บทที่ 95 บอกกล่าว

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ไปหังโจว!

อวี้หย่วนตกตะลึง

อวี้ถังมองเข้าไปภายในห้อง

ภายใต้แสงไฟที่ริบหรี่ พวกผู้ใหญ่ไม่กี่คนกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก

เวลานี้นางจึงลดเสียงลงหลายส่วน “ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดไปแล้วไม่ใช่รึ? ไม่อาจปล่อยสกุลหลี่ไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ ข้าอยากไปหังโจว ทำความรู้จักกับคุณหนูใหญ่บ้านรองสกุลกู้ผู้นั้นเสียหน่อย”

“เจ้าหมายถึงคู่หมั้นของหลี่ตวน?” อวี้หย่วนหน้าเปลี่ยนสี

อวี้ถังพยักหน้า

“ไม่ได้!” อวี้หย่วนเอ่ยทันที “ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย เรื่องของสกุลหลี่ ข้าย่อมจะจัดการให้เจ้า แต่เจ้าไม่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องอีกแล้ว”

น้องสาวของเขา ดีถึงเพียงนี้

เหตุใดต้องมาแบกรับเรื่องการตายของเว่ยเสี่ยวซานไปตลอดชีวิตเพราะหลี่ตวนคนระยำผู้นั้นด้วย

เรื่องร้ายเช่นนี้ หากมีใครต้องแบกรับ ก็ควรเป็นเขาที่เป็นพี่ชาย

อาถังต้องแต่งงานมีลูกหลาน ใช้ชีวิตด้วยความสงบสุข

“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงข้า” อวี้ถังคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา ชาติก่อน นางก็หวังให้อวี้หย่วนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นกัน ดังนั้นจึงได้แต่งเข้าสกุลหลี่ไป “แต่บางเรื่อง หากข้าไม่ทำด้วยตัวเอง ก็ย่อมไม่อาจสงบสุขได้ชั่วชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น บางเรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด”

อวี้หย่วนเอ่ยอย่างงุนงง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

อวี้ถังนิ่งเงียบ

กู้ซี เป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง ไม่เพียงรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นรองใคร กิริยายังงามสูงส่ง เป็นประเภทที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็สามารถดึงดูดสายตาได้ทันที

ยามที่นางเพิ่งแต่งเข้ามา กู้ซีก็ไม่ได้ชื่นชมนางเท่าใดนัก

เหตุเพราะกู้ซีคิดว่าสกุลที่ให้ลูกสาวตัวเองแต่งกับคนตาย หากไม่ละโมบโลภมากในเงินก็ย่อมกระหายในชื่อเสียงลาภยศของสกุลหลี่ คิดว่าการสั่งสอนของสกุลอวี้ไม่ถูกต้อง แต่ภายหลัง การวางตัวและกระทำเรื่องของอวี้ถังก็ค่อยน่านับถือขึ้นเรื่อยๆ นางจึงมีสีหน้าที่ดีกับอวี้ถัง บางครั้งที่คนสกุลหลินสร้างความลำบากให้นาง กู้ซียังเคยลอบช่วยเหลือนาง ทั้งสองคนจึงเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

ภายหลังกู้ซีทราบเรื่องที่หลี่ตวนปรารถนาในตัวนาง กู้ซีเกลียดชังนางเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่ว่าทั้งสองล้วนเป็นสะใภ้ของสกุลหลี่ อวี้ถังยังแบกชื่อหญิงครองพรหมจรรย์ ทั้งสกุลหลี่ก็คาดหวังให้นางได้ซุ้มเกียรติยศความซื่อสัตย์กลับมา มิเช่นนั้นกู้ซีคงฆ่านางด้วยมือตัวเองไปแล้ว

ต่อมา รู้ว่าหลี่ตวนไม่อาจปล่อยนางไปได้ ขอเพียงอวี้ถังยังอยู่ในสกุลหลี่ หลี่ตวนก็สามารถทำเรื่องฉาวโฉ่น่าตกใจออกมา กระทบถึงอนาคตการเป็นขุนนางไม่ว่า ยังอาจกระทบถึงชื่อเสียงลูกชายทั้งสองของกู้ซี กู้ซีจึงเริ่มเป่าหูหลี่ตวนให้ไล่อวี้ถังออกจากสกุลหลี่ เมื่อเป็นเช่นนี้ สกุลมารดาของอวี้ถังย่อมไร้ทางช่วยเหลือ หลี่ตวนก็สามารถรับอวี้ถังเป็นภรรยาลับได้

