“ฝ่าบาท กระหม่อม…” ดยุกโรมพึมพำพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

 

 

คลิฟมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างโกรธแค้น “ท่านโรม หลานสาวของท่านไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับศิษย์ของข้า แต่ต้องการเอาชีวิตของนาง นี่คือการฆาตกรรม มันคือการฆาตกรรม! ท่านรู้ความหมายของคำนี้หรือไม่?” คลิฟตะคอกอย่างรุนแรง ประโยคสุดท้ายที่พูดเป็นการถากถาง ดยุกแห่งอาณาจักรที่สง่างามจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าฆาตกรรมได้หรือ?

 

 

ใบหน้าของดยุกโรมซีดลงในทันที เขาเข้าใจความหมายของคำนี้แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อมีการตัดสินความผิด ชะตากรรมของอลิซจะเป็นอย่างไรก็ยากที่จะบอกได้

 

 

ดยุกกอร์ตั้นจ้องตาเขาอย่างเงียบๆ การแสดงอารมณ์โกรธในสาธารณะเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลฮิลล์จะเป็นเพียงลูกพลับอ่อนๆ ที่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายได้ตามใจ ในการดวลครั้งก่อน เขาก็หลับตาข้างหนึ่งไปแล้ว ครั้งนี้ถึงขั้นต้องการจะฆ่าเอาชีวิตแคลร์ แต่ดูจากตอนนี้แล้วดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก คลิฟคงบีบบังคับให้จักรพรรดิจัดการทุกอย่างได้เอง

 

 

จักรพรรดิถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อมองไปที่คลิฟผู้มีใบหน้าโกรธเกรี้ยวและคนอื่นๆ ที่มีใบหน้าเย็นชา อลิซไปเรื่องใครใครก็ไม่ไป ดันไปหาเรื่องสังหารแคลร์ แถมตอนนี้ผู้คนในวิหารแห่งแสงล้วนอยู่เป็นพยานกันหมด หากจัดการอย่างไม่เป็นกลาง ไม่เพียงแต่จะมีปัญหากับดยุกฮิลล์ แต่ยังรวมไปถึงวิหารแห่งแสงและคลิฟด้วย

 

 

“จับอลิซ โรมไปขังคุก หลังจากการพิจารณาคดีแล้ว นางจะถูกแขวนคอ” จักรพรรดิหลับตา ไม่มองไปที่ใบหน้าของดยุกโรม

 

 

ดยุกกอร์ตั้นไม่แสดงออกใดๆ คนอื่นก็มีท่าทางสงบนิ่ง ดวงตาของอลิซเบิกกว้างขึ้นแล้วก็หลับตาลงช้าๆ เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้ หากจะโทษ ก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ฟังคำพูดของท่านปู่ นางไปยั่วยุคนที่ตนเองไม่สามารถต่อกรได้ ไม่แปลกเลยที่นางต้องตายในตอนนี้ นางหวังเพียงแค่ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวโยงไปจนถึงคนในครอบครัวที่เหลืออยู่ของนางด้วย

 

 

ใบหน้าของดยุกโรมซีดลง เขาคุกเข่าลงทันที “ฝ่าบาท โปรดเมตตาด้วยเถิด กระหม่อมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังก็ได้ กระหม่อมขอความเมตตาจากฝ่าบาท” อลิซที่ยืนอยู่ท้ายสุดเงยหน้าขึ้นมองดยุกโรมอย่างประหลาดใจและเจ็บปวดใจอีกครั้ง นางมองท่านปู่ที่กำลังทำสิ่งนี้เพื่อนาง

 

 

ทันใดนั้น จักรพรรดิก็ลืมตาขึ้น เขาขมวดคิ้วแน่นจ้องไปที่ชายชราที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ความโกรธฉายผ่านดวงตาของเขา จะลาออกเพื่อเรื่องนี้งั้นหรือ!

