หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.386 – แสดงความนับถือแด่ทุกคน

 

ร่างของกู่ฉิงซานผุดออกมาอยู่ข้างกองโขดหิน

 

ด้วยสกิลเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว ส่งผลให้เขาสามารถก้าวข้ามผ่านมายังจุดที่ห่างไกลออกไปได้ในทันที

 

ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็นจากเบื้องหลัง ปรากฏกลิ่นอายร้ายแรงกวาดตามมา

 

นี่คือกลิ่นอายเฉพาะของอสูรกาย!

 

การดำรงอยู่ที่ชิงชังซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งมวล

 

ฆ่าสังหารเพื่อความสุข

 

เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายนี้ กู่ฉิงซานก็มิได้วิ่งหนีก่อนในทีแรก

 

คู่กรงเล็บของเขาจึกจมลึกลงบนผนังหิน คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ปากอ้าหอบหายใจหนักหน่วง

 

นี่คือกลิ่นอายเดียวกันกับในโลกก่อนหน้า

 

กลิ่นอายที่เป็นความทรงจำอันมิอาจลบเลือนออกไปได้

 

ภาพในอดีตพลุ่งพล่านเข้ามาในจิตใจดั่งกระแสธาร มันคือความทรงขำที่กู่ฉิงซานไม่ต้องการจะนึกถึง

 

—-

 

ใครบางคนตะโกนรายงานทั้งน้ำตาออกมา “นายพลกู่ กองกำลังติดอาวุธแนวหน้าได้ปะทะกับตัวตนที่มีลักษณะตรงตามข้อมูลของอสูรกายที่ถูกระบุไว้ แต่พวกเขาไม่ได้ตอบกลับมาเลย คาดว่าคงถูกสังหารลงโดยอสูรกายตนนั้นไปแล้ว!”

 

“จำนวนคนที่เสียชีวิตล่ะ?”

 

“ 300000! 300000คน! นายพลกู่!”

 

—–

 

ฟู่ว … ฟู่ว …

 

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ทว่ากลับสัมผัสได้ว่าหน้าอกของตนกำลังรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

 

อากาศหนาวเย็นที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินถูกสูดดมเข้ามาในร่างกายของเขา มันได้ฝืนบังคับให้ตัวเขาสงบลงอย่างไม่เต็มใจ

 

หลังจากนั้นจิตสัมผัสเทวะก็ถูกปล่อยออกไปอีกที พร้อมกับร่างของกู่ฉิงซานที่หายวับไป

 

ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วครั้งที่สอง!

 

ทันใดนั้นเอง กู่ฉิงซานก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางดงมาร

 

ที่นี่ยังคงมีเผ่ามารอยู่มากมาย และส่วนใหญ่ก็อยู่ในสภาวะตื่นตัวอยู่ก่อนแล้ว

 

พวกมันได้สร้างชั้นป้องกันขึ้นที่นี่

 

เพราะหลังจากทั้งหมดนี้ นี่คือเส้นทางส่วนสุดท้ายก่อนการเข้าสู่ปรภพ

 

และเผ่ามารจะไม่อนุญาตให้ร่างจิตวิญญาณใดๆเข้าสู่ปรภพได้!

 

กู่ฉิงซานที่กำลังผวาถูกเบียด กระแทกไปมาโดยเผ่ามารตนอื่นๆจนโซซัดโซเซ

 

“เกะกะ! ตายซะ!”

 

เขาโบกกรงเล็บแหลมออกไปอย่างแทบจะไม่อาจควบคุม

 

เลือดสาดกระจายไปทั่วอากาศ

 

เผ่ามารระเบิดเสียงโหยหวนสยองขวัญออกมา

 

แล้วกู่ฉิงซานก็หายตัวไป

 

และโผล่ออกมาอีกครั้งท่ามกลางฝูงมารอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งห่างจากกลุ่มเดิมไปกว่าหลายร้อยลี้

 

เขาพยายามทะยานต่อไปข้างหน้าด้วยความสิ้นหวัง

 

เผ่ามารบางตนเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ

 

อย่างไรก็ตาม มันก็แค่นั้น พวกมันยังมิได้รับข่าวคราวใดๆ จึงยังไม่มีมารตนใดคิดจะกำจัดเขา

 

กู่ฉิงซานวิ่งเต็มกำลัง แต่แล้วจู่ๆเขาก็สะดุดขาตัวเอง ร่วงตกลงไปกลิ้งกับพื้น

 

นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรกายที่ไล่ตามติดเขามาอย่างใกล้ชิด

 

ราวกับถูกกระตุ้นเตือน ภาพแห่งความทรงจำในส่วนลึกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

——–

 

ณ ภูเขาลูกหนึ่ง

 

บนภูเขา เต็มไปด้วยซากศพของมนุษย์

 

ขณะนี้ ใบหน้ายักษ์อันแสนดุร้าย โผล่ออกมาจากอีกด้านหนึ่งของภูเขา สายตาของมันจดจ้องมายังค่ายทหารเผ่ามนุษย์

 

“นายท่านกู่ รีบหนีไปเร็วเข้า หนีไปโดยเร็ว!”

