ตอนที่ 143 เจ้ายังไม่ตาย? + ตอนที่ 144 ต้องยังมีชีวิต! Ink Stone_Romance
ตอนที่ 143 เจ้ายังไม่ตาย?
“ขอรับ!”
ชายชุดดำขานรับ คิดจะดึงผ้าคลุมหน้าลงเพื่อดูหน้าจริงนางตั้งนานแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาส
เห็นชายชุดดำเดินก้าวยาวมา มือเฟิ่งจิ่วแอบแนบลงบริเวณต้นขาอย่างไร้ร่องรอย มองไปทางชายวัยกลางคน สายตาจับจ้องเขา แววตาเหลียวลงเล็กน้อย ราวกับกำลังแย้มยิ้มกริ่ม
เห็นภาพเช่นนี้ ชายวัยกลางคนยิ่งขมวดคิ้วลึกขึ้น คิดว่าสาวน้อยผู้นี้ช่างประหลาดนัก กำลังจะเอ่ยปากเตือน กลับเห็นสาวน้อยที่เดิมทรุดนั่งบนพื้นผุดลุกขึ้น ตวัดมีดที่ประกายแสงเย็นเยียบในมือ เวลาต่อมาใบมีดแหลมคมที่มีไอสังหารเยือกเย็นก็โจมตีไปทางชายชุดดำตรงหน้า
“ระวัง!”
เสียงตะโกนลอยไป เหล่าชายชุดดำรอบๆ พลันโต้ตอบมา กลับทำได้เพียงมองชายชุดดำที่โน้มตัวลงไปดึงผ้าคลุมหน้าสาวน้อยแข็งทื่อไปทั้งร่าง ก่อนจะส่งเสียงอู้อี้ทรุดลงไป
“ผัวะ!”
“เจ้า เจ้า!”
ชายชุดดำที่จับนางมาก่อนหน้านี้เบิกดวงตากว้างอย่างตกตะลึง มองสาวน้อยที่กลิ่นอายทั่วร่างเปลี่ยนไปด้วยความเหลือเชื่ออยู่บ้าง
ความอ่อนแอก่อนหน้าตอนนี้ถูกความบ้าคลั่งเข้าแทนที่ เดิมทีบนร่างไม่มีกลิ่นอายพลังเร้นลับแม้แต่น้อย ทว่าเวลานี้ นางกลับยืนอยู่ตรงนั้น บนร่างมีพลังเร้นลับแกร่งกล้าที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากำลังพลุ่งพล่าน กลิ่นอายพลังเร้นลับเช่นนั้นถึงกับหลั่งไหลออกมามากกว่าใครๆ ในหมู่พวกเขาเสียอีก!
สองดวงตาที่เดิมเคยมีความตื่นตกใจกลัว ตอนนี้หรี่ลงเล็กน้อย ที่ประกายอยู่ในดวงตาคือกลิ่นอายที่ผึ่งผายชั่วร้าย ถ้าไม่เห็นกับตา เขาถึงกับไม่กล้าเชื่อว่าสาวน้อยตรงหน้ากับคนที่ปวกเปียกเมื่อครู่จะเป็นคนเดียวกัน!
เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ตรงนั้น ในมือเล่นมีดที่ทั้งประณีตและแหลมคม ดวงตาที่หรี่ลงเหลียวมองผ่านเหล่าชายชุดดำ จากนั้นค่อยจับจ้องบนร่างชายวัยกลางคน
“ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะได้พบคนคุ้นเคย ช่างบังเอิญเสียจริง!”
ฟังคำพูดนี้ ชายวัยกลางคนเสียงเข้มไปบ้าง ในดวงมีประแสงแวบผ่าน “คนคุ้นเคยรึ? ในเมื่อเป็นคนคุ้นเคย ใต้เท้ายังจะผูกผ้าคลุมหน้าไม่กล้าให้ใครเห็นไปทำไมเล่า?”