 

 

“ดี! ดีมาก! ตอนนี้เจ้ากล้าต่อรองกับข้างั้นหรือ? ” จักรพรรดิลุกขึ้นยืนทันที จ้องไปที่ชายชราที่คุกเข่าอย่างโกรธเคือง

 

 

“กระหม่อมไม่กล้า กระหม่อมแค่ต้องการจะปกป้องลูกหลานเท่านั้น” ดยุกโรมพูดด้วยความกลัว แต่เขาไม่ได้จะลุกขึ้น ความเสียใจและความเจ็บปวดฉายอยู่ในดวงตาของอลิซ นางอยากจะรีบวิ่งเข้าไป แต่ก็ถูกลูกพี่ลูกน้องของนางจับเอาไว้

 

 

“ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะไม่ได้เป็นผู้สำเร็จราชการอีกต่อไป เจ้าจะไม่ได้เป็นดยุกอีกต่อไป แต่จะถูกลดตำแหน่งเป็นเพียงบารอน อลิซก็จะไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ ไปตลอดชีวิต ทุกคนในตระกูลโรมจะถูกลดตำแหน่งไปสามขั้น!” องค์จักรพรรดิดูเหมือนจะโกรธจริงๆ เป็นครั้งแรกที่ผู้สำเร็จราชการกล้าต่อรองกับเขาเช่นนี้

 

 

ดยุกกอร์ตั้นหรี่ตาลงและไม่พูดอะไร เขาทำงานราชการมาหลายปีและเข้าใจธรรมชาติของจักรพรรดิดี จักรพรรดิผู้มีอำนาจจะไม่ยอมให้ใครมาท้าทาย ดยุกโรมจะไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?

 

 

“กระหม่อมรับคำสั่ง ขอบพระทัยพระองค์ที่อภัยโทษอลิซ” ดยุกโรมยืนขึ้นตัวสั่นเทา ดูเหมือนเขาแก่ขึ้นสิบปีในชั่วพริบตาเลย

 

 

จักรพรรดิโกรธมาก มองดยุกกอร์ตั้นแล้วพูด “ดยุกฮิลล์ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการจัดการของข้า? “

 

 

“ไม่มีพะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่มีความเห็น” ดยุกกอร์ตั้นก้มหน้าลงและพูดเบาๆ

 

 

“ฮึ่ม! ” จักรพรรดิเหลือบมองไปที่ดยุกโรมแล้วส่งเสียงอย่างเย็นชา ไม่สนใจว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นั่นมากแค่ไหน เขาสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป ในสถานการณ์นี้ แน่นอนว่าไม่มีใครรังเกียจท่าทีของจักรพรรดิเลย

 

 

ดยุกกอร์ตั้นมีความสุข ตอนนี้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังว่างแล้ว เขาต้องต่อสู้เพื่อให้คนที่ตนเองไว้ใจได้ขึ้นไปรับตำแหน่งนี้ให้ได้

 

 

แคลร์มองอลิซที่รีบวิ่งไปช่วยพยุงดยุกโรมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ในใจรู้สึกสับสนปนเป ทันใดนั้นนางก็รู้สึกอิจฉาอลิซเล็กน้อย นางมีท่านปู่ที่ปกป้องนางไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรก็ตาม นางมีความรักที่แท้จริงในครอบครัวใหญ่ที่ปกติแล้วต่างดิ้นรนเพื่อผลประโยชน์ มันช่างล้ำค่ามากจริงๆ

 

 

อลิซและลูกพี่ลูกน้องของนางช่วยกันพยุงดยุกโรมออกไปอย่างช้าๆ ขณะที่อลิซก้าวออกจากประตู นางก็หันหน้ามามองแคลร์

 

 

แคลร์เข้าใจถึงสายตานั้น

 

 

ความเกลียดชังอย่างที่สุด นั่นคือความเกลียดชังที่ฝังเข้าในกระดูก!

 

 

นั่นคือความเกลียดชังที่ไม่มีวันสั่นคลอน!

 

 

เรื่องราวต่างๆ ถูกจัดการจบลงไปเช่นนี้

 

 

แม้ว่ากอร์ตั้นจะดีใจมาก แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่เหมาะที่จะแสดงออกมา

 

 

“ท่านบุตรแห่งแสง ขอบคุณท่านที่ช่วยแคลร์ในวันนี้ ข้าขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจที่สุด อาจารย์คลิฟ วันนี้ท่านยืนหยัดเพื่อแคลร์ ข้าขอแสดงความขอบคุณด้วยความเคารพอย่างสูง ท่านคาร์ดินัล ท่านเทพธิดาแห่งแสง ขอบคุณสำหรับการปกป้องในวันนี้ หากไม่รังเกียจ ขอให้ข้าได้จัดเลี้ยงอาหารเย็นเพื่อแสดงความขอบคุณได้หรือไม่?” ดยุกกอร์ตั้นพูดด้วยความจริงใจ เขามีความคิดนี้อยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ คงจะดีมากหากได้ผูกมิตรอันดีกับชายหญิงเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจากวิหารแห่งแสง ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจกษัตริย์และอำนาจเทพเจ้านั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาเป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย

 

 

“ไม่เป็นไร ท่านดยุกไม่ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” เหลิ่งหลงยวิ๋นรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานพิธีการเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด เขาจึงปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง

 

 

คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วย พวกเขาไม่ชอบงานพิธีการประเภทนี้เช่นกัน

 

 

“ถ้าเช่นนั้น วันเกิดของแคลร์ในอีกสิบวันข้างหน้า หวังว่าทุกคนจะสามารถมาร่วมงานกันได้นะครับ” ดยุกกอร์ตั้นคู่ควรกับการเป็นจิ้งจอกเฒ่ามาก เขาพูดประโยคต่อไปออกมาทันที

 

 

“โอ้ แคลร์ วันเกิดของเจ้ากำลังจะมาถึงแล้วหรือ? ” คลิฟและราอูลยิ้มและถามพร้อมกัน หลังจากพูดเสร็จ ทั้งสองก็หันหน้ามาจ้องหน้ากันอย่างไม่พอใจ

 

 

แคลร์งงไปเล็กน้อย วันเกิด? ในความทรงจำก็ดูเหมือนจะเป็นวันนั้นนะ แต่ดูเหมือนว่าแต่ไหนแต่ไรมา มีเพียงท่านแม่เท่านั้นที่จัดงานฉลองวันเกิดให้เสมอ นางจึงไม่ได้มีความทรงจำที่พิเศษมากนัก

 

 

“วันเกิดของศิษย์ข้าสำคัญอะไรกับเจ้า ทำไมเจ้าต้องตื่นเต้นขนาดนี้?” คลิฟจ้องราอูลอย่างไม่สบายใจ

 

 

“ยังไงแคลร์ก็เกือบจะเป็นศิษย์ข้าแล้ว ในฐานะผู้อาวุโสข้าก็ต้องใส่ใจเป็นธรรมดา ต้องใส่ใจว่าจะให้ของขวัญอะไรดี” ราอูลพูดไปเรื่อยๆ

 

 

“เอ๊ะ! ศิษย์ของข้าเกือบจะกลายเป็นศิษย์ของเจ้าเมื่อไหร่กัน บอกข้ามาให้ชัดเจนเลยนะ! ” คลิฟคว้าตัวราอูลไว้ไม่ยอมปล่อย

 

 

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเถียงกันออกไปนอกประตูโดยไม่สนใจคนข้างหลัง

 

 

“วันเกิดของแคลร์ ข้าจะไปแน่นอน วันนี้ข้าขอตัวก่อน เพราะข้าเพิ่งกลับมาที่เมืองหลวง ข้าต้องไปที่วิหารเพื่อจัดการเรื่องบางอย่างเสียก่อน” เหลิ่งหลิงยวิ๋นตอบอย่างสุภาพ

 

 

“เช่นนั้นก็เยี่ยมมากเลย ยินดีต้อนรับท่านบุตรแห่งแสง” กอร์ตั้นยิ้ม ในใจเขามีความสุขมาก

 

 

ดวงตาของเทพธิดาแห่งแสงหลิวเฉว่ฉิงเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ นางสงสัยว่าได้ยินผิดไปหรือไม่ หลิงยวิ๋นตกลงที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่น่าเบื่อเช่นนั้น นี่คือสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด มีคนมากมายเคยเชิญแต่เขาปฏิเสธอย่างไม่ไยดี แต่วันนี้เขาตอบตกลงอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเพราะซวนซวนชอบแคลร์คนนี้อย่างนั้นหรือ?!

 

 

“เทพธิดาแห่งแสง ถึงตอนนั้นท่านจะว่างหรือไม่?” ดยุกกอร์ตั้นเรียกสติของหลิวเฉว่ฉิงที่กำลังฟุ้งซ่านให้กลับมา

 

 

“แน่นอน ข้าจะไปกับบุตรแห่งแสง” หลิวเฉว่ฉิงยิ้มอย่างนุ่มนวล ท่าทางที่สง่างามของนางทำให้ผู้คนตาพร่าไปเลย

 

 

“ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ” ดยุกกอร์ตั้นมอง เขาอารมณ์ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

แคลร์ไม่ได้พูดอะไรสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะนางรู้สึกไม่สบายใจ ประการแรกคือชะตากรรมของครอบครัวอลิซ ประการที่สองคือคำพูดและการกระทำของดยุกกอร์ตั้น สำหรับจุดจบของตระกูลของอลิซนั้น แคลร์เข้าใจเป็นอย่างดีว่าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิปกป้องแคลร์เกินไปจึงทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ แต่เป็นเพราะดยุกโรมต่างหากที่พยายามปกป้องหลานสาวของตัวเองจนทำให้จักรพรรดิโกรธ ทันใดนั้นความซับซ้อนก็เกิดขึ้นในใจของแคลร์ หากวันหนึ่งชีวิตของนางขัดแย้งกับผลประโยชน์ของตระกูลฮิลล์แล้ว ดยุกกอร์ตั้นจะเลือกอย่างไรนะ?