 

“เจ้าไปเถอะ ข้าน่ะเป็นผู้ฝึกดาบ ดังนั้นคงจะสามารถถ่วงเวลามันได้สักพัก!”

 

ได้ฟังดังนั้น ฝูงชนทั้งกลุ่มก็ไม่คิดเปล่งวาจาอีกต่อไป ทั้งหมดช่วยกันรุมล็อคตัวเขา และฉุดลากออกไป

 

ขณะที่เหล่าผู้สวมใส่เกราะรบจำนวนมากและผู้บัญชาการอีกคนก้าวออกมาเบื้องหน้าเขา พร้อมกับทะยานตัวออกไปต้อนรับเจ้าอสูรกายถึงที่

 

“นายท่านจะตายไม่ได้! พวกเรามาช่วยหยุดมันกันเถิด”

 

“จงฟังคำสั่งข้า! กลุ่มแรกมุ่งหน้าไปก่อน!”

 

“ส่วนกลุ่มที่สอง มากับข้า!”

 

“ทุกคนเตรียมปะทะ!”

 

“สะกดมันไว้!”

 

แล้วใบหน้ายักษ์ที่มีขนาดเทียบเคียงกับภูเขาก็ค่อยๆอ้าปากของมันอย่างช้าๆ

 

ตามด้วยเสียงกรีดร้องระงมของนับไม่ถ้วนของผู้ฝึกยุทธมนุษย์

 

——-

 

แต่แล้วกระแสลมเย็นเยียบภายในถ้ำก็ถาโถมเข้ามา ปลุกกู่ฉิงซานให้ตื่นจากภวังค์

 

ร่างกายที่สั่นสะท้านของเขาหยุดกึกลง

 

พร้อมกับเจ้าตัวที่เปล่งเสียงตะโกนออกมาในฉับพลัน

 

“ไม่!”

 

เผ่ามารโดยรอบตอนแรกได้ยินเพียงเสียงสะอื้นครวญของมารกระดูกที่ล้มลง

 

จากนั้น จู่ๆมารกระดูกชะงักไป ยืนนิ่งไม่ไหวติง

 

เผ่ามารโดยรอบกำลังคิดว่ามันแปลกๆนะ แต่ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกเจ็บปวดอันรุนแรงก็แทรกเข้ามา

 

ร่างของพวกมัน ถูกตะปบ! แยกออกจากกัน ตกตายลงไปทั้งๆอย่างนั้น!

 

และมารกระดูกก็หายวับไปจากสายตาของฝูงมารทั้งหมด

 

ลึกเข้าไปข้างในห่างจากจุดเดิมหลายร้อยลี้ ร่างๆหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

ภายในถ้ำอันมืดมิด ตรงส่วนนี้เป็นทางเดินราบ และฟุ้งไปด้วยอากาศหนาวเย็นที่เกือบจะสามารถแช่ร่างมนุษย์ให้แข็งค้างได้

 

ทันใดนั้น จู่ๆจากในอากาศที่ว่างเปล่า เสียงของดาบพิภพก็ได้ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าสัมผัสได้ถึงพลังอันคลุ้มคลั่งของอสูรกายที่ปะทุขึ้น เจ้าต้องเร่งหนีให้ไวขึ้นยิ่งกว่านี้แล้ว!”

 

ฮู้มมมม!

 

เบื้องหลังเขา บังเกิดเสียงคำรามกึกก้อง สะท้อนสะท้านดังตามมาตลอดถ้ำมืด

 

ภายในถ้ำ บังเกิดลมพายุกรรโชกแรง

 

ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ปรากฏขึ้นแล้ว!

 

แม้จะเป็นความผิดปกติแค่เพียงเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้อสูรกายถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจริงๆ!

 

หัวใจของกู่ฉิงซานวูบดิ่งลง

 

เวลานี้ มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะกลับไปตามเส้นทางเก่า

 

วิธีเดียวที่จะรอดชีวิตออกจากที่นี่คือปรภพ!

 

ต้องหนีแล้ว!

 

หนีเต็มกำลัง!

