สุราในจอกกระเบื้องใสสะอาดบริสุทธิ์เหมือนน้ำจากบ่อน้ำพุบนเทือกเขาสูง น้ำสุราในจอกกระเพื่อมไปมา กลิ่นหอมแรงชวนเมามายที่ไม่ยอมจากปลายจมูกไปไหนลอยล่องออกจากจอกสุรา
อวี่อ๋องขยับจอกวนให้น้ำสุราในจอกหมุนตามแรง จากนั้นก็ยกขึ้นจิบ รสชาติกลมกล่อมเผ็ดปลายระเบิดออกมาในปาก ทำให้รูขุมขนทั้งร่างสั่นสะท้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ดื่มสุราที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ดีเลิศยิ่งกว่าสุราน้ำอัญมณีทิพย์จากวังหลวงเสียอีก
“สมแล้วที่เป็นร้านที่ทำให้ท่านพ่อถึงกับต้องเสด็จมาเสวยด้วยตนเอง แค่สุรานี้ก็พอจะตรึงลูกค้าให้ติดอยู่ในร้านไม่จากไปไหนแล้ว” อวี่อ๋องอาลัยอาวรณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามากินข้าวที่ร้านของปู้ฟาง ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเพียงเรื่องที่ลือกันปากต่อปากเท่านั้น หลังจากที่ได้มาเหยียบที่แห่งนี้ด้วยตนเอง เขาก็รับรู้ได้ถึงเสน่ห์ของอาหารรสเลิศจากร้านนี้ในที่สุด
สุรานั้นยอดเยี่ยม ส่วนอาหารก็เลิศรส
ซี่โครงเปรี้ยวหวานสีส้มพร้อมควันขาวหนา และกลิ่นเนื้อหอมหวน ทำให้ภาพตรงหน้าดูสวยสดน่าหลงใหล
ที่ทางเข้าตรอก องค์ชายรัชทายาทเดินเอามือไพล่หลัง เชิดคางสูง ซูฉีเป็นคนเดียวที่เดินตามเขามาในวันนี้ สีหน้าจริงจัง มือข้างหนึ่งถือกรงเหล็กใหญ่ยักษ์
“หือ” ปู้ฟางที่เพิ่งเดินออกจากครัวมา มองไปที่ปากทางเข้าร้านอย่างงุนงง เขาเห็นองค์ชายรัชทายาทและซูฉีซึ่งวางกรงเหล็กลงบนพื้นทันทีที่เดินเข้าร้านมาได้
“เถ้าแก่ปู้ ข้ากลับมาแล้ว” องค์ชายรัชทายาทหัวเราะ จากนั้นก็จ้องชายหนุ่มเจ้าของร้านไม่วางตา
หากปู้ฟางทำอาหารโอสถทิพย์ได้สำเร็จ และทำให้สุขภาพของจักพรรดิดีขึ้นได้ คนที่นำอาหารโอสถทิพย์นี้ไปให้จักรพรรดิอย่างจีเฉิงอันจะต้องเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มากขึ้นอีกเป็นแน่ และสถานะองค์ชายรัชทายาทของเขาก็จะมั่นคงขึ้นอีก ทำให้มีโอกาสได้สืบทอดราชบัลลังก์มากกว่าน้องชายทั้งสอง
เมื่อคิดได้ดังนี้ องค์ชายรัชทายาทก็มองปู้ฟางผู้ที่ทำอาหารโอสถทิพย์ได้ด้วยศรัทธาที่แรงกล้ามากขึ้นไปอีก
องค์ชายยกมือขึ้นไปคว้าผ้าที่คลุมกรงเอาไว้แล้วกระตุกออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกรง
ไก่โลหิตปักษาเพลิงขนสีแดงเลือดยืนนิ่งอยู่ภายในกรงเหล็ก ดวงตากลอกไปมาในเบ้า
“ไก่โลหิตปักษาเพลิงรึ” ปู้ฟางชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมององค์ชายรัชทายาทด้วยสายตาประหลาด เขาไม่ได้คิดว่าชายตรงหน้านี้จะดั้นด้นฟันฝ่าไปหาไก่โลหิตปักษาเพลิงมาจริงๆ
“ใช่แล้ว เป็นธรรมดาที่เถ้าแก่ปู้จะจำเจ้าอสูรเวทนี้ได้ทันทีอยู่แล้ว ท่านจำสิ่งที่ตนเองเคยพูดไว้ได้หรือไม่” องค์ชายยิ้ม
ปู้ฟางเดินวนรอบกรงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หนึ่งรอบ เขาตรวจสอบลักษณะของไก่โลหิตปักษาเพลิงตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน อดไม่ได้ที่จะเทียบกับไก่ที่ระบบเคยหามาให้ ชายหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าไก่ที่องค์ชายรัชทายาทหามานี้คุณภาพแย่กว่าไก่จากระบบในทุกๆ ด้านเลยทีเดียว