ด้วยเหตุนี้หลี่ตวนจึงเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อกู้ซีใหม่ ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาพลันใกล้ชิดสนิทสนมขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

กู้ซีไร้ทางจะจัดการกับอวี้ถังที่มีฐานะเป็นน้องสะใภ้ ทว่ากลับสามารถจัดการอวี้ถังที่อยู่ในตำแหน่งภรรยาลับของหลี่ตวนได้

อวี้ถังในชาติก่อน หลังจากทราบถึงแผนการของกู้ซี ความซาบซึ้งใจที่เกิดจากเรื่องที่กู้ซีเคยลอบช่วยเหลือนาง ทั้งความอึดอัดใจที่เกิดจากหลี่ตวนปรารถนาต่อนางล้วนมลายหายไปหมด

นางถึงกระทั่งสงสัยว่า การตายของลุงใหญ่และญาติผู้พี่อาจจะเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ของกู้ซีด้วยหรือไม่

ยามที่นางอยากออกจากสกุลหลี่ไปสืบสาเหตุการตายของลุงใหญ่และญาติผู้พี่ นางจึงหลอกใช้กู้ซีให้ช่วยเหลือนางอย่างไม่ลังเลสักนิด

กล่าวได้ว่า ใต้หล้าแห่งนี้อวี้ถังเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจกู้ซีมากที่สุดแล้ว

รักก็รักจนลึกลงไปในเถ้าธุลี

เกลียดก็เกลียดจนฝังลึกในกระดูก

ชาติที่แล้ว กู้ซีเป็นฝ่ายลงมือจัดการนางก่อน ชาตินี้ นางตัดสินใจจะเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง

แน่นอนว่า เรื่องทุกอย่างล้วนมีด้านที่ดีและไม่ดีทั้งนั้น ก็ต้องดูว่านางจะเลือกอย่างไร

บางทีนางชิงลงมือก่อน อาจจะนับว่ามอบโอกาสให้กู้ซีครั้งหนึ่งก็ได้

อวี้ถังลอบยิ้มอย่างเยียบเย็น

อวี้หย่วนเห็นแล้วรู้สึกหวาดหวั่นในใจ

ไฉนเขาจึงรู้สึกว่าน้องสาวตัวเองยิ้มคล้ายจะไปทำเรื่องไม่ดี มีความคิดชั่วร้ายแฝงอยู่ในใจเสียอย่างนั้น?

“เจ้า เจ้าจะทำอะไร?” เขาเอ่ยละล่ำละลัก “เจ้าห้ามทำอะไรส่งเดชเชียว! มิเช่นนั้น นอกจากข้าจะไม่พาเจ้าไปหังโจวแล้ว ยังจะรายงานเรื่องนี้กับท่านอาด้วย”

อวี้หย่วนข่มขู่อวี้ถังได้ไม่น่ากลัวสักนิด

อวี้ถังหัวเราะร่า

พี่ชายซื่อบื้อของนางผู้นี้ มักจะปกป้องเข้าข้างนางอยู่ตลอด

“ข้าเข้าใจแล้ว” อวี้ถังยิ้มจนแทบไม่เห็นดวงตา “ข้าไม่อาจทำเรื่องโง่ๆ อยู่แล้ว ข้าเพียงอยากบอกเรื่องที่สกุลหลี่ทำให้คนสกุลกู้รับรู้ ให้คุณหนูกู้ทราบว่าหลี่ตวนเป็นคนเช่นไร”

อวี้หย่วนได้ยินเช่นนั้น ชั่วพริบตาก็คล้ายยกภูเขาออกจากอก “ใช่แล้ว! หลี่ตวนผู้นั้นไม่ใช่คนดิบดีอะไร หากสกุลกู้ทราบเรื่องที่สกุลหลี่ทำ ย่อมถอนหมั้นเป็นแน่ เจ้าทำเช่นนี้ก็นับว่าช่วยเหลือคุณหนูกู้ไปด้วย” เขาพูดจบก็เอ่ยอย่างลังเล “หรือจะรอผ่านฉลองปีใหม่ก่อนแล้วค่อยไป?”