“หึๆ…”
เธอหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะดั่งกระดิ่งเงินกังวานหวานหู ชัดเจนใสแจ๋วอย่างมากในค่ำคืนเงียบสงบ
เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง น้ำเสียงก็มีความชะล่าใจเจ็ดส่วนรวมถึงความหยิ่งยโสอีกสามส่วน “ไม่ใช่ไม่กล้าให้ใครเห็น แต่พวกท่านยังไม่มีค่าพอจะเห็นใบหน้าข้า”
แววตาเธอกวาดมองในลานบ้านแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ที่นี่คงไม่ใช่แหล่งกบดานของพวกเจ้ากระมัง? ข้าสงสัยนัก ว่าซูรั่วอวิ๋นมีกองกำลังลับอยู่เท่าไหร่กันแน่”
ได้ยินคำพูดนี้ แววตาชายวัยกลางคนก็หรี่ลง ตื่นตระหนกเสียจนเกิดพายุโหมขึ้นในหัวใจ ก้าวย่างถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สายตาที่ปราดเปรียวชั่วร้ายถลึงมองนางไม่วางตา เหมือนอยากจะมองใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นให้ออก
“เป็นเจ้า? เจ้ายังไม่ตาย?”
คนที่รู้เรื่องนั้นมีไม่กี่คน สาวน้อยนี่ เป็นเฟิ่งชิงเกอคนนั้นรึ? ก็ว่า ไม่แปลกใจที่พอเขามองรูปร่างคิ้วตานางแล้วจะคุ้นเคยอยู่บ้าง ที่แท้ก็เป็นสาวน้อยที่พวกเขาต่างคิดว่าตายไปแล้วนี่เอง!
แต่เวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน นางจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ได้เช่นไร?
กลิ่นอายชั่วร้ายทั่วร่างที่ดุเดือดกระหายเลือด ยังมีความมั่นใจซุกซนที่กระจายออกมาบนร่าง หากนางไม่เอ่ยประโยคนั้น เขาก็เดาไม่ออกว่าที่จริงนางเป็นใครกันแน่? และยิ่งมองไม่ออกว่าสาวน้อยคนนี้จะเป็นเฟิ่งชิงเกอ…
“หากตายแล้วจะมาแก้แค้นพวกเจ้าได้อย่างไรกัน?”
ภายใต้ผ้าคลุมหน้า มุมปากเธอยกขึ้นมาบ้าง สายตาจับจ้องเขา เดินเข้าไปใกล้ทีละก้าวๆ “บางที เจ้าลองดูก็ได้ว่าวันนี้จะหนีจากเงื้อมมือข้าไปได้หรือไม่?”
………………………………
ตอนที่ 144 ต้องยังมีชีวิต!
ฟังคำพูดนี้ ชายวัยกลางคนก็แหงนหน้าหัวเราะร่า “ฮ่าๆๆๆ! ช่างน่าขันเสียจริง! เพราะเจ้าอยากเก็บข้าไว้รึ? จะใสซื่อเกินไปหน่อยกระมัง!”
แววตาดั่งนกล่าเหยื่อถลึงมองนาง ใบหน้าเผยท่าทางชั่วร้าย มือหนึ่งดึงกระบี่ออกมาจากข้างเอว กล่าวอย่างมืดมนว่า “หนีรึ? ลำพังเจ้าคนเดียวยังทำข้าตกใจหนีเตลิดไม่ได้เลย! ตรงข้ามกัน ครั้งนี้เจ้าจะไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก!”
“น้องข้า! ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
กวนสีหลิ่นที่ไล่ตามสัญลักษณ์ที่เฟิ่งจิ่วทิ้งไว้กระโดดขึ้นกำแพงบ้านมา ยืนมองผู้คนในลานบ้านอยู่ด้านบน หลังจากพินิจมองรอบหนึ่ง ก็พูดว่า “เจ้าจัดการตาเฒ่านั่น คนอื่นข้าจัดการเอง”
สิ้นสุดน้ำเสียง ก็โผตัวกระโจนไป กระบี่คมในมือกวัดแกว่ง พลังกระบี่เย็นเยียบพลันโจมตีเข้าหาชายชุดดำในลานบ้าน
เห็นเขาตามมาได้ มุมปากใต้ผ้าคลุมหน้าก็ยกขึ้นน้อยๆ ไม่ลืมกำชับว่า “พี่ชาย รอบนี้ไว้ชีวิตเหลือให้ข้าสักสองสามคน อย่าฆ่าทิ้งเสียหมดล่ะ”
“ไม่มีปัญหา!”
เขาขานรับเสียงดัง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์มีจิตวิญญาณฮึดสู้อันเยือกเย็น เดิมทีกระบี่คมในมือมุ่งไปยังลำคอของชายชุดดำผู้นั้น ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดนางปลายกระบี่ก็หมุนเปลี่ยนทิศทางดังฟิ้ว โจมตีไปที่ร่างกายอีกฝ่ายแทน
“ยังกล้าตามมาที่นี่อีกรึ? พี่น้องทั้งหลาย ฆ่ามันซะ!”