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานตะโกนก้อง แต่ร่างของเขากลับยังคงยืนนิ่งงันไม่ไหวติง

 

ขณะที่กลิ่นอายของอสูรกายค่อยๆแข็งกร้าวขึ้น บ่งบอกว่ามันกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

ความรู้สึกสิ้นหวังในชีวิตก่อนหน้าได้แผ่เข้ามาห้อมล้อมกายเขา และเปิดประตูเข้าสู่ห้วงแห่งความทรงจำอีกครั้ง

 

——

 

บังเกิดเสียงอันเรือนรางจากส่วนลึกของความทรงจำดังขึ้น

 

“อะไรกันนี่ คนอย่างนายก็สามารถเป็นถึงผู้บัญชาการรบแห่งมนุษยชาติได้ด้วยอย่างงั้นหรอ?”

 

น้ำเสียงที่ฟังดูน่ารักทว่าห้าวหาญของหญิงสาวได้ดังขึ้น

 

“โอ๊ะโอ? นายได้ค้นพบไวน์ที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดแล้ว? เจ้าโง่เอย … ก็ได้ๆ เพื่อตอบแทนความยากลำบากของนาย ราชินีแห่งการทำลายล้างคนนี้จะออกเดทกับนายเอง”

 

และเปลวไฟจากในจุดที่ห่างไกลก็โผบินเข้ามา สว่างวาบในทันใด

 

แน่นอน มันคือยันสื่อสาร และเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ฉันจะรออยู่ที่พิกัด 571 ก็แล้วกัน มันค่อนข้างไกลกับที่อยู่ของนาย แต่ถ้านายต้องการ ก็มาหาฉันได้นะ”

 

“อา ใช่สิ เจ้าเด็กตัวเหม็น อย่าลืมเอาไวน์มาด้วยล่ะ เราจะได้ดื่มด้วยกัน”

 

แต่แล้วท่ามกลางการสนทนา จู่ๆก็บังเกิดเสียงของผืนดินที่ถูกพลิกตลบ!

 

บรึ้ม!

 

วี้ดดดด!

 

ตามด้วยเสียงของคู่สนทนาที่โวยวายออกมาด้วยความโกรธ “กู่ฉิงซาน นายคงจะมาที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ … เพราะตอนนี้ มันได้ถูกค้นพบโดยเจ้าอสูรกายแล้ว!”

 

พอได้ฟัง เจ้าตัวก็หันหลังกลับ และเร่งมุ่งหน้าไปที่นั่นทันทีโดยไม่คิดฟังคำเตือนใดๆ

 

บางคนในค่ายทหารวิ่งไล่ตามเขา ปากเปล่งวาจาลั่น “นายพลกู่! ได้โปรดกลับมาเถิด สถานที่แห่งนั้นน่ะมันจบสิ้นแล้ว”

 

ทว่าเขากลับทำตรงกันข้าม เจ้าตัวกลับเร่งฝีเท้ายิ่งขึ้น มุ่งตรงออกไปอย่างเต็มกำลัง

 

ชั่วชีวิตของเขา ไม่เคยวิ่งด้วยความเร่งร้อนอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนเลย

 

ต้องรีบแล้ว!

 

ในที่สุด เขาก็มาหยุดยืนอยู่บนต้นไม้ เฝ้ามองไปยังสถานที่ห่างไกลในตำแหน่งที่นัดหมาย … เฝ้ามองดูเปลวเพลิงที่พวยพุ่งเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลก

 

เปลวเพลิงได้สาดสว่างขึ้นในแววตาทั้งสองข้างของเขา

 

และสุดท้าย .. มันก็มอดดับลง

 

ดับลงจนหมดสิ้น มิมีหลงเหลือ

 

แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง!

 

“ได้สติซักทีสิกู่ฉิงซาน!”

 

ดาบพิภพกระโดดออกมาจากความว่างเปล่า ฟาดสันดาบลงบนไหล่เขา

 

กู่ฉิงซานได้สติกลับคืน

 

เขาไม่เคยได้ยินเสียงของดาบพิภพที่ดูเร่งร้อนและวิตกกังวลขนาดนี้มาก่อนเลย

 

“รีบหนีเร็วเข้ากู่ฉิงซาน! อสูรกายกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้แล้ว!”

 

ดาบเช่าหยินเองก็ผุดออกมาลอยอยู่เคียงข้างดาบพิภพเช่นกัน

 

นอกจากนี้ มันก็กำลังส่งเสียงฉวัดเฉวียนด้วยความกังวลมาทางเขา

 

—จริงสิ ตอนนี้ฉันกำลังหลบหนีอยู่นี่นา

 

ต้องวิ่งแล้ว!