“วัตถุดิบที่ระบบหามาให้นั้นคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุดและผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี เป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดของที่สุดจากวัตถุดิบที่มีให้เลือกสรรมากมายในโลกนี้” เสียงระบบดังขึ้นในศีรษะของชายหนุ่ม
ปู้ฟางพยักหน้า เขาเชื่อว่าวัตถุดิบที่ระบบหามาให้นั้นคุณภาพยอดเยี่ยมเหนือชั้นที่สุดจริงๆ
แต่เขาก็ได้ตกลงว่าจะทำน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงให้องค์ชายรัชทายาทไปแล้ว หากอีกฝ่ายสามารถหาวัตถุดิบมาให้ได้
“แล้วสมุนไพรสะระแหน่กับส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นยาอย่างอื่นๆ เล่า” ปู้ฟางถาม
ดวงตาขององค์ชายรัชทายาทสว่างวาบขึ้นทันที เขาโบกมือ พลันถุงหนังที่บรรจุสมุนไพรมากมายก็ปรากฏขึ้นบนมือ องค์ชายยื่นถุงหนังให้ปู้ฟาง
สมุนไพรสะระแหน่สวรรค์ถูกเก็บอยู่ในกล่องไม้ลายวิจิตร ซึ่งองค์ชายก็ยื่นให้ปู้ฟางอย่างระมัดระวังเช่นกัน
สมุนไพรชนิดนี้ราคาแพงจับใจ มูลค่าของมันเทียบเท่าไก่โลหิตปักษาเพลิงเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังเก็บเกี่ยวยาก เนื่องจากเติบโตในดินแดนป่ารกชัฏ อันเป็นสถานที่ที่มีอสูรเวทระดับสูงจำนวนมากอาศัยอยู่ แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการเองก็อาจเสียชีวิตได้ขณะสำรวจดินแดนสุดอันตรายแห่งนี้
ทว่าด้วยความที่สมุนไพรสะระแหน่สวรรค์เป็นเพียงสมุนไพรพลังปราณระดับห้า จึงขึ้นอยู่บริเวณรอบนอกของดินแดนป่ารกชัฏเท่านั้น ด้วยเหตุนี้องค์ชายรัชทายาทจึงไปเสาะหามาจนได้ด้วยการใช้เงินแก้ปัญหา
หลังจากรับสมุนไพรสะระแหน่สวรรค์ที่หน้าตาดูไม่ค่อยดีมาเรียบร้อย ปู้ฟางก็พยักหน้าแล้วเอ่ย “การทำน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนั้นใช้เวลานาน และวันนี้ร้านก็กำลังจะปิดแล้ว เจ้ากลับมาใหม่พรุ่งนี้เพื่อรับอาหารโอสถทิพย์ก็แล้วกัน ในเมื่อเจ้าหาวัตถุดิบมาเองก็สามารถเอาอาหารกลับไปได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าขององค์ชายรัชทายาทแข็งทื่อ เขาคิด “เจ้าจะไม่ทำวันนี้แค่เพราะร้านจะปิดแล้วเนี่ยนะ”
“เถ้าแก่ปู้ แต่ข้าจำเป็นต้องใช้น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนี้จริงๆ ทำให้วันนี้ไม่ได้หรือ” องค์ชายรัชทายาทถามพร้อมมุ่นคิ้ว วัตถุดิบเหล่านี้แพงมาก และเขาก็ใช้เงินเก็บของตนเองไปเยอะ จึงอยากดูปู้ฟางทำอาหารจานนี้ด้วยตาของตนเอง มิเช่นนั้นคงไม่สบายใจเป็นแน่
ปู้ฟางเหลือบตามององค์ชาย “อาหารโอสถทิพย์ไม่ได้ทำง่ายเหมือนอย่างที่คิด ต้องใช้ทักษะหลายอย่าง และข้าก็ต้องการสมาธิด้วย หากไม่เชื่อก็ไปถามพ่อครัวหลวงที่วังของเจ้าสิ
“อันที่จริงคุณภาพของวัตถุดิบที่เจ้าหามาให้ก็จัดว่าดาษดื่น ข้าไม่สนใจพวกมันแม้แต่น้อย แต่ข้าเกลียดนักเวลามีคนมาสงสัยความสามารถของข้า ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกข้าจะให้อภัยเจ้า แต่หากมีอีกครั้ง ก็เชิญเอาส่วนผสมกลับบ้านไปได้เลย” ปู้ฟางพูดหน้าตาย ดวงตาไร้อารมณ์มองไปยังองค์ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
จีเฉิงอันโกรธมาก! จะมีใครในจักรวรรดินี้ที่กล้าพูดจากับเขาเช่นนี้! แถมยังกล้าข่มขู่เขาอีก!