ชายชุดดำนายนั้นเห็นมือเขาถือดาบพุ่งเข้าหา จึงตะโกนลั่นทันใด ผู้คนรอบๆ ขานรับเสียงเข้ม คนแปดคนเข้าล้อมเขาไว้ตรงกลางอย่างรวดเร็ว แล้วปลายกระบี่ทั้งแปดเล่มก็เล็งแทงไปหาเขา
บนร่างทุกคนมีไอพลังเร้นลับพรั่งพรู จิตสังหารกระหายเลือด และยังมีพลังกระบี่รุนแรงที่เอ่อล้นจากปลายกระบี่กรีดร้องลั่นอยู่ในลานนี้ สู้กันแปดต่อหนึ่ง จะมองเช่นไรทั้งแปดคนก็ชนะ ด้วยเหตุนี้ หลังจากชายวัยกลางคนเพียงกวาดตามองแวบหนึ่ง ก็ไม่สนใจพวกเขาอีก แต่สายตาดั่งนกล่าเหยื่อกลับจับจ้องบนร่างสาวน้อยตรงหน้า
เฟิ่งจิ่วมองทางด้านกวนสีหลิ่นแวบหนึ่งค่อยดึงสายตากลับ ไม่ได้กังวลว่าเขาจะถูกชายชุดดำพวกนั้นฆ่าทิ้ง อันที่จริง ช่วงนี้ที่เขาฝึกฝนวิชาก็ไม่ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์
สายตาเธอจับจ้องบนร่างชายวัยกลางคน ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังเร้นลับในร่างก็ลุกโหม แทรกซึมเข้าสู่มีดสั้นในมือ เวลาต่อมา เงาร่างพลันแวบพุ่งไปยังเป้าหมายตรงหน้า พลังมีดที่ออกมาจากคมมีดในมือก่อตัวเป็นกระแสลมอันดุดัน ตวัดตัดฟิ้วไปกลางอากาศ ชนเข้าหากันกับกระบี่ยาวของอีกฝ่าย
“แกร๊ง!”
ชายวัยกลางคนยกกระบี่ที่ถือในมือขึ้นขวางการโจมตีนางไว้ ยิ้มเย็นเยียบ “จะสู้กับข้ารึ? เจ้ายังอ่อนหัดนัก!” ออกแรงผลัก กระบี่ยาวในมือหมุนลอยตัดไปหานาง
“ฟิ้ว! สวบ!”
ขณะที่เฟิ่งจิ้วเบี่ยงตัวหลบก็ก้าวพุ่งไปด้านหน้า มีดสั้นในมือตวัดดังฟิ้วตัดแขนเสื้อเขาแทงเข้าเนื้อหนัง และกลิ่นคาวเลือดก็ลอยตามมา
เพียงได้ยินเขาส่งเสียงอู้อี้พร้อมใช้กระบี่ยาวโจมตีมา เธอก็รีบใช้กระบี่ยาวขึ้นขวางไว้ทันที ขายกขึ้นถีบ ขณะสายตาเขาตื่นตระหนกตกใจลูกเตะที่เคลือบแฝงด้วยพลังเร้นลับก็ถีบมาบริเวณหน้าอก ทำให้เขาโดนเตะกระเด็นออกไปทันที
“อืม!”
เมื่อเขาร้องในลำคอพลางร่างกายล่าถอย รู้สึกเพียงเส้นเลือดในอกหมุนตลบ เลือดสดพุ่งขึ้นมาที่ลำคอ ก่อนจะกระอักออกจากปาก
“อึก!”
เขาประคองฝีเท้าไว้มั่น ขณะที่ชายตามองไป ดวงตาที่มีความตกตะลึงยากเกินเชื่อก็มองสาวน้อยตรงหน้าที่ลงมืออย่างดุร้าย เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจอยู่บ้าง “เจ้าเป็นเฟิ่งชิงเกอจริงๆ รึ?”
หากเป็นเฟิ่งชิงเกอ จะมีฝีมือถึงเพียงนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนได้อย่างไร? หากไม่ใช่เฟิ่งชิงเกอ ไยรูปร่างท่าทางกลับเหมือนกันเช่นนั้นเล่า? หรือว่าหลายเดือนมานี้นางไปพบโชคอะไรดีๆ เข้า?
คิดถึงตรงนี้ ในดวงตาเขาเป็นประกาย
โชคดี!
ในเมื่อนางพบโชค บนตัวต้องมีความลับอะไรอยู่แน่ๆ!
………………………………