 

กู่ฉิงซานกัดฟันกรอด

 

เขาลุกพรวดขึ้นทันใด และทะยานออกไปข้างหน้าหลายสิบจั้ง

 

ไม่ … หากใช้วิธีวิ่งหนีแบบนี้คงไม่พ้นแน่

 

เขาล้มเลิกที่จะโจนทะยาน และเริ่มต้นใช้ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วอีกครั้ง

 

เมื่อเทียบกับร่างเงาแทนที่ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วนับว่ากินพลังวิญญาณน้อยกว่าอยู่หลายส่วน!

 

และโชคยังดีที่ขณะนี้เขาอยู่ในร่างมาร ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวว่าตนจะไปปรากฏกายตกลงกลางดงมารและถูกโจมตีเลยในทันใด

 

แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางดงมารจริงๆ ทว่าพริบตาเดียวก็หายวับไปอีกครั้ง

 

เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครา เขาก็ข้ามผ่านจุดเดิมมาไกล และได้มาถึงตำแหน่งรักษาการของเผ่ามารอีกจุดหนึ่ง

 

โดยไม่คำนึงถึงพลังวิญญาณ ใช้ออกด้วยย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว ส่งผลให้เขาสามารถมาถึงตำแหน่งที่ห่างไกลได้ด้วยความเร็วสูง

 

กู่ฉิงซานดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง

 

แล้วเขาก็นิ่งงันไปสักพัก

 

ช่วงเวลานั้นเอง กลุ่มก้อนความมืดก็พลันคืบคลานเข้ามาจากเบื้องหลัง และโอบเข้าปกคลุมเขาเอาไว้ได้ในที่สุด

 

มันเป็นมือขนาดยักษ์ที่มีขนสีดำ

 

และมือที่ว่าก็กระชากคว้าจับไปยังทิศทางของกู่ฉิงซานในทันใด!

 

แต่กู่ฉิงซานก็หายไปทันที

 

อย่างไรก็ตาม เบื้องหน้าเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ปรากฏตัว มือยักษ์สีดำก็กำลังเฝ้าดักรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

 

มือยักษ์สีดำกุมอากาศที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว และคว้าจับร่างของกู่ฉิงซานที่ปรากฏออกมา

 

“ฝ่ายตรงข้ามคืออสูรกายขั้นสูง ชักช้าไม่ได้แล้ว รีบใช้ข้าต่อกรกับมันเร็ว!!” ดาบพิภพกล่าวด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

 

“เข้าใจแล้ว!” กู่ฉิงซานตอบรับ

 

กู่ฉิงซานคว้าจับดาบพิภพ และฟันออกไปเต็มกำลัง ตัดสะบั้นไปทางมือสีดำ

 

เทคนิคลับแห่งดาบ กระแสธารอันยิ่งใหญ่!

 

รังสีดาบอันไพศาลราวกับน้ำหลากโถมออกไปปะทะเข้ากับมือสีดำ ทว่ากลับทำได้เพียงเชือดเฉือนมันจนเกิดช่องโหว่ขนาดเท่าครึ่งตัวคนเท่านั้น

 

กู่ฉิงซานจำต้องเอี้ยวหันตัวไปด้านข้าง และแทรกร่างผ่านช่องว่างอันเล็กจ้อยทะยานออกไปพร้อมกับรังสีดาบเบื้องหน้า

 

โฮกกกก!

 

น้ำเสียงแห่งความโกรธและไม่ยินยอมสะท้อนกังวานมาจากเบื้องหลังถ้ำลึก

 

ด้วยระยะที่แต่ละฝ่ายอยู่ห่างกันมากเกินไป

 

ทำให้อสูรกายไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้

 

กู่ฉิงซานหลุดออกจากมือดำ โดยไม่คิดเหลียวหลัง ตัวเขาก็ได้ใช้ออกด้วยย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วอีกครา!

 

พริบตาเดียว! เขาก็ไปผุดในระยะที่ห่างออกไปกว่าหลายร้อยลี้

 

ข้างหน้า

 

แสงสลัวสีเหลืองอ่อนๆท่ามกลางความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด เริ่มปรากฏสู่สายตาแล้ว!

 

นั่นคือทางออกถ้ำ มันกำลังสะท้อนให้เห็นถึงแสงอันริบหรี่ของโลกปรภพ!

 

ร่างของกู่ฉิงซานหายวับไป และปรากฏขึ้นอีกคราทันใดที่ทางออก

 

และเขาไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งออกไป

 

ฟิ้วววว!