อวี้ถังชะงักไป คล้อยหลังก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ยามที่สกุลหลี่ลักพาตัวข้า ยังไม่สนใจว่าสกุลพวกเรากำลังเซ่นไหว้บรรพบุรุษ? ไฉนพวกเราต้องใส่ใจด้วยว่าสกุลพวกเขาจะฉลองปีใหม่หรือไม่?”

“ก็ได้!” อวี้หย่วนเอ่ย

อวี้ถังแค่นเสียงในลำคอ

หากสกุลกู้และสกุลหลี่สามารถถอนหมั้นเช่นนี้ได้ ย่อมเป็นโชคดีของกู้ซี กลัวก็แต่ว่าสกุลกู้จะไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด

แต่อาศัยจากความเข้าใจที่นางมีต่อกู้ซี หลังจากกู้ซีทราบว่าหลี่ตวนทำเรื่องอะไรไปบ้าง ย่อมจะดูแคลนสกุลหลี่ ดูแคลนหลี่ตวน

โดยเฉพาะเรื่องที่สกุลหลี่สรรหากลอุบายมาใช้มากมาย สุดท้ายกลับประสบกับความล้มเหลว

เช่นนั้นหากกู้ซีแต่งเข้ามา ยังจะสามารถโอนอ่อนผ่อนปรนให้สามีที่นับถือตัวเอง ทั้งสกุลหลินที่ปฏิบัติตัวดีกับนางหรือไม่?

อวี้ถังอยากรู้เป็นอย่างมาก

“เช่นนั้นท่านจะไปเมืองหังโจวเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?” นางดึงแขนเสื้ออวี้หย่วน “หากท่านไปหังโจวเป็นเพื่อนข้า ข้าจะทำดอกบัวแฝดสีชมพูประดับผมให้พี่สะใภ้ รับรองว่านางสวมออกไปไหนย่อมงามไม่มีใครเทียบได้”

อวี้หย่วนใจคล้อยตามทันที

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย “ทำผีเสื้อคู่หนึ่งอยู่บนดอกบัวแฝดด้วยได้หรือไม่”

อวี้หย่วนเคยเห็นดอกไม้ผ้าที่อวี้ถังทำ พวกแมลงนกนั้นทำได้ประณีตงดงามอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่อาจทำได้

อวี้ถังชื่นชอบอวี้หย่วนที่เป็นเช่นนี้อย่างยิ่ง รู้จักไล่ตาม รู้จักความรัก แต่นางยังคงอดหยอกล้อพี่ชายไม่ได้ “พี่สะใภ้ยังไม่ทันได้แต่งเข้ามา ท่านก็เริ่มรังแกน้องสาวเสียแล้ว ท่านรู้หรือไม่ แมลงเอยนกพวกนั้นเอย ล้วนใช้เวลาในการทำมากกว่าดอกไม้ผ้าทั่วไปอย่างมากวันสองวันก็ทำเสร็จแล้ว แต่หากเติมพวกแมลงดอกไม้ก็ต้องใช้ถึงสี่ห้าวัน ท่านไม่กลัวว่าข้าจะหน้ามืดตาลายหรือไร?”

“ข้า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” อวี้หย่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังอยากให้อวี้ถังช่วยทำดอกไม้ผ้าประดับผีเสื้อให้คุณหนูเซียงที่สุด ทำได้เพียงเอ่ย “น้องสาวคนดี รอยามที่เจ้าแต่งงาน ข้าจะให้พี่สะใภ้เจ้าช่วยทำรองเท้าให้เจ้าดีหรือไม่”

“ยามที่ข้าแต่งงานไม่ทำรองเท้าเองหรอก!” อวี้ถังเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าจะให้ท่านพ่อสั่งทำจากร้านตัดผ้าโดยตรง”

อวี้หย่วนอับจนหนทาง ลุกลี้ลุกลนขึ้นมา

อวี้ถังหัวเราะลั่น “เช่นนั้นท่านจะไปหังโจวเป็นเพื่อนข้าหรือไม่?”

