บทที่ 74

เมื่อเห็นพวกโจรหนี กู่เยว่กับทุกคนจึงตั้งท่าจะไล่ตามไป ทว่าถังหยินกลับขวางเอาไว้ด้วยดาบของตัวเอง “อย่าไปไล่ตามมัน ! ” ชายหนุ่มเลือกที่จะระวังตัวไว้ก่อน เขานั้นคิดว่าไม่ควรจะไล่ตามศัตรูที่แตกทัพในตอนกลางคืนเช่นนี้ เพราะสถานที่โดยรอบนั้นต่างก็แปลกตา มันอาจทำให้พวกเขาเจอกับการซุ่มโจมตีจากพวกโจรกลุ่มอื่นอีกก็ได้

ไม่นานนัก กลุ่มคนที่มาจากถนนหลวงก็มาถึง ผู้นำของพวกเขามีอายุราว ๆ 30 ต้น ๆ อยู่ในชุดเกราะสีดำและผ้าโพกหัวสีแดงบนหลังม้าตัวใหญ่ ส่วนด้านหลังเขาก็มีทหารเดินตามมาด้วย

ชายผู้นั้นควบม้าเดินออกมาแล้วมองถังหยินกับคนอื่น “ข้าคือหัวหน้ากองทหารที่ 1 ใต้สังกัดเขตปิงหยวน ท่านคือท่านถังใช่หรือไม่ ? ”

ได้ยินแบบนี้ชายหนุ่มก็เดินออกมาสองก้าวแล้วเงยหน้าขึ้นตอบ “ใช่แล้ว ข้าคือถังหยิน ! ”

เมื่อชายบนหลังม้าได้ยินแบบนั้น เขาก็พลันตัวสั่น ก่อนจะรีบกระโดดลงมายืนข้าง ๆ ถังหยินแล้วพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “ข้าน้อยจางโจวมาช้า ทำให้ท่านถังเผชิญอันตราย ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

ถังหยินมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะมายังที่นี่เขาได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ของปิงหยวนมาบางส่วนแล้ว ที่แห่งนี้มีหน่วยทหารอยู่ 3 กอง และคนที่คุมกองแรกก็คือจางโจวตรงหน้าเขานี่เอง

ชายคนนี้รูปร่างขนาดกลางใกล้เคียงกับถังหยิน แถมดูเหมือนว่าถังหยินจะเตี้ยกว่าด้วย แต่ช่างมันปะไร ยังไงเสียยศของชายหนุ่มก็สูงกว่าอีกฝ่าย !

“แม่ทัพจาง เจ้าไม่รู้ว่ามีโจรอยู่แถวนี้ ? ” กลุ่มโจรเมื่อครู่มีผู้นำถึง 2 คน ทั้งยังเป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์อีกด้วย จางโจวรู้ดีว่าตำแหน่งของเขาต้องมีปัญหาเพราะเรื่องนี้แน่ !

จางโจวตอบไม่ถูก เขาก้มหัวลงแล้วตอบไป “ข้าน้อยเคยได้ยินอยู่บ้าง”

“แล้วทำไมไม่จัดการมัน ? ”

“พวกเราพยายามกำจัดมันแล้ว แต่ทุกครั้งที่ล้อมมันได้ มันก็จะหาทางหนีไปได้ทุกครั้งจนข้าน้อยทำไม่สำเร็จเสียที ! ” จางโจวก้มหัวตอบรับ

ถังหยินไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้สึกพอใจที่อีกฝ่ายยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา

เขามองไปด้านหลังของจางโจวที่มีทหารกว่าอีก 2 พันนายด้านหลังที่ยังดูหนุ่มแน่น หากแต่พวกเขากลับไม่มีขวัญและกำลังใจเลย เกราะของพวกเขาก็ไม่ครบถ้วน เครื่องแต่งกายดูราวกับใบหญ้าที่โดนลมพายุก็ปลิวหายไปได้ง่าย ๆ

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าให้พี่น้องของพวกเราใส่ชุดนี้ในหน้าหนาวงั้นหรือ ? ”

จางโจวพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปด้วย

เมื่อเห็นถังหยินพยายามจะซักไซ้ต่อ ชิวเจิ้นจึงสะกิดแขนเขา

อย่างไรเสียจางโจวเองก็เป็นแม่ทัพในเขตนี้ ถึงถังหยินจะเป็นเจ้านายของเขา แต่การพูดแบบนี้ครั้งแรกมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงเสียเปล่า ๆ

เขามองไปยังจางโจวและถามอย่างสุภาพ “เขตปิงหยวนนั้นเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ทำไมแม่ทัพจางไม่แจกจ่ายเสื้อผ้าฝ้ายให้เหล่าทหารกัน ? ”