 

ลมกรรโชกกระพรือไหว มันเกือบจะเป่าทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานให้ปลิวออกไป

 

รอบข้างเขาเวลานี้ คือทะเลเมฆอันไพศาล ไร้ที่สิ้นสุด

 

กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนท้องฟ้าในมุมสูง และค่อยๆดิ่งลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง

 

มองลงไปข้างล่าง คือสายธารใหญ่ที่กว้างขวางไร้ที่สิ้นสุด

 

สายธารนี้มีสีเหลืองอ่อน และกระแสน้ำที่รุนแรง

 

บริเวณผิวน้ำมีหมอกหนาจับตัวกันอยู่ จนแลคล้ายกับก้อนเมฆที่อยู่เบื้องล่าง

 

กู่ฉิงซานไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในอากาศ เขาจึงทำได้แต่เร่งความเร็วในการทิ้งตัวตกลงมาให้ไวขึ้น

 

เขาปลดปล่อยสกิล ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต และกลับคืนสู่ร่างเดิมของตนเอง

 

เนื่องจากไม่มีเผ่ามารอยู่รอบๆอีกต่อไป ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องอำพรางกายเป็นมารแล้ว

 

อีกอย่าง ในกรณีที่ถูกค้นพบโดยกองกำลังของปรภพ เขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจก็ได้

 

เมื่อกลับคืนสู่รูปร่างมนุษย์ ความเร็วในการบินก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างกระทันหัน

 

เบื้องหลังมีอสูรกายไล่ล่า จะนาทีหรือหนึ่งวินาทีตัวเขาก็มิอาจล่าช้าได้

 

ดาบเช่าหยินบินออกมา พร้อมกับเปล่งเสียงร้องฉวัดเฉวียนไปทางกู่ฉิงซานครั้งแล้วครั้งเล่า

 

ดูเหมือนว่ามันกำลังจะอธิบายอะไรบางอย่าง

 

“ข้าทราบดีว่านี่คือสายธารแห่งการหลงเลือนในตำนาน และมิอาจสัมผัสต้องได้!” กู่ฉิงซานกล่าวตอบ

 

สายธารแห่งการหลงเลือนในตำนาน คือการดำรงอยู่ของแม่น้ำใหญ่ที่มิอาจเข้าถึงได้

 

เว้นไว้แต่เพียงการดำรงอยู่ของคนตายในนรก และเมื่อก้าวเข้าสู่สายธารแห่งการหลงเลือน การดำรงอยู่ที่ว่านั้นก็จะลืมเลือนเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดที่ผ่านมา และจิตวิญญาณจะถูกส่งไปยังนรกหรือกลับคืนสู่สังสารวัฏ(เกิดใหม่)

 

นี่คือแม่น้ำใหญ่สำหรับคนตาย

 

นี่คือกฏเกณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในปรภพ

 

ดาบเช่าหยินส่งเสียงฮึมฮัมอีกครั้ง

 

และกลิ่นอายของหยดน้ำสีเหลืองอ่อนก็ปรากฏขึ้นบนใบดาบ

 

นี่คือหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน

 

มันเป็นสิ่งที่โครงกระดูกชุดคลุมดำบอกเล่าว่ากว่าจะได้รับมันมา ตนต้องเฝ้าเพียรพยายามอย่างยากลำบากเพียงใด

 

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บรรทัดเส้นแสงตัวอักษรขนาดเล็กเด้งเตือนขึ้นทันใด

 

“ดาบเช่าหยินร้องขอคุณให้ทำการอนุญาตให้มันริเริ่มหลอมกลั่นหยดน้ำแห่งการหลงเลือนอันล้ำค่านี้ เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากสายธารแห่งการหลงเลือน”

 

“ดาบเช่าหยินร้องขอ 1000 แต้มพลังวิญญาณ เพื่อช่วยมันในการหลมกลั่นหยดน้ำแห่งการหลงเลือน”

 

กู่ฉิงซานเร่งกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฉันอนุญาต”

 

ในเสี้ยววินาที หยดน้ำสีเหลืองอ่อนก็กระจายหายไป แปรเปลี่ยนสภาพเป็นหมอกวนอยู่รอบๆบนดาบเช่าหยิน

 

ติ๊ง!

 

“การหลอมกลั่นเสร็จสมบูรณ์ ดาบเช่าหยินสามารถใช้ ‘ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม’ กับสายธารแห่งการหลงเลือนได้แล้ว”

 

แบบนี้มัน!

 

กระทั่งอสูรกาย ก็ยังมิกล้าที่จะก้าวล่วงเกินเข้าสู่สายธาร

 

จึงกล่าวได้ว่าตราบใดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในสายธาร ตนก็จะสามารถรอดชีวิตจากวิกฤตในครั้งนี้ไปได้!

