“ข้ารู้ แต่ว่าเพื่อนๆ ของข้าคงยังต้องอยู่ที่บ้านของอาจารย์คามิลล์ชั่วคราวก่อน เพราะคงไม่ดีถ้าพวกเขาต้องมาเจอกับท่านพ่อ” แคลร์พูด

 

 

“อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ข้าตำหนิเขาไปแล้ว มันจะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก เจ้าพาเพื่อนๆ ของเจ้ากลับไปที่บ้านเถอะ” ดยุกกอร์ตั้นกำลังนึกถึงชายผมดำชุดดำผู้นั้นอยู่

 

 

“ค่ะ” แคลร์ตอบรับอย่างไม่เต็มใจนักพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นนางก็เดินไปขี่เสือดาวลม “เช่นนั้นข้าจะกลับไปที่บ้านของอาจารย์คามิลล์ก่อน แล้วข้าจะกลับบ้านเมื่อการประมูลสิ้นสุดลงในวันมะรืน”

 

 

“อื้ม” ดยุกกอร์ตั้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

 

แคลร์ขี่เสือดาวลมไปตามถนน ในใจก็รู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย เมื่อนึกถึงภาพดยุกโรมที่ยืนตัวสั่น อลิซที่มีดวงตาที่แสดงความเกลียดชัง ดยุกกอร์ตั้นที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม นางไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบตัวที่จับจ้องมาที่นาง สาวสวยผมบลอนด์และตาสีฟ้าขี่เสือดาวลมย่อมเป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก

 

 

“จิ๊บๆ …” ไป๋ตี้ค่อยๆ ลงมาจากหัวของแคลร์ มานั่งบนไหล่ และเลียคอของแคลร์เบาๆ

 

 

“ไป๋ตี้…” แคลร์อุ้มไป๋ตี้แล้วมองไป๋ตี้ในอุ้งมือของนาง “เจ้ากำลังปลอบใจข้าหรือ? “

 

 

“ท่านแม่ เจ้าลูกชิ้นนี่ไม่เสถียรเลย มันมีพลังที่น่ากลัวมากแต่ไม่สามารถระเบิดพลังออกมาได้ในทุกเวลา ปกติแล้วจึงเป็นเหมือนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ในตอนนี้มันยังคงเป็นนายของท่านอยู่ ท่านต้องรีบอยู่เหนือกว่ามันให้ได้แล้วบีบให้มันเป็นผู้รับใช้ของท่านแม่” จู่ๆ เสียงที่ไม่มีความสุขของดอกบัวสีทองก็ดังขึ้น

 

 

“จิ๊บๆ! ” ไป๋ตี้โบกมือเล็กน้อยอย่างโกรธเคือง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับคำพูดของดอกบัวสีทอง

 

 

รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของแคลร์ ในที่สุดก็รู้สึกร่าเริงขึ้นได้หน่อย

 

 

“ไปกันเถอะ เสี่ยวเปียว กลับบ้านกัน” แคลร์ตบที่คอของเสือดาวลมเบาๆ ให้เสือดาวลมวิ่งไป

 

 

“ข้า ข้าขอโทษแล้วนะ” ทันใดนั้น เสียงที่น่าสงสารก็ดังเข้ามาในหูของแคลร์

 

 

แคลร์หันหน้าไปมองทางนั้น เห็นสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ข้างถนนและถูกชายร่างใหญ่สองคนกั้นอยู่ทั้งข้างหน้าข้างหลัง ชายร่างใหญ่ตรงหน้าพูดอย่างร้ายกาจ “แค่ขอโทษก็คิดว่าจบแล้วงั้นหรือ ข้าเจ็บตัวเพราะเจ้ามาชน วันนี้ข้าทำงานไม่ได้ เจ้าต้องจ่ายเงินค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้! ” ที่แท้พวกนั้นก็กำลังจะหลอกเอาเงินผู้หญิง เจอเรื่องแบบนี้แคลร์ก็ขี้เกียจจะเข้าไปยุ่ง แต่เมื่อนางเห็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวอย่างชัดเจนก็สั่งให้เสือดาวลมหยุดทันที

 

 

“จ่ายเงินหรือ? ต้องจ่ายเท่าไหร่?” หญิงสาวผู้บอบบางถามด้วยความกลัว

 

 

