2 ตอน

 

หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.387 – ท่านเป็นผู้ใด?

 

กู่ฉิงซานหยุดอยู่บนผิวน้ำอยู่ครู่หนึ่ง

 

เขายังไม่ได้จากไป แต่เฝ้ารอจนกระทั่งศพของอสูรกายลอยหายไปสุดสายตา

 

ความสงบเงียบกลับคืนสู่บริเวณโดยรอบ เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงสายลมและสายน้ำที่พัดเข้ามาในหูเท่านั้น

 

กู่ฉิงซานถอนสายตากลับ และเริ่มทำการสำรวจรอบๆ

 

สายธารแห่งการหลงเลือนนี้เต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาที่ลอยล่อง ส่งผลให้ไม่สามารถมองเห็นขอบชายฝั่งแม่น้ำได้

 

ในวิสัยทัศน์ของเขา บัดนี้จึงมีเพียงเมฆหมอกเท่านั้น

 

กู่ฉิงซานลอบสงสัยอย่างลับๆ

 

ตามตำนานแล้ว สายธารแห่งนี้สมควรที่จะเต็มไปด้วยคนตาย

 

และคนตายทั้งหมดจะต้องข้ามผ่านสายธารนี้ไปสู่นรกภูมิ หรือกลับคืนสู่สังสารวัฏไปเกิดใหม่

 

และที่สำคัญเลยก็คือ ในสายธาร สมควรที่จะมีเรือข้ามฟาก

 

—แน่นอน ว่านั่นคือสายธารแห่งการหลงเลือนของโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ ที่มีโครงกระดูกหญิงเป็นผู้รับหน้าที่พายเรือข้ามฟาก

 

แต่สำหรับโลกจริง หากอ้างอิงตามการปรากฏกายของเหล่าเครื่องจักรปรภพแล้ว เรือข้ามฟากก็สมควรจะเป็นเครื่องจักรเช่นกัน

 

กู่ฉิงซานเฝ้ารออยู่สักครู่

 

แต่เขาก็ยังไม่พบเจอกับสิ่งใด

 

มันน่าแปลกใจนัก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดโดยปกติแล้วจะมาถึงที่นี่หลังจากที่ตายลง แม้ว่าเส้นทางจะถูกปิดกั้นก็ตามที แต่อย่างน้อยก็สมควรที่จะมีการดำรงอยู่ของเทพวิญญาณสิ

 

แล้วเพราะอะไรกัน? ทำไมปรภพจึงได้ว่างเปล่าเช่นนี้?

 

กู่ฉิงซานทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามออกมา “ระบบ ทำไมฉันถึงไม่เจอกับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยล่ะ?”

 

ติ๊ง!

 

ระบบตอบกลับ “นั่นเพราะในปรภพมีแต่คนตาย ดังนั้นจึงไม่อาจพบเจอกับสิ่งมีชีวิตได้”

 

กู่ฉิงซาน “โอ๊ย เรื่องนั้นฉันรู้น่า ไอ้สิ่งมีชีวิตอื่นที่ว่าน่ะ ฉันหมายถึงพวกผู้ดูแลหรือผู้พิทักษ์ปรภพน่ะ”

 

“ระบบเองก็ไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับปรภพ ขอให้ผู้เล่นโปรดทำการสำรวจปรภพด้วยตนเอง”

 

กู่ฉิงซานยอมแพ้ที่จะเอ่ยถามต่อ

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างงั้นก็ลงมือเลยแล้วกัน

 

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

 

“โปรดทราบ”

 

“คุณได้ทำการสังหารอสูรกายดัดแปลง ซึ่งนี่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของหกวิถี”

 

“ดังนั้น ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ ก็จะถูกรับรู้โดยโลกใบอื่นที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับพวกมันอยู่เช่นกัน ด้วยวิธีการพิเศษอันหลากหลายที่แตกต่างออกไป”

 

“และเนื่องจากผู้ที่สังหารอสูรกายจริงๆแล้วคือสายธารแห่งการหลงเลือน ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถที่จะรับพลังวิญญาณได้”

 

“คุณได้ทำการปลดล็อคภารกิจที่เกี่ยวข้องกับสมญาเฉพาะของเทพสงคราม”