 

กู่ฉิงซานนำสองดาบออกมา หันคมดาบออกข้าง กางมันออกเป็นแนวนอนจนบังเกิดเสียงลมปะทะหวีดหวิว ทะลุออกจากชั้นเมฆและเตรียมร่วงปะทะเข้ากับผิวน้ำของสายธารแห่งหลงเลือน

 

และไม่จำต้องรีรอให้นานเกินไป กลิ่นอายของอสูรกายก็ปรากฏขึ้น

 

กลิ่นอายนี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและการทำลายล้างอันไร้ที่สิ้นสุด

 

ระหว่างห้วงภวังค์ ความคิดหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในจิตใจของกู่ฉิงซานอย่างมิอาจยับยั้งได้

 

หนีอย่างงั้นหรือ?

 

นี่ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากหนีอย่างงั้นหรือ??

 

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

 

ชั้นอากาศเบื้องบนที่สูงลิ่ว

 

ดาบ

 

แม่น้ำใหญ่

 

ลมกรรโชก

 

ฉากนี้ที่แสนจะคุ้นเคย

 

และภาพที่อยู่ลึกที่สุดในห้วงความทรงจำก็ปรากฏออกมา

 

——

 

ณ ค่ายทหาร

 

เสียงของเกราะเข่าที่กระแทกลงกับพื้นดินก้องกังวานขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

หลายพันหมื่นทหารกล้าคุกเข่าข้างหนึ่งลงโดยพร้อมเพรียง

 

“นายท่านกู่ ข้าก็ยินดีร่วมกระบวนท่ากับท่าน”

 

“มาร่วมกันทำให้มันเป็นกระบวนท่าที่สุดยอดกันเถิด”

 

“พวกเราขอยอมเป็นส่วนหนึ่งของทงกุ่ย!”

 

“ข้ายินดีแลกเลือดทุกหยาดของข้าเพื่อเปิดใช้งานทงกุ่ยกับนายท่าน!”

 

และเสียงตะโกน ก็ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ

 

จากนั้นเหล่าสรรพเสียงนับไม่ถ้วนก็แปรเปลี่ยนเป็นรังสีดาบ สาดแสงสว่างควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล

 

ตามด้วยตัวเขาที่กำลังย่ำลงบนมวลมหารังสีดาบ เหินทะยานขึ้นไปในอากาศเบื้องบน

 

จากนั้น-

 

ฮู้มมม!

 

ดาบเช่าหยินส่งเสียงฉวัดเฉวียนอีกคราทันใด

 

กู่ฉิงซานได้สติกลับคืน

 

เขาเงยหน้าขึ้นมอง

 

7-8 แขนยักษ์ผุดออกมาจากชั้นอากาศเบื้องบน

 

แขนเหล่านี้ บ้างยาว บ้างสั้น บ้างเย็นเยียบ ขณะที่บางอันปลดปล่อยหมอกสีเขียวน่าขวัญผวาออกมา

 

และพวกมันทุกแขน ล้วนอ้าฝ่ามือหมายจะคว้าจับไปยังร่างของกู่ฉิงซาน

 

“เช่าหยิน!” กู่ฉิงซานตะโกนเสียงดัง

 

แล้วจู่ๆร่างเขาก็กระพริบไหว พุ่งเว้นระยะออกไกลออกไปในทันใด

 

เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้ง ร่างของกู่ฉิงซานก็อยู่ห่างจากผิวแม่น้ำใหญ่เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

 

ดาบเช่าหยินสั่นสะเทือน

 

ตามด้วยแสงสลัวสีเหลืองอ่อนลุกโชนแผดเผาออกมาจากใบดาบ

 

กู่ฉิงซานคว้าจับเช่าหยิน และจี้ปลายของมันออกไปเบื้องล่างของสายธาร

 

สายธารแยกออกเป็นสองฟากฝั่ง เปิดช่องทางให้เข้าก้าวลงไปยังส่วนลึกของธารน้ำเบื้องล่าง

 

กล่าวได้ว่าสายธารแห่งการหลงเลือนได้ยอมรับเขาแล้ว!

จากนั้น ตราบใดที่กู่ฉิงซานมุ่งลงสู่เบื้องล่างธารน้ำ เขาก็จักปลอดภัย!

 

โดยไม่มีการหยุดพัก ร่างของกู่ฉิงซานเร่งดิ่งลงไปด้วยความเร็วสุดขีด ผ่ากลางทางแยกเข้าสู่ส่วนล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน

 

500 เมตร

 

200 เมตร

 

30 เมตร

 

ถึงแล้ว!