จางโจวไม่ใช่คนใจดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นคนที่ยืนข้าง ๆ ถังหยินถาม เขาจึงต้องทำตัวให้สุภาพและดูดีเอาไว้ก่อน เขาพูดอย่างช้า ๆ ทำให้ทุกคนเริ่มมองเขาดีขึ้น

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะให้พวกเขาหรอก แต่เพราะว่าในคลังของเรามันไม่มีเหลือแล้วท่านถัง”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “แล้วท่านผู้ว่าคนที่แล้วไม่ได้รายงานเรื่องนี้ไปหรือ ? ”

“ทำแล้ว แต่ทว่าของพวกนั้นกำลังอยู่ในระหว่างส่งขอรับ”

“ถ้างั้นมันจะมาเมื่อไหร่ ?”

“เอ่อ…” สีหน้าของจางโจวขมขื่น เขาก้มหัวและไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเสบียงพวกนั้นจะมาถึงที่นี่ตอนไหน

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลังเลที่จะพูดอยู่หลายครั้ง ถังหยินก็เริ่มหมดความอดทน ชายหนุ่มเดินผ่านจางโจวและไปหาพวกทหารที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อมองจากไกล ๆ ก็สามารถเห็นได้ในทันทีว่าทหารพวกนี้ไม่พร้อมขนาดไหน บางคนไม่มีเกราะ บางคนก็เหมือนกับเอาเศษผ้ามาปะติด บางคนก็เกราะแตกเป็นรูจนต้องใช้ผ้ามาอุดไว้ เกราะแบบนี้ควรถูกสับเปลี่ยนได้ตั้งนานแล้ว ถ้าเกิดมีการต่อสู้กับพวกมอร์ฟีสแบบนี้จะเอาชนะได้ยังไงกัน ?

แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้เกราะใหม่กัน ? แม้แต่ถังหยินที่เพิ่งมาใหม่ก็ไม่คิดจะยืมกองทหารจากจางโจวมาใช้แน่ถ้าพวกเขาเป็นแบบนี้ “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้าทุกคนล้วนแล้วแต่มีเกราะที่ชำรุด ทำให้ขาดความพร้อมสำหรับการสู้รบ เช่นนั้นทำให้พวกเจ้าถึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังผู้ว่ามณฑลกัน ? ”

จางโจวไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้ เขานิ่งเงียบ

ชายหนุ่มเริ่มหมดความอดทน “หรือว่าแม่ทัพจางเอาของพวกนั้นไปเติมเต็มเงินในกระเป๋าตัวเองเสียหมด ?”

ได้ยินแบบนี้ขาของจางโจวก็อ่อนแรงจนล้มไปกองกับพื้น

เขามองถังหยินด้วยความตะลึงและรีบแก้ตัว “ท่านถัง ตลอดชีวิตในกองทัพของข้า ข้านั้นไม่เคยคิดที่จะขโมยเงินสักแดงเดียว…”

“แล้วมันไปอยู่ไหนหมด ? ” ถังหยินพูดตัดบทอย่างไม่สนใจ

จางโจวถอนหายใจ ไม่คิดจะปกปิดอีกต่อไป เขาพูดด้วยเสียงอันเบาบาง “นี่ก็ 3 ปีมาแล้วที่ทางมณฑลได้ส่งเกราะกับหมวกเพียงชุดเดียวมาที่ปิงหยวน จึงทำให้ที่แห่งนี้นั้นขาดแคลนอุปกรณ์อย่างหนัก เมื่อมีสหายร่วมทัพตาย เกราะของพวกเขาก็จะถูกส่งต่อให้กับพวกหน้าใหม่ เรื่องนี้มัน….”

“อะไรกัน ! ” ถังหยินโกรธจัด กู่เยว่ หลีเทียน และคนอื่น ๆ เองก็พากันขมวดคิ้วแน่นด้วยไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้

“จริงหรือ ? ”

“ข้าน้อยคนนี้ไม่ได้พูดปดแม้แต่คำเดียว ! ”

“ไม่มีเกราะใหม่เลยงั้นหรือ ? ”

“ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจ” จางโจวดูสับสน

เขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาควบคุมได้อยู่แล้ว ทางเขตปิงหยวนไม่มีอำนาจที่จะไปยุ่งในเรื่องนี้ได้เลย

ถังหยินมองไปยังจางโจว จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ภายใต้สายตานี้ มันก็ทำให้จางโจวรู้สึกไม่สบายใจ เขาก้มหัวลงต่ำมากกว่าเดิม

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วถังหยินก็กล่าวออกมาว่า

“แม่ทัพจาง พาคนของเจ้าตามข้ามา !”