“เหรียญทองสิบเหรียญ!” ชายร่างใหญ่อ้าปากพูด สิบเหรียญทองเท่ากับค่าใช้จ่ายของครอบครัวธรรมดาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเลย

 

 

“ห้ะ มากมายขนาดนั้นเลยหรือ? … ” หญิงสาวร่างบอบบางร้องไห้ออกมา “ข้า ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก”

 

 

“เจ้ามีเท่าไหร่?” ชายร่างใหญ่ถามอย่างโหดเ**้ยม

 

 

“ข้ามีเพียงเท่านี้…” หญิงสาวร่างบอบบางหยิบกระเป๋าเงินออกมาอย่างระมัดระวังและมองไปในนั้น

 

 

ชายร่างใหญ่คว้ามันมาและเทเงินทั้งหมดในกระเป๋าออกมา ในนั้นมีอยู่เพียงสามเหรียญทองและเหรียญทองแดงอีกจำนวนหนึ่งเท่านั้น

 

 

“ถือว่าเห็นแก่เจ้า ข้าเอาเพียงเท่านี้ก็ได้” ชายร่างใหญ่ยิ้มเยาะ กำลังจะเก็บเงินทั้งหมดไป หญิงสาวร่างบอบบางมองด้วยความกังวลใจ “แต่ แต่นั่นคือเงินทั้งหมดของข้า ถ้าข้าให้เจ้าไป ข้าก็ไม่มีกินข้าวสิ”

 

 

“ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก…” ชายร่างใหญ่โยนกระเป๋าเงินที่ว่างเปล่าทิ้งและหมุนตัวจากไป ชายร่างใหญ่อีกคนก็ตามไปพร้อมกับหัวเราะ

 

 

แต่ทันทีที่เขาหันกลับไป เขาก็เผชิญหน้ากับเสือดาวตัวใหญ่และทรงพลัง เขาตกใจแล้วถอยหนี

 

 

“เอาถุงเงินออกมาแล้วคืนให้นางซะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเสือดาวพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงของนางไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย

 

 

ชายร่างใหญ่สองคนกลืนน้ำลายด้วยความกลัว เห็นได้ชัดว่าหญิงที่ดูเย็นชาตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา คนที่สามารถขี่สัตว์เวทย์เช่นนี้ได้จะเป็นคนธรรมดาได้หรือ?

 

 

“พวกเจ้าหูหนวกหรือไง? ” แคลร์หรี่ตาของนางและท่าทางดูอันตราย

 

 

“อ่า ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ” จู่ๆ ชายร่างใหญ่ก็ได้สติขึ้นมา เขานั่งลงหยิบถุงเงินเมื่อกี้ออกมา จากนั้นก็ยื่นให้แคลร์อย่างระมัดระวัง

 

 

แคลร์คว้ามันมาแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไปให้พ้น”

 

 

ชายร่างใหญ่ทั้งสองรีบวิ่งหนีราวกับกระต่ายตื่นตูมทันที

 

 

“นี่ถุงเงินของเจ้า” แคลร์ลงจากเสือดาวลมแล้วยื่นถุงเงินให้กับหญิงสาวร่างบอบบางที่ยังคงงุนงงอยู่

 

 

“ขอบคุณค่ะ… ขอบคุณมาก นี่คือของที่ระลึกที่แม่ของข้าทิ้งเอาไว้ให้” หญิงสาวร่างบอบบางและสวยงามรับถุงเงินมาอย่างระมัดระวังแล้วขอบคุณ

 

 

“เจ้ายากจนมากเลยหรือ?” แคลร์มองเสื้อผ้าเรียบๆ ของหญิงสาว รวมทั้งสายตาเรียบง่ายนั้นด้วย

 

 

“ครอบครัวของข้ายากจนมาก ข้าอาศัยอยู่บนภูเขากับแม่มาโดยตลอด ข้าเพิ่งออกมาหลังจากที่แม่ของข้าเสียชีวิต ข้าอยากจะออกไปดูโลกภายนอกแล้วท้ายที่สุดข้าก็มาที่นี่…” หญิงสาวร่างบอบบางพูด เรื่องที่นางจนไม่ได้มีอะไรน่าอายเลย

 

 