“ไปๆ” อวี้หย่วนตอบทันควัน

“เช่นนั้นท่านก็หาข้ออ้างให้พวกเราไปหังโจวด้วย” อวี้ถังยังคงกดขี่เขาต่อ

เห็นท่าทีของอวี้หย่วน รอจนเขาแต่งงานแล้ว เขาย่อมใกล้ชิดสนิทสนมกับภรรยาและลูกๆ เป็นที่สุดแน่ นางคงไม่อาจบงการได้อีกแล้ว ฉวยที่ยามนี้ยังมีโอกาส จึงไม่คิดปล่อยเขาไปง่ายๆ

อวี้หย่วนรับปากทันที

เวลานี้อวี้ถังกับเขาจึงค่อยกลับเข้าไปในห้องโถงที่มีกะละมังไฟให้ความอบอุ่นอยู่

ไม่รู้ว่าเพื่อแก้แค้นสกุลหลี่ หรือกังวลเรื่องเอาใจคุณหนูเซียงด้วยดอกไม้ผ้า อวี้หย่วนจึงหาข้ออ้างพาอวี้ถังไปหังโจวได้อย่างรวดเร็ว…ร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้เปิดกิจการอีกครั้ง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เขาต้องไปเมืองหังโจว ดูว่าร้านค้าเครื่องลงรักคนอื่นขายสินค้าแบบใดบ้าง สาเหตุที่พาอวี้ถังไป ก็เพราะอยากให้นางช่วยดูว่าเครื่องลงรักพวกนั้นแกะสลักแบบใด ทางที่ดีที่สุดคือร่างภาพกลับมาให้พวกอาจารย์ดูได้ ต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็จะย่อมรู้ว่าควรวางขายเครื่องลงรักแบบใดในร้านค้าบ้าง

“อาถังจะไหวรึ?” อวี้เหวินเอ่ยอย่างสงสัย “แค่นางวาดคิ้วยังจะออกมาเป็นนก เจ้าไม่กลัวว่านางจะวาดแบบจนผิดเพี้ยนไปหมดรึ?”

อวี้ถังโมโหจนไม่อยากพูด

อวี้หย่วนกลับหัวเราะ “แต่อาถังฉลาดนี่นา! หากแค่อยากหาคนวาดแบบ มิสู้ข้าพาอาจารย์ในร้านไปดีกว่า!”

“นั่นก็ถูก” อวี้เหวินฟังก็ภูมิใจขึ้นมา กำชับอวี้ถัง “เจ้าต้องดูให้ละเอียดล่ะ อย่าให้พี่ชายเจ้ากลับมามือเปล่า ไม่มีอะไรส่งมอบให้ลุงใหญ่เจ้าได้เชียว!”

“ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ” อวี้ถังคุยโม้อย่างไม่กระดากอาย “รอข้าและท่านพี่กลับมา รับรองว่าสินค้าที่วางขายในร้านปีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างมากแน่”

อวี้เหวินและอวี้ป๋อไม่เชื่อสักนิด มองเพียงว่าอวี้ถังกำลังคุยโว แต่กลับเห็นด้วยให้อวี้หย่วนพาอวี้ถังไปเปิดหูเปิดตาที่หังโจว คนสกุลเฉินก็แอบให้เงินอวี้ถังอีกสองตำลึง นางอยากได้อะไรก็ให้ซื้อกลับมา “หากไม่เจอของถูกใจก็ไม่ต้องซื้อ รอจนต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ข้าและป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าจะไปหังโจว ถึงเวลานั้นค่อยซื้อเสื้อผ้าของใช้ให้เจ้าก็ไม่สาย”

อวี้ถังตอบรับอย่างเบิกบานใจ

วันออกเดินทาง อวี้ถังสวมชุดคลุมเนื้อหยาบสีเขียว มวยผมจุกสองข้าง สะพายห่อผ้าสีดำ ทั้งโพกศีรษะด้วยผ้าสีเดียวกัน นั่งเรือไปหังโจวกับอวี้หย่วน

ระหว่างทางอวี้หย่วนกลัวว่านางจะตากลม จึงหาที่นั่งมุมหนึ่ง ก่อนจะไปขอน้ำร้อนจากคนเรือมาใส่โถน้ำร้อนให้อวี้ถังอังไว้ในอก เอ่ยถามนางเสียงเบา “เจ้าวางแผนจะส่งข่าวให้สกุลกู้อย่างไร?”