 

กู่ฉิงซานได้มาถึงผิวน้ำเบื้องล่างของสายธาร ทว่าเขากลับหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เร่งหลบซ่อนตัวเร็วเข้า!” ดาบพิภพเร่งเตือน

 

ทว่ากู่ฉิงซานกลับยังคงยืนเงียบ

 

กระแสลมของสายธารพัดเป่าผมของเขาจนพริ้วไหว เสื้อผ้าที่สวมใส่กระพรือราวกับกำลังร่ายระบำ

 

เขายังคงหยุดนิ่ง

 

ขณะที่แขนข้างหนึ่งของอสูรกายตามมาถึงตัวเขาแล้ว

 

มันอ้าฝ่ามือออก และรวบ!กำกู่ฉิงซานเข้าไปในฝ่ามือ

 

ทว่ากู่ฉิงซานกลับหายวับไป และปรากฏตัวขึ้นเหนือฝ่ามือยักษ์และตบดาบพิภพลงบนมันสุดแรง

 

“ว๊ากกก!!”

 

เขาคำรามก้อง และกระแทกตบแขนของอสูรกายลงไปในสายธารด้วยเจตนาร้าย

 

แม้แขนยักษ์ถูกตบสับด้วยดาบพิภพ ทว่ามันก็มิได้รับบาดเจ็บใดๆแม้กระน้อย

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อส่วนมือได้ถูกกระแทกร่วงตกลงไปสัมผัสกับสายธารแห่งการหลงเลือน มันก็สะดุ้งเฮือก และเริ่มดิ้นรนทันที

 

อย่างไรก็ตาม มันไร้ประโยชน์

 

เพราะนี่คือสายธารแห่งการหลงเลือน!

 

กฏเกณฑ์อันทรงพลานุภาพที่สุดของปรภพอยู่ที่นี่!!

 

หลังจากที่แขนยักษ์กระตุกอยู่สองสามครั้ง มันก็สูญสิ้นพลังทั้งหมดของตนไป

 

และค่อยๆจมลงสู่ก้นบึ้งเบื้องล่างของสายธาร

 

กู่ฉิงซานเฝ้ามองฉากนี้และค่อยๆพยักหน้าอย่างแผ่วเบา

 

สายธารแห่งการหลงมิอาจสัมผัสหรือปนเปื้อนได้ มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เป็นอสูรกายก็ต้องประสบพบเจอกับความสูญสิ้น!

 

ราวกับว่าจะตระหนักถึงสถานการณ์ที่ว่านี้ แขนบนท้องฟ้าเบื้องบนทั้งหมดได้ถูกชักกลับคืน

 

เหนือท้องฟ้าไกลในมุมสูง

 

ใบหน้าของยักษ์ผุดออกมาจากทางออกถ้ำ และมองไปโดยรอบด้วยความเดือดดาล

 

มันก้มมองลงไปที่สายธารปรภพเบื้องล่าง

 

สายน้ำของสายธารพุ่งพล่านไปตามกระแส ดั่งเช่นลูกศรที่หลุดรั้งจนตึงแล้วหลุดจากสาย แลคล้ายกับฝูงอาชาที่ควบวิ่งอย่างไม่คิดจะหยุดยั้ง

 

ขณะเดียวกัน ก็ปรากฏมนุษย์ร่างเล็กจ้อยที่มิแตกต่างไปจากมดแมลงกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน สีหน้าของมันผู้นั้นไร้ซึ่งร่องรอยของความหวาดกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

 

ยักษ์เปล่งเสียง ก๊าซซซ! คำรามด้วยความโกรธ

 

นี่มันปล่อยให้ดวงจิตวิญญาณของมดตัวจ้อยผ่านถ้ำมืดไปได้กระนั้นหรือ!

 

ต่อให้มันหลับอยู่ ก็ไม่น่าจะพลาดพลั้งเช่นนี้!

 

แถมเจ้ามนุษย์ตัวจ้อยนั่น ถึงขั้นทำให้มันต้องทิ้งแขนข้างหนึ่งของตนเองไป!

 

“เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่จิตวิญญาณชั้นต่ำที่อ่อนแอ แล้วมันสามารถผ่านข้าไปได้อย่างไร?”

 

ยักษ์มิอาจทำความเข้าใจได้

 

และมันก็ไม่อยากที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

 

ยังไงก็ตาม เอาไว้หลังจากคร่ากุมตัวฝ่ายตรงข้ามได้ และทำการเคี้ยวจิตวิญญาณของมัน ตนก็จะสามารถเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดของอีกฝ่ายได้เอง

 

ตราบใดที่ได้รับความทรงจำ ยักษ์ก็จะสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในพริบตา

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ยักษ์ใหญ่ก็ทิ้งตัวลงมาทันที!