 

“ร้องขอให้ผู้เล่นเฝ้าพยายามต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และสังหารอสูรกายอีกครา เพื่อที่จะทำการปลดล็อคสมญาเทพสงครามที่เกี่ยวข้อง”

 

กู่ฉิงซานพออ่านจบ ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

 

นี่มันเป็นเหมือนกับฉากในตอนที่เขาได้รับฉายา ‘นักฆ่า’

 

สมญาเทพสงครามเป็นสิ่งดีที่ แต่ที่มันไม่สะดวกก็คือ ทุกครั้งเลย ระบบมันจะไม่ยอมบอกว่าสมญาที่ว่านั่นคือสิ่งใด

 

กู่ฉิงซานพยายามที่จะเอ่ยถาม แต่ระบบก็ไม่ยอมเอ่ยตอบ

 

ในเวลานั้นเอง เส้นแสงหิ่งห้อยอีกกลุ่มก็เด้งขึ้นมาบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

“การกระทำของคุณได้ดึงดูดความสนใจจากบางสิ่งของปรภพ”

 

“ร้องขอให้ผู้เล่นให้ความสนใจเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะรอดชีวิตอยู่ต่อไปในปรภพหรือไม่”

 

ณ จุดนี้ ดูเหมือนว่ากู่ฉิงซานจะถูกกระตุ้นเตือน เขาหันหัวไปตรวจสอบดูรอบๆ

 

ขณะเดียวกัน แถวตัวเลขเรืองแสงก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะของเขา

 

“0000”

 

กู่ฉิงซาน “นี่มันอะไรกัน?”

 

เสียงตอบกลับ “สวัสดี กระผมต้องขอโทษจริงๆที่รบกวนนาย แต่ถ้านายเข้าสู่ปรภพ นายก็จะต้องมารวมอยู่ในสถิติของกระผม”

 

“แล้วคุณเป็นใครกัน?”

 

“กระผมคือเครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล ทุกคนที่เข้ามาในปรภพจะต้องถูกผูกมัดไว้โดยกระผม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กระผมได้วิเคราะห์เพื่อทำการตรวจสอบบุญได้ตลอดเวลา”

 

“และเมื่อผลวิเคราะห์ออกมาว่าบุญเป็นลบ คนตายก็จักต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปในนรก”

 

“ทว่าหากบุญเป็น 0 หรือ + พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลงนรก แต่สามารถกลับคืนสู่สังสารวัฏไปเกิดใหม่ได้เลย”

 

กู่ฉิงซานพยักหน้าและชี้ไปที่เหนือหัวของเขาแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างงั้นทำไมของฉันถึงเป็น 0000 ?”

 

“เพราะนายคือ ‘คนเป็น’ และนายจะต้องตกตายลงจริงๆเท่านั้น กระผมถึงจะสามารถคำนวนบุญของนายได้ นี่เรียกว่าการตัดสินขั้นสุดท้ายของชีวิตส่วนบุคคล และจะสามารถทำได้เฉพาะหลังจากที่เขาเสียชีวิตและถูกกลบฝังลงแล้วเท่านั้น”

 

“เอ่อนี่ – ดูเหมือนว่าเลขข้างบนจะเด่นสะดุดตาเกินไปหน่อยนะ คุณช่วยไม่แสดงมันจะได้ไหม?” กู่ฉิงซานร้องขอ

 

“แน่นอนว่าย่อมได้” เครื่องจักรคำนวณบุณส่วนบุคคลกล่าว

 

และแทบจะในทันที ตัวเลขด้านบนหัวของกู่ฉิงซานก็หายไป

 

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปโลกมนุษย์เหมือนกับเครื่องจักรอื่นๆล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

เครื่องจักรคำนวณบุญกล่าว “กระผมจะบ้าจี้ตามเครื่องจักรอื่นๆไปที่โลกทำไมกัน? ในเมื่อฟังก์ชั่นการแสดงผลของกระผมน่ะ จะมีประโยชน์เฉพาะเมื่ออยู่ในปรภพเท่านั้นนี่นา”

 

กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับมันและกล่าวว่า “เอาเถอะ พอดีว่าฉันมีบางอย่างต้องการที่จะถามจากคุณน่ะ”

 

“โอ๋? งั้นคงต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าแล้วล่ะ เพราะกระผมคงไม่สามารถพูดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องบุญได้”

 

“แต่มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองนะ”

 

ทว่าคราวนี้อีกฝ่ายไม่ตอบสนองกลับ

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามออกไปอีกสองสามประโยค

 

แต่เครื่องจักรคำนวณบุญก็ยังคงเงียบ

 

ดวงตาของกู่ฉิงซานเริ่มขุ่นเขียว เวลานี้เขาราวกับกำลังโดนทิ้งให้โกรธเกรี้ยว เป็นบ้ายืนพูดจาอยู่คนเดียว

 

เขาหันไปมองรอบๆ

 

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ เขาก็คงต้องเริ่มต้นสำรวจก่อนเป็นอันดับแรก มุ่งมั่นพยายามที่จะหาความจริงเกี่ยวกับปรภพในก่อนหน้านี้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู่ฉิงซานก็วาดดาบเช่าหยินออกไปอย่างง่ายดาย ทำการแยกสายธารออกจากกัน

 

บนพื้นผิวของสายธารไม่มีสิ่งใด ดังนั้นเขาจึงจำต้องลงไปเพื่อดูว่าอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องล่างหรือไม่

 

เขายืดหลังตรง และทิ้งตัวดิ่งลงไปยังเบื้องล่างของสายธาร

 

กระแสน้ำแยกตัวออกเพื่อหลีกเลี่ยงและวนอยู่รอบตัวเขาอย่างเงียบๆ

 

บางครั้งในระหว่างทาง ก็จะมีบ้างที่พบเห็นสิ่งแปลกๆไหลไปพร้อมกับกระแสน้ำ

 

กู่ฉิงซานตกลงไปยังก้นสายธาร

 

ใต้ฝ่าเท้าของเขา เป็นหินสีขาวอมเทาอยู่ทั่วทุกพื้นที่ กู่ฉิงซานเรียกดาบพิภพออกมาและพยายามค่อยๆตัดเฉือนมันเบาๆ

 

ทว่ากลับบังเกิดประกายไฟสาดกระเซ็นสวนกลับมา

 

และตรงพื้นก้นสายธารยังคงอยู่ในสภาพเดิม

 

ดาบพิภพที่หนักกว่า 86.37 ล้านจิน น้ำหนักที่แม้กระทั่งแขนของอสูรกายก็ยังมิอาจแบกรับได้ แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถตัดเฉือนพื้นหินเบื้องล่างสายธารอย่างงั้นหรือ???

 

“ไม่ว่าจะเป็นสายธารแห่งการหลงเลือน หรือพื้นหินนี่ มันก็ล้วนเป็นกฏเกณฑ์ของโลกปรภพทั้งสิ้น ดังนั้น ข้าจึงมิอาจสะบั้นมันได้” ดาบพิภพอธิบาย

 

“อ่า เข้าใจแล้ว ข้าก็แค่สงสัยเลยลองทดสอบดูก็เท่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาถอนหายใจบรรเทาความตึงเครียด

 

ในที่สุด .. ในที่สุดตนก็มาถึงโลกปรภพเสียที

 

มองไปยังแต้มพลังวิญญาณที่ยังถูกใช้งานโดยสกิลก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทมบนหน้าต่างระบบเทพสงครามที่กำลังลดหลั่นลงอย่างต่อเนื่อง

 

นับว่าโชคดีจริงๆที่หลังจากเช่าหยินได้ทำการหลอมกลั่นหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนไป การจ่ายออกด้วยแต้มพลังวิญญาณจึงช้าลง เชื่องช้าลงอย่างมาก

 

1000 แต้มพลังวิญญาณที่หายไปในทีแรก นับว่าคุ้มค่าจริงๆ

 

และเขาก็ยังเหลือแต้มพลังวิญญาณอยู่อีกมากกว่า 1000 แต้ม

 

กู่ฉิงซานเลือกทิศทางที่จะไปแบบสุ่ม และเริ่มต้นที่จะสำรวจ

 