“เจ้า…” องค์ชายรัชทายาทสูดหายใจเข้าลึก แต่เมื่อนึกถึงเบื้องหลังอันแสนลึกลับของร้านและความสามารถในการทำอาหารโอสถทิพย์ของปู้ฟาง มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์กดโทสะของตนเองลงไป
“ข้าไม่ได้สงสัยในความสามารถเถ้าแก่ปู้เลย เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งคนมารับพรุ่งนี้ก็แล้วกัน หวังว่าเถ้าแก่ปู้จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ” องค์ชายรัชทายาทเอ่ย
“ฮ่าๆๆ!”
ตอนที่องค์ชายรัชทายาทพูดจบนั่นเอง เสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความเย้ยหยันก็ดังมาจากบริเวณใกล้ๆ
องค์ชายรัชทายาทขมวดคิ้ว หันไปมองต้นตอเสียงหัวเราะ แล้วก็เห็นอวี่อ๋องที่นั่งอยู่ตรงนั้นทันที
อวี่อ๋องยกจอกสุราขึ้นดื่มหมดรวดเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาองค์ชายรัชทายาท ใบหน้าของอวี่อ๋องอาบด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนนักปราชญ์ผู้สง่างาม
“พี่ชายที่รักของข้า ไม่คิดเลยว่าจะเจอท่านที่นี่ จึ๊ๆๆ ท่านมาให้เถ้าแก่ปู้ทำอาหารโอสถทิพย์ให้รึ ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะยืดชีวิต… ท่านพ่อ ข้าพูดถูกไหมเล่า” อวี่อ๋องพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า
รูม่านตาขององค์ชายรัชทายาทและซูฉีหดแคบลง ก่อนหน้านี้ทั้งสองมัวแต่สนใจปู้ฟาง จนไม่ทันเห็นอวี่อ๋องที่อยู่ในร้านเช่นกัน
“มันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!” องค์ชายรัชทายาททั้งตกใจและโกรธเกรี้ยวไปพร้อมกัน!
องค์ชายรัชทายาทหันไปมองซูฉีด้วยสายตามีความนัย ซูฉีพลันตัวสั่น เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเกรงกลัวแล้วโค้งคำนับ
“ฮ่าๆๆ! ช่างบังเอิญเสียจริง น้องสอง ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็ติดใจรสมือเถ้าแก่ปู้เหมือนกันสินะ” องค์ชายรัชทายาทใบหน้าเปื้อนยิ้มขณะพยักหน้าให้อวี่อ๋อง
อวี่อ๋อง จีเฉิงอวี่ มีพลังปราณอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับห้าขั้นราชันยุทธการ อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะบรรลุขั้นจักรพรรดิยุทธการแล้ว ตัวเขามีพลังปราณสูงที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งสาม
แม้องค์ชายรัชทายาทจีเฉิงอันและองค์ชายสามจีเฉิงเสวี่ยจะมีปราณอยู่ในระดับห้าเหมือนกัน แต่ทั้งสองก็อยู่เพียงขั้นต้นเท่านั้น หากเทียบกับอวี่อ๋องแล้ว ถือว่าเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว
“แน่นอนอยู่แล้ว อาหารของเถ้าแก่ปู้นั้นอร่อยจริงๆ สุราเองก็จัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก ท่านพี่เองก็ลองสั่งมาชิมบ้างสิถ้ามีโอกาส” อวี่อ๋องหัวเราะในลำคอ ก่อนวางผลึกจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะแล้วเดินออกจากร้านไปช้าๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าองค์ชายรัชทายาทค่อยๆ จางหายไป ขณะมองแผ่นหลังจากอวี่อ๋องเดินลับออกจากตรอกด้วยสายตาหดหู่
ด้วยระดับปราณและแรงสนับสนุนของขุนนางในราชสำนักครึ่งหนึ่ง น้องสองจีเฉิงอวี่เป็นคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของตัวเขา และเป็นผู้ที่ทำให้เขานั่งไม่ติดเสมอมา
“เถ้าแก่ปู้… ทำวันนี้เลยไม่ได้จริงๆ หรือ” องค์ชายรัชทายาทหันมาถามปู้ฟาง
“ไม่ได้” ปู้ฟางตอบ เขาหันหลังกลับอย่างไร้ความรู้สึกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “อย่าลืมจ่ายค่าทำอาหารอีกห้าสิบผลึกด้วย”
“ห้าสิบผลึกรึ” องค์ชายรัชทายาทหรี่ตา เขาโบกมือเรียกผลึกออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วเดินปึงปังออกไปด้วยโทสะ องค์ชายรัชทายาทนั้นช่างมั่งคั่งเสียจริง
ซูฉีถอนหายใจแล้วเดินคิ้วขมวดตามออกไป
ไม่นานนักร่างของทั้งสองก็หายไปจากตรอก
“เอาล่ะ เสี่ยวอี้ วันนี้ปิดร้านแล้ว” ปู้ฟางลุกขึ้นยืนพร้อมเอามือลูบหัวเด็กหญิง หลังจากที่ส่งนางกลับบ้านไปแล้ว เขาก็ยกกรงเหล็กขึ้นแล้วเดินเข้าครัวไป
………………………..