“พวกเราจะไปไหนกันหรือท่าน ? ”

“ชุนโจว !” ถังหยินรีบเดินไปขึ้นม้าของเขา

“ไป… ชุนโจว ? ท่านถังจะไปที่นั่น…”

“เพื่อเรื่องทางการทหารไง ! ” ถังหยินตอบกลับ

เกราะคือชุดที่คอยปกป้องเหล่าทหารในสนามรบ ถ้าไม่มีเกราะก็บอกได้เลยว่าจะต้องมีคนตายอีกมากในการรบ ! ไม่ว่าผู้ว่าประจำมณฑลจะมีคำตอบแบบใดก็ตาม แต่ถังหยินจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ !!!

ชายหนุ่มอยากจะเดินทางกลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่อถามหายุทโธปกรณ์เดี๋ยวนี้เลยงั้นหรือ ? เหตุการณ์ที่เป็นไปเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของจางโจวอย่างมาก เขาอยู่ในกองทัพมานาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้น !

“ท่านถัง นี่มันไม่ถูกต้อง ! ” จางโจวควบม้าตามไป

“ไม่ถูกต้องงั้นหรือ ? ” ถังหยินยิ้มออกมา หากแต่ดวงตาของเขาฉายแสงความเย็นชาออกมาด้วย “ถ้าหยูเฮอกล้าพูดว่า ‘ไม่ถูกต้อง’ ต่อหน้าข้า รับรองว่ามันหัวขาดแน่ ! ”

ได้ยินแบบนี้จางโจวก็แทบตกจากม้า

เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นมุกตลก เพราะถ้าเป็น งั้นมันก็คือการแกล้งที่เหมือนจริงมากทีเดียว

แน่นอนว่าถังหยินไม่ได้พูดเล่น บางทีคนอื่น ๆ อาจจะกลัวผู้ว่านั่น แต่ชายหนุ่มไม่กลัว เพราะเขามีตำแหน่งแม่ทัพเจิ้นเป่ยอยู่กับตัว ดังนั้นถังหยินจึงกล้าที่จะทำมัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้กองทัพของตนได้ในสิ่งที่สมควรได้ !

ระหว่างทาง เขาก็ได้ถามจางโจวไปตลอดเส้นทางว่ากองทัพมีอะไรขาดหายบ้าง

คำตอบมันทำให้ชายหนุ่มโกรธจัดจนแทบจะระเบิดออกมา อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายรวมไปถึงเสบียงเองก็ขาดแคลน ทุกอย่างที่เป็นของจำเป็นสำหรับกองทัพล้วนไม่เพียงพอทั้งหมด !

เดิมทีมีกองทหารอยู่สามกองพลที่ปิงหยวน แต่ด้วยงบที่มีจำกัด จึงทำให้พวกเขามีเงินเพียงพอแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ตอนนี้ท่ามกลางกองทหารทั้งหมด 2 หมื่นนาย มีเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นที่ได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน

ยิ่งเขาได้ยินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งโกรธ “แม่ทัพจาง บอกข้ามาว่ามีอะไรที่ตกหล่นอีก ? ”

“มีแค่เสบียงที่ไม่ขาดขอรับ” จางโจวตอบช้า ๆ

ยังดี อย่างน้อยก็ไม่ขาดแคลนอาหาร ยังดีที่หยูเฮอไม่คิดจะทำให้พวกทหารหิวตายกันที่นี่ ถังหยินพึมพำในใจ

จากนั้นจางโจวก็เสริมขึ้น “แท้จริงแล้วข้าวและอาหารอื่น ๆ นั้นเพียงพอแค่สำหรับครึ่งกอง แต่พวกตระกูลใหญ่ในปิงหยวนก็ช่วยกันบริจาคอาหาร ดังนั้นพวกเราจึงพอที่จะประคองต่อไปได้”

ถังหยินโกรธจัดจนต้องกำหมัดแน่น ไอ้เจ้าหยูเฮอนี่มันต้องโดนฆ่าถึงจะสาสม !

ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ฉีกยิ้มออกมาอย่าชั่วร้าย

จางโจวไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกันต่อดี ทว่าชิวเจิ้นกับทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจ พวกเขามองหน้ากันอย่างหวาดผวาเมื่อนึกถึงตอนที่ถังหยินโกรธจัด

ถังหยินหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ข้ารู้น่า ไม่ต้องห่วงหรอก ! ”

ยิ่งได้ยินแบบนั้น ชิวเจิ้นก็ยิ่งกังวล