เขาตัดสินใจที่จะลองพยายามเดินหาเบาะแสยาวๆจากเบื้องล่างของสายธารดูก่อน จนกว่ามันจะไกลพอสมควรจากถ้ำมืด จากนั้นจึงค่อยออกจากสายธารแห่งการหลงเลือนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกดู

 

ทว่าในตอนนั้นเอง เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังเขา

 

“กรุณา … รอก่อนสักครู่”

 

กู่ฉิงซานชะงักงันไป

 

เพราะเสียงนี้ .. มันมิใช่เสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล

 

เขาค่อยๆหันหน้ากลับไปอย่างช้าๆ ทว่าดันไม่พบสิ่งใด

 

บางทีมันอาจจะเป็นเสียงจากในกระแสน้ำ เพราะบ่อยครั้งที่จะมีสิ่งต่างๆที่มิอาจเข้าใจได้ถูกห่อหุ้มด้วยน้ำจากสายธารและไหลออกไป

 

ทว่าเวลานี้ กู่ฉิงซานกลับไม่พบอะไรแบบที่ว่านั่นอยู่ใกล้ตัวเขาเลย

 

อันที่จริงแล้วกล่าวได้ว่า ตั้งแต่ที่เขาตกลงไปในสายธาร ตนก็ได้กวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปและสำรวจรอบๆตัวตั้งแต่ตอนนั้น

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้ จิตสัมผัสเทวะของเขาก็ยังถูกปลดปล่อยออกไปและปกคลุมในพิสัยหลายร้อยลี้

 

แม้ว่าการกระทำนี้ จะส่งผลให้กระทั่งผู้ฝึกยุทธระดับสูงบางคนก็ยังต้องเหนื่อยล้า หรือขี้เกียจเกินไปที่จะต้องมามุ่งสมาธิมาคอยสังเกตสิ่งรอบตัวก็ตาม แต่ตัวกู่ฉิงซานเองจะประมาทไม่ได้ และเขาจะไม่มีทางทำผิดพลาดเช่นนั้น

 

จิตสัมผัสเทวะกวาดไปมาสองสามรอบ

 

ทว่าเขาก็ยังไม่ค้นพบสิ่งใด

 

สิ่งนี้เองทำให้กู่ฉิงซานต้องเริ่มระวังตัวอย่างจริงจัง

 

กู่ฉิงซานหนึ่งกำปั้นประสานหนึ่งฝ่ามือ โค้งคารวะออกไปและเอ่ยถาม “ท่านผู้ทรงเกียรติ ไม่ทราบว่าท่านจักสามารถแสดงตนให้ข้าเห็นได้หรือไม่?”

 

“เจ้าสามารถจัดการกับอสูรกายได้ด้วยตัวคนเดียว ย่อมแน่นอนว่าข้าต้องการที่จะพบเจ้า โปรดรอสักครู่”

 

เสียงของผู้หญิงไม่เพียงฟังดูเหมือนค่อนข้างจะเย็นชา ทว่ายังคงแฝงไว้ซึ้งคำใบ้ของความหวาดระแวงและเจตนาฆ่าอยู่เล็กน้อย

 

และแน่นอน ว่ากู่ฉิงซานก็รับรู้ได้จึงเจตนาฆ่าที่ว่านั่นเช่นกัน

 

ทันใดนั้น ในหัวใจของเขาก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นทันใด

 

“ท่านเป็นเครื่องจักรหมายเลขอะไร?” เขาเอ่ยถาม

 

“อาเร๊ะ? จริงๆแล้วเจ้าทราบอยู่แล้วหรือว่าข้าเป็นเครื่องจักร?” เสียงผู้หญิงเปล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

“แน่นอน เพราะข้าเคยได้พบกับพวกเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนามาก่อนแล้ว”

 

“เช่นนั้น เจ้าสมควรเป็นลูกค้าของพวกเขาใช่หรือไม่?”