เรื่องคนอื่นอวี้ถังอาจจะไม่กระจ่างชัด แต่เรื่องของกู้ซี นางเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง

เพื่อให้อวี้หย่วนสบายใจ อวี้ถังจึงกระซิบบอก “ข้าสืบได้ตั้งนานแล้ว คุณหนูกู้ผู้นั้นมีแม่นมคนหนึ่ง เมื่อก่อนเป็นสาวใช้สินเดิมของนายหญิงกู้ จงรักภักดีต่อคุณหนูกู้เป็นอย่างมาก นางมีลูกชายคนหนึ่ง ทำงานเป็นเด็กในร้านขายผ้าไหมแห่งหนึ่งของสกุลกู้ตรงประตูอู่หลิน ทุกครึ่งเดือน แม่นมของคุณหนูกู้จะหาวิธีออกจากจวนไปเยี่ยมเยือนลูกชายคนนี้ ถึงเวลานั้นพวกเราไปพบแม่นม แสร้งเล่าเรื่องสกุลหลี่ออกไปอย่างไม่ตั้งใจ แม่นมได้ฟังข่าวลือ ย่อมไปสืบเรื่องราว ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วัน เรื่องทางเมืองหลินอันก็คงแพร่กระจายมาถึงหังโจวแล้ว”

อวี้หย่วนเอ่ยคำว่าดีออกมาอย่างไม่ขาดปาก “หากสกุลกู้ถอนหมั้นกับสกุลหลี่เพราะเรื่องนี้ย่อมดีเป็นที่สุด”

อวี้ถังไม่ได้ตอบกลับ เปลี่ยนไปประเด็นอื่นแทน “ครั้งนี้พวกเรายังพักโรงเตี๊ยมหรูอี้เหมือนเดิมหรือไม่?”

โรงเตี๊ยมหรูอี้ไกลจากประตูอู่หลินอยู่บ้าง ทว่าพวกเขากลับคุ้นเคยกับเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ย ด้านหน้ายังมีโรงรับจำนำของสกุลเผย น้องชายของเถ้าแก่ใหญ่ถงก็เป็นเถ้าแก่ที่นั่น ครุ่นคิดดูก็รู้สึกว่าสนิทใจมากกว่า

คาดว่าอวี้หย่วนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน “เจ้าบอกว่าอยากซื้ออุปรณ์ทำปิ่นดอกไม้เสียหน่อยไม่ใช่รึ? ทางนั้นจะใกล้กว่าหน่อย”

อวี้ถังเอ่ยตำหนิ “ท่านพี่ ภายหลังเจ้าต้องรู้จักมีไหวพริบเสียบ้าง ดอกบัวคู่ของใครมีผีเสื้ออยู่กัน ผีเสื้อกระพือปีกเริงระบำ อยู่กันเป็นคู่ แต่กลับตายไวด่วนจาก หากจะเพิ่มก็ต้องเพิ่มแมลงปอ ภายหลังหากเจ้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ก็ถามพี่สะใภ้ อย่าตัดสินใจเอาเอง ครั้งนี้พวกเรามาเมืองหังโจว ข้าจะช่วยท่านหาดูแล้วกัน เพิ่มไข่มุกทำเป็นเม็ดน้ำค้าง นั่นถึงจะดูดี!”

อวี้หย่วนหัวเราะร่อ

ไม่นานเรือก็เทียบท่า พวกเขาซื้อของกิน ก่อนจะเดินทางไปโรงเตี๊ยมหรูอี้ที่ตั้งบนถนนอวี้เหอ

—————–