 

แขนนับสิบที่ครอบครองพลังอำนาจแตกต่างกันเริ่มบินออกจากร่าง ร่ายระบำอยู่กลางอากาศรอบกายยักษ์

 

กล่าวได้ว่าความว่องไวของยักษ์เกือบจะเทียบเท่ากับย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วของกู่ฉิงซานเลย มันด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

มันทิ้งตัวจากเบื้องบน วิ่งเข้าหามนุษย์ผู้นั้นอย่างเต็มกำลัง!

 

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นเฝ้ามองอสูรกายที่ค่อยๆใกล้เข้ามา

 

ทว่าเขาก็ยังมิขยับกายเคลื่อนไหว

 

เขามิได้โบกสะบัดดาบเช่าหยิน จนกระทั่งอสูรกรกายเข้ามาอยู่พิสัยของจิตสัมผัสเทวะ

 

แล้วแม่น้ำใหญที่ไหลเชี่ยวจากสองฟากฝั่งก็แยกออกจากกัน

 

ตามด้วยกู่ฉิงซานที่จมลงไป

 

เขาจมลงไป

 

แน่นอน ว่าสายธารแยกเปิดพื้นที่ออก เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีน้ำสักหยดลงใส่ตัวเขา

 

“หยุดนะ เจ้าเผ่ามนุษย์ต่ำต้อย! ข้าต้องการความทรงจำของเจ้า!”

 

เสียงยักษ์คำราม

 

และกู่ฉิงซานก็จมหายลงไปในน้ำ

 

จมลงไป

 

ชั่วขณะหนึ่ง

 

จู่ๆกู่ฉิงซานก็ปรากฏตัวขึ้นกลางเวหาในทันใด

 

แต่ทั้งยักษ์ทั้งแขนนับสิบของมัน กลับไปปรากฏกายขึ้นในพื้นที่แปลกๆแทน

 

มันเป็นพื้นที่ที่ไม่มีหยดน้ำสักหยด

 

กระแสธารทั้งหมดแยกตัวออกไปราวกับกำลังหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้

 

น้ำสีเหลืองอ่อนๆส่องประกายระยิบ สะท้อนรูปร่างของยักษ์

 

แต่ฉากนี้ก็คงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

 

สกิลก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทมน่ะ มันไม่ได้มีไว้ใช้กับอสูรกาย!

 

สายธารแห่งการหลงเลือนที่ครั้งหนึ่งเคยแยกออกเป็นพื้นที่ บัดนี้โถมลงปิดตัวอย่างรวดเร็ว

 

ด้วยเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้บนผิวน้ำของสายธารเกิดกระแสน้ำหมุนวนขนาดใหญ่ขึ้น

 

และอสูรกายก็กำลังดิ้นรนสุดกำลัง

 

อย่างไรก็ตาม

 

มันไร้ประโยชน์

 

ย้ำอีกครั้ง นี่คือกฏเกณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปรภพ!

 

มันคือสายธารแห่งการหลงเลือน ที่จะช่วยให้คนที่สัมผัสมัน ลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง ตัดห่วงอาทร แล้วหวนคืนสู่สังสารวัฏ!

 

มันพยายามดิ้นรนได้เพียงสองลมหายใจเท่านั้น อสูรกายคลั่งที่ทรงพลานุภาพและแสนร้ายกาจก็หยุดดิ้นรนอีกต่อไป

 

กู่ฉิงซานลอยอยู่เหนือผิวน้ำ กำลังเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ

 

ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง

 

ศพของอสูรกายก็ลอยขึ้นมา

 

กู่ฉิงซานมองร่างอสูรกายและนิ่งงันไปครู่หนึ่ง

 

เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ปากก็เอ่ยเสียงกระซิบ “ความทรงจำน่ะคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน ฉันไม่มีทางยอมยกมันให้แกหรอก”

 

ว่าแล้วเขาก็หยิบขวดไวน์เก่าๆขวดหนึ่งออกมาจากถุงสัมภาระ

 

จุกอุดถูกเปิดออก และไวน์องุ่นก็เอ่อล้นออกมา

 

กู่ฉิงซานผละมือของเขาออกจากมัน

 

ขวดไวน์เก่าร่วงตกลงไปในสายธาร ลอยล่องอยู่ข้างๆศพของอสูรกาย

 

“ขวดนี้เพื่อแสดงความนับถือแด่เหล่าสหายแห่งข้าทุกผู้คน”

 

กู่ฉิงซานเชิดหน้าขึ้น หยุดรออยู่สักครู่ เพื่อให้สายลมพัดเป่าใบหน้าที่เปียกชื้นของเขาจนกลับมาแห้งดังเดิม

 

“สหายทุกท่าน วางใจเถอะ ในชีวิตนี้นี่แหละ ข้าจะปกป้องพวกเจ้าทุกคนให้จงได้”

 

“ข้าสาบาน”