รอยยิ้มที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นที่มุมปากของแคลร์แล้วนางก็พูดอย่างชัดเจน “เจ้ามาทำงานให้ข้าแล้วข้าจะให้ปีละหนึ่งร้อยเหรียญทอง มีอาหาร มีเสื้อผ้า ได้อาศัยอยู่ในที่ดีๆ ได้กินอาหารอร่อยๆ และก็ได้สวมเสื้อผ้าใหม่ๆ ด้วย”

 

 

“จริงหรือ? ” หญิงสาวร่างบอบบางพูดด้วยความประหลาดใจ “มีที่ดีๆ ขนาดนั้นด้วยหรือ? “

 

 

“จริงสิ ข้าจะให้ทำสัญญากับข้าห้าปีก่อน หลังจากนั้นหากเจ้ารู้สึกว่ามันไปได้ดี เราก็จะเซ็นสัญญากันอีกครั้ง ถ้าเจ้าทำได้ดี ข้าจะเพิ่มเงินให้เจ้าด้วย” แคลร์ยิ้ม

 

 

“เยี่ยมมากเลย พี่สาวเป็นคนดีมากจริงๆ! ” หญิงสาวร่างบอบบางดีใจจนแทบกระโดด

 

 

แคลร์ยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ ดวงตาของนางมองไปที่คันธนูและลูกศรที่ด้านหลังของหญิงสาว สายธนูบางๆ เกิดจากการใช้งานบ่อยครั้ง หากเป็นคันธนูธรรมดาคงหักไปนานแล้ว แต่คันธนูนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนรูปลักษณ์ของมัน มือที่บอบบางของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยรอยที่ข้อมือผิดกับรูปลักษณ์ของนาง มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ หญิงผู้นี้เป็นนักธนูที่ทรงพลังมากและถนัดยิงได้ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา!

 

 

หนึ่งร้อยเหรียญทอง วันนี้กำไรจริงๆ!

 

 

“เจ้าชื่ออะไร? ” แคลร์ตบที่ด้านหลังตัวเองเป็นการบอกให้หญิงสาวขึ้นมานั่ง

 

 

“ข้าชื่อเฉียวฉู่ซิน” หญิงสาวขึ้นมาบนเสือดาวลมโดยไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย

 

 

“อื้อ ข้าชื่อแคลร์ จากนี้ไปจะเป็นเจ้านายของเจ้า เป็นหัวหน้าของเจ้า ผู้นำของเจ้า ต่อไปเจ้าจะต้องฟังคำสั่งข้า เข้าใจหรือไม่? ” แคลร์เริ่มพูดล้างสมองอย่างไร้ยางอายตั้งแต่ตอนนี้ ในใจก็ตกใจเล็กน้อย นี่เป็นนามสกุลเก่าอีกเช่นกัน ทวีปนี้มีความเชื่อมโยงกับโลกตะวันออกแบบไหนกันนะ?

 

 

“ตกลง เช่นนั้นข้าต้องเรียกเจ้าว่าอะไร? ” เฉียวฉู่ซินตอบรับ ในใจของนาง พี่สาวคนสวยผู้นี้เป็นคนที่ดีที่สุดแล้ว นอกเหนือจากแม่ของนาง

 

 

“เรียกข้าว่าแคลร์ก็พอ แต่เจ้าต้องฟังข้าอย่างเคร่งครัด แน่นอน ข้าจะไม่ให้เจ้าทำสิ่งที่ขัดกับสิ่งที่เจ้าเชื่อถือหรอก” แคลร์พูดเสริม

 

 

“ได้ ไม่มีปัญหา” เฉียวฉู่ซินตอบตกลงอย่างมีความสุข

 

 

แคลร์ตบหลังเสือดาวลมใต้ร่างของนางให้มันวิ่งออกไป และตรงไปที่บ้านของคามิลล์ นางเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนเลยแถมยังใช้เวลาทำนู่นนี่มาทั้งวัน ได้เวลาพักผ่อนแล้ว

 

 

เมื่อกลับมาถึงที่บ้านของคามิลล์ แคลร์ก็พาเฉียวฉู่ซินไปที่ห้องหนังสือของคามิลล์ และขอให้นางเซ็นสัญญาห้าปี หลังจากเสร็จเรื่องทุกอย่างแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

 

 