 

“ไม่หรอก พวกเราเป็นสหายกัน”

 

“อย่างงั้นหรือ … ยังไงก็เถอะ ข้าไม่ยอมเชื่อเจ้าอย่างง่ายดายหรอก เพราะหลังจากทั้งหมดนี้ เมื่อครู่แม้กระทั่งอสูรกายก็ยังมิอาจจับเจ้าได้ เจ้าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่พิเศษออกไปอย่างแน่นอน” เสียงผู้หญิงยังคงหวาดระแวง

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานสงบลง

 

คาดว่านี่คงจะเป็น 1 ใน 88 เครื่องจักรจริงๆ

 

มันสามารถซ่อนตัวอยู่เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือนได้ ฟังก์ชั่นความสามารถของมันกล่าวได้ว่าค่อนข้างแปลกทีเดียว

 

แต่แล้วจู่ๆก็เกิดประกายแสงวาบผ่านเข้ามาในหัวของกู่ฉิงซาน

 

จริงสิ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับทางปรภพก็ตามที แต่หากเขาสามารถนำเครื่องจักรที่ทรงพลังกลับไปยังโลกมนุษย์ได้ล่ะก็ กำลังรบของฝั่งเขาอาจจะเพิ่มพูนมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมก็ได้

 

ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังคิด เขาก็ได้เอ่ยออกมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่า “ข้าเป็นสหายของเจ้าจริงๆนะ ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะมีทั้งสิ้น 88 เครื่อง และจำนวนตัวเลขนี้ก็เป็นเพราะท่านเทพวิญญาณผู้สร้างน่ะเป็นผู้ที่เชื่อถือในเรื่องโชคลาง”

 

เสียงผู้หญิงแลดูครุ่นคิด “กระทั่งเรื่องนี้เจ้าก็รู้? เช่นนั้นเจ้าทราบหรือไม่ถึงโชคชะตาของเทพวิญญาณ?”

 

กู่ฉิงซานขบคิดคำกล่าวเดิมของเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาและกล่าวว่า ”เขาจบสิ้นแล้ว”

 

“โห แล้วเจ้ารู้อะไรอีกไหม?”

 

“เครื่องพิพากษาความปรารถนาน่ะต้องการเลือดในการกระตุ้น อ้อจริงสิ ส่วนเครื่องจักรที่ชอบกลั่นแกล้งผู้คนน่ะจะถูกเรียกว่าเครื่องจักรขจัดโทสะ แถมยังได้ยินว่าเป็นหวานใจคู่กัดของเครื่องจักรพิพากษาความปรารนาด้วยนะ”

 

เสียงผู้หญิงดูจะผ่อนคลายลง และเอ่ยพึมพำว่า “กระทั่งความลับในบรรดาเหล่าเครื่องจักรเจ้าก็ยังทราบ จิตวิญญาณมนุษยผู้นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ศัตรู … ”

 

เจตนาฆ่าโดยรอบสลายไป

 

และโครม!

 

พื้นดินพลันสั่นไหว

 

กู่ฉิงซานกำลังเฝ้ารออย่างกระวนกระวาย

 

หินสีเทาที่แข็งแกร่ง – บัดนี้แตกแยกออกจากกัน

 

หินเหล่านี้ที่ซึ่งดาบพิภพก็ยังมิอาจตัดเฉือนได้ จู่ๆก็ถูกแยกออกจากกันเป็นสองฟากฝั่งอย่างรวดเร็ว!

 

ตามต่อด้วยมวลน้ำเปล่งแสงสีฟ้าที่แผ่ร่องรอยจางๆของกระแสไอเย็นออกมาโดยรอบค่อยๆยกตัวลอยสูงขึ้น

 

แล้วมวลแสงก็แตกกระจายออกเล็กน้อย

 

พร้อมกับการปรากฏกายของหญิงนางหนึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมฟ้าที่มีสีสัน ร่างกายบอบบาง ผิวเปล่งปลั่งราวกับหยก  ริมฝีปากสีชาด คิ้วราวกับถูกปักร้อยเรียงโดยขนของนกหงสา ทว่าการแสดงออกทางสีหน้าโดยรวมแล้วยังคงดูเย็นชา

 

หญิงในชุดคลุมฟ้าโค้งกาย และค่อยๆเอ่ยถามออกมาว่า “ใต้เท้า แท้จริงแล้วท่านป็นผู้ใดกันแน่?”