พวกเขาแพ้กันไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงคนแก่อย่างข้าคนเดียว”

เขายิ้มตาหยีมองฉู่หลิวเยว่

“ให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าว่าดีไหม”

ฉู่หลิวเยว่อึ้งไปชั่วขณะ

ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนผู้อาวุโสซุนจะเป็นอาจารย์ของซือถิงอยู่แล้วนี่นา…

ขณะที่นางกำลังลังเล ร่างสีเทาก็พุ่งเข้ามาจากระยะไกล! เสียงทุ้มดังก้องราวกับฟ้าผ่ากลางสวนเถาหลี่!

“ข้าไม่ยอม!”