“เจ้าเอาตั๋วทองคำใบนี้ไปก่อน ข้าจ่ายค่าจ้างปีแรกให้เจ้าก่อนเลย ถ้าไม่พอก็มาบอกข้าอีกที ข้าจะกลับบ้านพรุ่งนี้แล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะจัดสถานที่ที่สะดวกสบายให้เจ้าอยู่” แคลร์หาวและพูดรับปาก ไม่สนใจกลุ่มคนที่ต่างพากันสงสัยอยู่ที่ประตูนั้นเลย

 

 

“ซัมเมอร์ เจ้ามานี่” แคลร์กวักมือเรียกซัมเมอร์

 

 

“ทำไมหรือ?” ซัมเมอร์เดินมาด้วยความสงสัย

 

 

“นี่คือเฉียวฉู่ซิน ต่อไปนางจะเป็นคนของเราด้วย เจ้าพานางไปซื้อเสื้อผ้าหน่อยสิ ซื้อเสื้อผ้าที่นางชอบแต่ไม่กล้าซื้อ และแนะนำให้พวกเขารู้จักกันด้วย ข้าจะพักผ่อนก่อนแล้ว ข้าเหนื่อยมาก วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลย ไว้ข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง พรุ่งนี้เราจะไปงานประมูลกัน” แคลร์หาวและสั่ง

 

 

ซัมเมอร์เม้มปาก นี่มันอะไรกัน? โยนทุกอย่างให้นางเช่นนี้เลยหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคนที่แคลร์พากลับมาเองไม่ใช่หรือไง?

 

 

“ฉู่ซิน เจ้าไปกับซัมเมอร์ก่อนนะ ข้าไปพักก่อน ข้าเหนื่อย” แคลร์หาวและเดินจากไป

 

 

“จะให้ไปซื้อของ เจ้าก็ต้องให้เงินสิ” ซัมเมอร์รีบเรียกแคลร์

 

 

“เจ้ามีเงินตั้งมาก ซื้อของให้เพื่อนใหม่ของเราสักหน่อยจะตายหรือไง? ” แคลร์ตำหนิอย่างรำคาญและเดินกลับไปที่ห้อง

 

 

“ขี้เหนียว น่ารังเกียจ! ” ซัมเมอร์บุ้ยปากและก่นด่า แต่หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นมาก เพื่อน นางที่อยู่คนเดียวมาโดยตลอดมีเพื่อนแล้ว นี่คือความรู้สึกอบอุ่นที่แคลร์มอบให้นาง

 

 

“แคลร์ไม่ได้ขี้เหนียวนะ นางบอกว่าจะให้เงินข้าปีละร้อยเหรียญทอง รวมทั้งอาหาร ที่อยู่อาศัย และเสื้อผ้าด้วย” เฉียวฉู่ซินรีบพูด

 

 

“อะไรนะ?” ทุกคนเริ่มสนใจทันที พวกเขาต่างก็เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

เมื่อเฉียวฉู่ซินเล่าถึงการเจอกันของนางกับแคลร์และเรื่องสัญญา ทุกคนต่างมองหน้ากันและแอบด่าแคลร์ว่าไร้ยางอาย นางไม่เคยใจดีช่วยเหลือใครและยังให้เงินเดือนน้อยมากด้วย แม้ว่ารางวัลนี้จะสูงสำหรับคนธรรมดา แต่ก็เป็นเพียงแค่เล็กน้อยมากสำหรับแคลร์! แคลร์มีความคิดอะไรกัน?

 

 

แม้ว่าทุกคนจะคิดเช่นนั้นในใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมา วิธีการของแคลร์ชัดเจนมาก นางจับจุดอ่อนของผู้อื่น และนำจุดนั้นมาใช้สู้อย่างเต็มที่ ถ้าไม่สู้จนคนอื่นกระอักเลือด นางก็จะไม่หยุด

 

 

“มา ข้าจะแนะนำเจ้า ต่อไปเจ้าจะเป็นเพื่อนร่วมทางของเรา” ซัมเมอร์ยิ้มและเริ่มแนะนำทุกคน อันที่จริงนางเพิ่มประโยคในใจอีกหนึ่งประโยค จากนี้ไปเจ้าจะตกเป็นทาสของแคลร์เหมือนกับพวกเรา…

 

 

แคลร์จามเสียงดังเมื่อเดินไปที่ประตู แคลร์ลูบจมูกของนาง นางไม่น่าจะเป็นหวัดในอากาศแบบนี้หรอกนะ?

 

 

……………………………………………………………………………..