 

 

ทุกคนออกจากพระราชวังไปด้วยกัน ก่อนหลิวเฉว่ฉิงขึ้นรถม้า ดวงตาของนางก็ยังคงจับจ้องไปที่เจ้าขนปุยนุ่มๆ บนหัวของแคลร์อยู่ พอรถม้าเริ่มออกเดินทาง หลิวเฉว่ฉิงเปิดผ้าม่านเบาๆ ดูเงาที่เล็กลงเรื่อยๆ นางขมวดคิ้วและในทันใดนั้นรูม่านตาของหลิวเฉว่ฉิงก็ขยายออก

 

 

นางจำได้ว่าเจ้าลูกกลมๆ ขนปุยนั้นคือลูกกลมๆ ที่ปรากฏอยู่บนหลังของมังกรดำในวันที่ของขวัญจากเทพีถูกขโมยไป!

 

 

หลิวเฉว่ฉิงระงับความอยากที่จะพูดออกมาเอาไว้ นางแอบมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างๆ นางเข้าใจดีว่าการพูดกับเหลิ่งหลิงยวิ๋นในตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้เขาไม่พอใจนางเท่านั้น เรื่องนี้นางต้องไปบอกกับพระสันตะปาปา มันไม่สายเกินไปที่จะบอกหลิงยวิ๋นหลังจากที่เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้ว ถ้ามันเกี่ยวข้องกับแคลร์จริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องดีสำหรับนาง ทัศนคติของหลิงยวิ๋นที่มีต่อเด็กสาวผู้นั้นดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้

 

 

ตอนนี้แคลร์ลูบหัวของเสือดาวลมและกำลังคุยกับดยุกกอร์ตั้นอยู่

 

 

“แคลร์ กลับบ้านเถอะ วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม่ของเจ้าจะต้องกลับมาหาเจ้าแน่นอน ถ้านางรู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับพ่อของเจ้ากำลังเป็นแบบนี้ นางจะต้องเสียใจแน่ๆ” ดยุกกอร์ตั้นรู้วิธีจับจุดอ่อนของแคลร์

 

 

แคลร์ไม่ได้พูดอะไร นางไม่อยากเจอมาร์ควิสลาเกอร์ผู้ซึ่งเป็นพ่อ พ่อคนนั้นไม่เคยทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อเลย

 

 

“ถ้าแม่ของเจ้าเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เห็นว่าเจ้าไม่ยอมกลับบ้าน นางคงจะเสียใจมาก อีกทั้งวันเกิดของเจ้าก็เร็วๆ นี้แล้ว หรือว่าเจ้าอยากจะไปอยู่ที่บ้านของคามิลล์ตลอดแล้วให้แขกมาหาข้าที่เป็นชายชราผู้นี้น่ะหรือ? เมื่อแม่ของเจ้าก็กลับมา เจ้าจะให้นางไปฉลองวันเกิดของเจ้าที่บ้านของคามิลล์งั้นหรือ?” ดยุกกอร์ตั้นพูดเบาๆ แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าพูดแบบนี้แคลร์จะต้องกลับบ้านแน่นอน

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านปู่ พรุ่งนี้ข้าจะกลับบ้านหลังจากไปดูการประมูลเสร็จ” แคลร์พยักหน้าอย่างประนีประนอม

 

 

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าจะให้อูมาริไปส่งตั๋วสีทองให้แก่เจ้า เจ้าจะประมูลเอาอะไรก็ได้ที่เจ้าชอบ นี่เป็นของขวัญวันเกิดจากปู่ของเจ้า” ดยุกกอร์ตั้นยิ้มและบอกการตัดสินใจของเขา อูมาริเป็นคนที่แคลร์เคารพมาก การที่เขาส่งอูมาริไปเช่นนี้ แคลร์จะไม่กลับบ้านได้อย่างไรล่ะ?

 

 

…………………………………………………………………………….